ผักผลไม้ 5 สีที่พ่อแม่ลูกควรรับประทาน
ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย แนะนำว่า ใน 1 วันควรรับประทานผักให้ได้อย่างน้อย 2 ทัพพี ควบคุมกับผลไม้ทุกมื้อเป็นประจำ และผักควรรับประทานให้ครบ 5 สี ดังนี้
1.สีเขียว ให้สารคลอโรฟีลล์ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ขจัดฮอร์โมนที่เป็นสาเหตุของมะเร็งบางชนิด เช่น ผักบุ้ง ผักโขม ผักปวยเล้งผักกาดหอม ผักคะน้า แตงกวา
2.สีเหลือง ให้สารเบต้าแคโรทีน และฟลาโวนอยส์ ช่วยรักษาสุขภาพของหัวใจ หลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย บำรุงสายตา เช่น แครอท ฟักทอง มันเทศ
3.สีม่วง ให้สารแอนโทไซยานิน ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมองยับยั้งเชื้ออีโคไลในทางเดินอาหาร ซึ่งทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษได้ เช่น กะหล่ำสีม่วง มะเขือม่วง ดอกอัญชัน
4.สีขาว ให้สารอะไลซิน สร้างเซลล์ให้แข็งแรง ยับยั้งการเกิดเนื้องอกช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมากต้านการอักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดปริมาณไขมันในเลือด ลดความดันโลหิตป้องกันเส้นเลือดอุดตัน รักษาระบบภูมิคุ้มกัน เช่น กระเทียม หัวไชเท้า ถั่วเหลือง
5.สีแดง มีสาร ไลโคพีน อยู่ในปริมาณสูง มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ โดยมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระที่สูงมาก มีความสามารถในการต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี 100 เท่า และมากกว่ากลูตาไธโอนถึง 125 เท่าสารไลโคพีนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งปอด และยังช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งเยื่อบุมดลูก เช่น มะเขือเทศ หอมแดง พริกหวาน เป็นต้น
เคล็ดลับ
ก่อนรับประทานผักผลไม้ทุกครั้ง ควรล้างด้วยน้ำสะอาด 1-2 ครั้ง เพื่อลดสารพิษและยาฆ่าแมลงที่ตกค้าง แล้วแช่ผักผลไม้ในน้ำเกลือ 2 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร หรือผสมน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยตวงต่อน้ำ 4 ลิตร หรือน้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร แช่นาน 15-30 นาที แล้วล้างน้ำเปล่าอีก 2 ครั้ง สำหรับผักบางชนิด เช่น คะน้า กะหล่ำ ถั่วฝักยาว ถ้ามีคราบขาวจับที่กาบใบหรือฝักมากเกินไปล้างน้ำหลายๆ ครั้ง และคลี่ใบถูหรือล้างด้วยการเปิดน้ำไหลผ่านผักสดอย่างน้อย 2 นาที