คุณแม่มือใหม่ อยากให้ลูกพัฒนาการดี พร้อมเรียนรู้ในทุกๆ วัน ก่อนอื่นต้องสังเกตลูกให้มากๆ ว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้ลูกไม่สบายตัวบ้าง ถึงแม้ว่าการร้องไห้งอแงมักเป็นเรื่องปกติของเด็กๆ อาจเกิดจากความหิว ไม่สบายตัว ยุงกัดแล้วคัน หรือผ้าอ้อมเปียกชื้น แต่ด้วยความที่เด็กๆ ไม่สามารถสื่อสารได้ จึงแสดงออกเป็นการร้องไห้นั่นเอง
เมื่อสังเกตสาเหตุการร้องไห้ของลูกแล้ว แม่ๆ ก็จะได้หาวิธีรับมือที่ถูกต้อง โดยทีมแม่ ABK มีเคล็ดไม่ลับ 5 วิธีดูแลลูกน้อยให้อารมณ์ดี แฮปปี้ทั้งวันมาแชร์ให้อ่านกันดังนี้ค่ะ
1. เล่นกับลูก ด้วยการสังเกตพัฒนาการตามวัย
เด็กแต่ละช่วงวัยมีพัฒนาการที่ค่อยเป็นค่อยไปต่างกัน แม่ๆ สามารถศึกษา ไปพร้อมกับสังเกตว่าลูกของเราที่โตขึ้นมาในแต่ละวันทำอะไรได้บ้าง ดังนี้ค่ะ
- แรกเกิด – 2 ขวบ เป็นช่วงเวลาทองของคุณแม่ที่สามารถ ค่อยๆ สร้างพัฒนาการของลูกได้ ช่วง 7 เดือนแรก เด็กๆ จะมีพัฒนาการด้านร่างกาย และการรับรู้ ใช้ของเล่นมีสีสัน และเสียงเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกมองตาม เกมง่ายๆ ที่ทุกบ้านเล่นกันอย่าง จ๊ะเอ๋! ก็ช่วยให้ลูกอารมณ์ดี เกิดพัฒนาการด้านอารมณ์ได้เช่นกัน ช่วง 8 เดือน -1 ขวบ ลูกเริ่มตั้งไข่ยืนขึ้นได้แล้ว แม่อาจจะใช้ของเล่นที่ลูกชอบ ร้องเพลงกระตุ้น เพื่อเป็นตัวหลอกล่อให้ลูกหัดเดิน และเคลื่อนไหวเยอะขึ้น
- 2-3 ขวบ เป็นวัยที่เริ่มมีความตื่นเต้นในการสำรวจและเป็นตัวของตัวเอง และชอบเข้าสังคม แม่อาจหาของเล่นที่เสริมสร้างจินตนาการ และประสบการณ์ให้กับลูก พร้อมกับการพัฒนากล้ามเนื้อมือ เช่น การวาดรูป ระบายสี เล่นดินน้ำมัน แป้งโด อาจพาไปเข้าคอร์สสั้นๆ ให้ลูกได้พบปะเพื่อนๆ เพื่อรู้จักการแบ่งปัน และความมีระเบียบวินัย
- 3-4 ขวบขึ้นไป ช่วงนี้เด็กเริ่มมีพัฒนาการที่แข็งแรงขึ้น ต้องเน้นกิจกรรมที่ใช้พลังงาน เช่นการเล่นกีฬานอกบ้าน หรือเกมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกาย โดยลองหาเกมที่คุณพ่อคุณแม่เล่นด้วยกันกับลูกได้ด้วย เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว เล่น ตีแบดมินตัน ปั่นจักรยาน หรือโยน รับ ลูกบอล
2. พาลูกไปเดินเล่นนอกบ้าน รับแสงแดดอ่อนๆ และบรรยากาศนอกบ้านบ้าง
แดดอ่อนๆ ยามเช้า และยามเย็น เป็นช่วงเวลาที่น่าพาลูกออกไปเดินเล่นรับแสงแดดบริเวณบ้าน และยังทำให้แม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายไปด้วยกัน เพราะแม่ที่ต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูกตลอดเวลาอาจเกิดความเครียดได้ การปรับสภาพแวดล้อมวันละนิดสำหรับทั้งแม่ลูกจะช่วยให้บรรยากาศการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันดีขึ้น แม่อารมณ์ดี มีความสุขในการเลี้ยงลูก ก็ทำให้ลูกมีความสุขไปด้วย ทั้งนี้ แม่ควรเลือกสถานที่ไปเดินเล่นที่อากาศปลอดโปร่ง ถ่ายเทสะดวก คนไม่พลุกพล่าน เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่ลูกน้อย
3. ร้องเพลง และอ่านนิทานให้ลูกฟัง
การอ่านนิทานจะช่วยเสริมพัฒนาการและสติปัญญาให้กับลูก ซึ่งแม่สามารถอ่านให้ฟังได้ตั้งแต่ช่วง 0-6 เดือน อาจใช้หนังสือนิทานผ้าที่แม่สามารถเปิดภาพ มีเสียง และเล่านิทานไปด้วย เพื่อให้ลูกได้สัมผัสกับพื้นผิว และรูปภาพในหนังสือ เมื่อลูกเริ่มนั่งทรงตัวได้ อาจเปลี่ยนเป็นนิทานบอร์ดบุ๊คที่ให้ลูกสัมผัส และสังเกตภาพระหว่างเล่านิทาน และการร้องเพลงก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการ การรับรู้ การจดจำเสียง ซึ่งแม่อาจสอดแทรกบทเพลงเข้าไปในนิทานก็ได้ เป็นกิจกรรมระหว่างแม่ลูกที่ทำให้เกิดความเพลิดเพลิน แฮปปี้ไปด้วยกัน
4. นอนให้พอทั้งกลางวัน และกลางคืน เตรียมที่นอนให้หลับสบาย
การนอนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ลูกน้อยไม่งอแงระหว่างวัน โดยปกติแล้ว ช่วงแรกเกิด – 4 เดือน จะมีภาวะหลับ-ตื่น สลับกันไปทั้งวัน จะยังไม่สามารถนอนได้ยาว เพราะต้องตื่นมาทานนมและขับถ่าย แต่เมื่ออายุได้ประมาณ 4 เดือน ก็จะเริ่มหลับกลางคืนได้ยาวขึ้น และเมื่ออายุ 6 เดือน จะสามารถหลับยาวตลอดคืนได้ประมาณ 8-12 ชั่วโมง
แม่ต้องฝึกให้นอนเป็นเวลา และจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการนอน ที่นอนตอนกลางคืนควรมืด เงียบ และอุณหภูมิเหมาะสม ส่วนการนอนกลางวัน ไม่จำเป็นต้องทำให้ห้องมืดเหมือนเวลากลางคืน เพราะเราต้องการให้ลูกนอนกลางวันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ และนอนยาวในช่วงกลางคืน ดังนั้น ต้องสร้างสภาพแวดล้อมกลางวันและกลางคืนให้แตกต่างกัน เพื่อให้ลูกได้รู้ว่าช่วงไหนควรนอนยาว เลือกเสื้อผ้าที่สบายตัว ที่นอนไม่ระคายเคือง ป้องกันแมลง และยุงไม่ให้เข้ามารบกวนลูกเวลานอน เปลี่ยนผ้าอ้อมให้แห้งสบายก่อนนอน นอกจากนี้การเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน ทำให้ลูกผ่อนคลายพร้อมที่จะนอนหลับอีกด้วย
5. ทำให้ลูกน้อยสบายตัวอยู่เสมอ ด้วย แป้งเด็กแคร์ ช่วยปกป้องลูกจากความเปียกชื้นเหนือชั้น
ปกป้องความเปียกชื้นในผ้าอ้อมระหว่างวัน สาเหตุของผดผื่น ด้วยตัวช่วยที่แม่ๆ ไว้วางใจ แป้งเด็กแคร์ สูตรไฮโป-อัลเลอร์เจนิก ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ผิวหนังแล้วว่าอ่อนโยน ไม่ระคายเคือง ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ ปลอดภัยต่อผิวบอบบาง ปกป้องผิวลูกน้อยจากความเปียกชื้นอย่างเหนือชั้น พร้อมช่วยลดผดผื่น มีส่วนผสมจากธรรมชาติ 95% ปราศจากพาราเบน ซิลิโคน และสีสังเคราะห์ และผ่าน 3 การทดสอบควบคุมคุณภาพ ทำให้แม่ๆ มั่นใจในความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
แป้งเด็กแคร์ มีให้แม่ๆ เลือกใช้ถึง 7 สูตรด้วยกัน
- แคร์ คลาสสิค ผสานสารสกัดจากขมิ้น ช่วยลดผดผื่น
- แคร์ พิงค์ ซอฟท์ กลิ่นหอมละมุนจากดอกไม้นานาพันธุ์
- แคร์ กลิ่นซากุระ กลิ่นหอมอ่อนโยน ด้วยแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่น
- แคร์ จัสมิน คอตต้อน กลิ่นหอมบริสุทธิ์ดั่งรักของแม่
- แคร์ ลาเวนเดอร์ แอนด์ โอ๊ตมิลค์ กลิ่นหอมผ่อนคลายจากลาเวนเดอร์
- แคร์ พีโอนี แอนด์ พีช กลิ่นหอมละมุนอ่อนโยน
- แคร์ ไรซ์มิลค์ แอนด์ ฟรีเซีย ผสานสารสกัดน้ำนมข้าว บำรุงผิวเนียนนุ่ม พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นของดอกฟรีเซีย
สามารถติดตามอ่านรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
https://www.care.co.th/baby-talcum-powder
เคล็ดไม่ลับเหล่านี้ จะช่วยให้ทั้งแม่ลูกแฮปปี้ อารมณ์ดี มีความสุข พร้อมเรียนรู้ไปด้วยกันในทุกๆ วัน เพราะความสุขของลูก ก็คือความสุขของแม่ยังไงล่ะ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิง
https://www.amarinbabyandkids.com/pregnancy/birth/how-to-be-effective-parenting/
https://www.amarinbabyandkids.com/parenting/baby-sleep-routine/
https://www.bangkokpattayahospital.com/th/healthcare-services/pediatric-center-th/child-articles-th/item/1122-the-great-lie-of-the-ball-th.html