ลูกป่วยง่าย เกิดได้จากหลายสาเหตุ
ลูกป่วยทีไรคุณพ่อคุณแม่ก็ใจไม่ดีทุกครั้ง เพราะอดเป็นห่วงเจ้าตัวน้อยไม่ได้ แถมบางครั้งก็มาครบทั้งอาการไอ จาม น้ำมูกไหล ตัวร้อน หนาวสั่น และมีไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียสจนลูกงอแงมากกว่าปกติ และถ้ายิ่งบ้านไหน “ลูกป่วยง่าย” ไม่แข็งแรง ก็ยิ่งทำให้คุณพ่อคุณแม่อยากจะป่วยแทนลูกไปเสียทุกที
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยป่วยก็มีมากมายหลายด้านเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็น
- อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูหน้าหนาว ที่มีความชื้นและลมแรงก็จะส่งผลให้เชื้อแพร่กระจายได้ง่ายกว่าปกติ
- โรคประจำตัวของเด็ก อย่างเช่น โรคภูมิแพ้ ที่อาการอาจกำเริบขึ้นมาได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านฤดู
- การสัมผัส ที่เกิดจากการที่ลูกของเรานั้นจะต้องไปโรงเรียนและเข้าสังคมกับเพื่อน ๆ ก็จะมีโอกาสในการสัมผัสกันจึงมีโอกาสที่เชื้อจะแพร่กระจายถึงกันได้นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม มีอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ลูกป่วย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงนั่นก็คือเรื่อง “ภูมิคุ้มกันต่ำ“ เนื่องจากภูมิคุ้มกันนั้นเป็นกลไกที่สำคัญ ที่จะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายและต่อต้านไม่ให้ร่างกายติดเชื้อ หากมีภูมิคุ้มกันที่ดีก็จะสามารถลดโอกาสในการติดเชื้อและป่วยได้ กลับกันถ้าภูมิคุ้มกันน้อยหรือมีความผิดปกติก็จะทำให้เด็กไม่แข็งแรง ป่วยง่าย จนมีผลต่อการใช้ชีวิจประจำวันเลยทีเดียว
“เพิ่มภูมิคุ้มกัน” ให้กับลูกได้ ด้วยการทานสิ่งที่มีประโยชน์ เคลื่อนไหวร่างกาย และพักผ่อนอย่างเหมาะสม
“ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง” คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างให้กับลูกได้ โดยเริ่มตั้งแต่แรกนั่นก็คือ การดื่มนมแม่ เพราะนมแม่ เปรียบเสมือนวัคซีนหยดแรกที่มีคุณประโยชน์และภูมิคุ้มกันเชื้อโรคมากมาย พร้อม ๆ กับการสอนให้ลูกรู้จักการรักษาความสะอาด การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ให้เหมาะสมกับวัย และให้ลูกได้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างเหมาะสม และการให้ลูกได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ในแต่ละวัน
“วิตามินซี” อีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ การเพิ่มภูมิคุ้มกัน และป้องกันหวัด
นอกจาก 5 วิธีเพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยตามที่ว่าไว้ในข้างต้นแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่นักโภชนาการแนะนำ นั่นก็คือ การเสริมวิตามินซี ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน แถมยังมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟัน ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนบำรุงผิวพรรณ และต่อต้านอนุมูลอิสระ
แต่ปัญหาสำคัญก็คือ ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างวิตามินซีขึ้นเองได้ ทางเดียวที่จะได้รับวิตามินชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายก็คือ การรับประทาน แต่ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะชอบทานผักและผลไม้ ทำให้เรื่องวิตามินซีกลายเป็นเรื่องยากสำหรับบางบ้าน วิธีการให้ลูกทานวิตามินซีเสริม จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี
วิตามินซีเลือกแบบไหน ทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
สำหรับปริมาณวิตามินซี ที่ควรเสริมให้กับลูกน้อย ก็จะมีปริมาณที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงวัย โดยแบ่งเป็น
- อายุ 1-3 ปี ปริมาณวิตามินซีสูงสุดที่ร่างกายควรได้รับต่อวันคือ 400 มิลลิกรัม
- อายุ 4-8 ปี ปริมาณวิตามินซีสูงสุดที่ร่างกายควรได้รับต่อวันคือ 650 มิลลิกรัม
- อายุ 9-13 ปี ปริมาณวิตามินซีสูงสุดที่ร่างกายควรได้รับต่อวันคือ 1200 มิลลิกรัม
- อายุ 14-18 ปี ปริมาณวิตามินซีสูงสุดที่ร่างกายควรได้รับต่อวันคือ 1800 มิลลิกรัม
และถ้าอยากให้การเสริมวิตามินซีได้ประโยชน์สูงสุด ก็ควรให้ลูกทานพร้อมมื้ออาหารเช้าและมื้ออาหารเย็นหรือแบ่งทาน 2-3 ครั้งต่อวัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ดี และที่ควรระวังก็คือ ไม่ควรให้ทานตอนท้องว่าง เนื่องจากวิตามินซีมีฤทธิ์เป็นกรดอาจทำให้ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหาร รวมถึงไม่ควรให้ทานในปริมาณที่มากจนเกินไป เพราะอาจเกิดอาการท้องเสียได้
โดยในปัจจุบันวิตามินซีในรูปแบบอาหารเสริมมีตัวเลือกมากมายในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นแบบอัดเม็ด แบบเม็ดอม แบบเคี้ยว หรือแบบเยลลี่ ซึ่งมันเยอะมากจนทำให้คุณพ่อคุณแม่เลือกไม่ถูกว่าจะหาแบบไหนมาเสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกดี วันนี้เราเลยขอมาแนะนำ 5 วิตามินซี ที่จะช่วยให้ลูกน้อยร่างกายแข็งแรง ไม่เป็นหวัดง่าย มาดูกันเถอะว่ามีอะไรบ้าง
1.Vita-C Jelly Strip
วิตามินซีรสส้มสำหรับเด็ก ที่มาในรูปแบบเจลลี่ทำให้ทานง่าย มีวิตามินซี 50 มิลลิกรัม ซึ่งมากเท่ากับการทานส้ม 1 ผล ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและเพิ่มความแข็งแรง ป้องกันหวัด ภูมิแพ้ ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน และเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกและข้อต่อ เนื่องจากมี DHA แบบ Microencapsulate nutritional oils จากอเมริกา ที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ดีกว่า DHA แบบเดิมถึง 60% ช่วยในการเสริมสร้างระบบประสาทและสมอง และยังมีแคลเซียมสูงถึง 304.5 มิลลิกรัม เท่ากับการดื่มนม 1 แก้ว ที่ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ได้ประโยชน์ครบใน 1 ซอง (สูงสูดไม่ควรเกิน 6 ซอง/วัน) เหมาะกับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป
2.Biopharm vitamin C gummy
กัมมี่วิตามินซีรสส้มและรสสตรอว์เบอร์รี่ มีวิตามินซี 30 มิลลิกรัม เหมาะสำหรับเด็กที่ไม่ชอบทานอาหารเสริมชนิดเม็ด เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและป้องกันหวัด สามารถทานทดแทนขนมได้ แต่ไม่ควรทานมากเกินไปเพราะมีน้ำตาลเป็นส่วนผสม แนะนำให้ทานครั้งละ 1 เม็ด (วันละไม่เกิน 8 เม็ด)
3.NATURE CARE Bio C
วิตามินซีที่มาในรูปแบบเม็ดเคี้ยวรสส้ม มีสารสกัดจากตระกูลเบอร์รี่ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดอาการภูมิแพ้และหวัด รวมถึงมีส่วนผสมของ Citrus Bioflavonoid พืชตระกูลส้ม ที่เสริมประสิทธิภาพการไหลเวียนโลหิต แนะนำให้รับประทานวันละ 1-4 เม็ด
4.PATAR Ascorbic Acid
วิตามินซีชนิดเม็ด ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและป้องกันโรคกระดูกพรุน 1 เม็ดมีวิตามินซี 50 มิลลิกรัม สามารถทานได้ทั้งแบบเคี้ยวและอมโดยไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำตาม ทำให้สามารถทานได้เรื่อย ๆ ตามปริมาณที่เหมาะสม
5.Mamarine Kids Bio C Plus Multivitamin
วิตามินซีชนิดน้ำ มี Beta-Glucan ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ป้องกันไข้หวัดและภูมิแพ้ ช่วยต้านไข้หวัดและเสริมภูมิคุ้มกันในเด็ก วิธีรับประทานแบ่งตามน้ำหนักของเด็กคือ น้ำหนัก 7-9 กก. รับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา วันละ 1 ครั้ง, 10-14 กก. ครั้งละ 2 ช้อนชา วันละ 1 ครั้ง 15 กก. ขึ้นไป รับประทานครั้งละ 3 ช้อนชา วันละ 1 ครั้ง
ติดตามข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับแม่และเด็กได้ที่ Facebook Amarin Baby & Kids