4.พยายามอย่าอุ้มลูกขึ้นมาเมื่อลูกตื่น หากลูกรู้สึกตัว อาจเกิดจากกำลังขับถ่าย หรืออาจจะเพราะได้ยินเสียงดังเลยตกใจตื่น หรือด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามที่เราเห็นว่าแกยังนอนไม่เต็มอิ่ม คุณไม่ควรที่จะอุ้มแกขึ้นมากล่อม แค่เพียงพูดคุยในประโยคเดิมๆ ว่าได้เวลานอนแล้ว สัมผัสแกให้รู้ว่าคุณอยู่ข้างๆ และให้ลูกรู้สึกว่าปลอดภัย
5.จัดบรรยากาศห้องนอนให้เหมือนเดิมอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นแสง อากาศ เสียง หรืออุณหภูมิในห้อง เด็กๆ ล้วนบันทึกไว้ก่อนหลับแล้ว ไม่ควรที่จะเปลี่ยนหรือทำให้สภาวะห้องเปลี่ยนไป เพราะเมื่อเด็กตื่นขึ้นหากเขาเห็นว่าห้องไม่เหมือนเดิม เขาจะรู้สึกไม่ปลอดภัย และร้องไห้มากกว่าเดิม
Must read : แต่งห้องนอนลูก ตามหลักฮวงจุ้ย! เสริมพลังด้านความฉลาด และหลับได้อย่างสบาย
6.ฝึกลูกให้นอนหลับเป็นเวลา เมื่อลูกคุ้นชินแล้วพอถึงเวลาลูกจะนอน
7.อาบน้ำอุ่นให้ลูกก่อนเข้านอน เพื่อให้ร่างกายลูกผ่อนคลายและสบายตัว แล้วจึงพาเข้านอน ลูกจะหลับสบาย และหลับได้ยาวมากขึ้นค่ะ
8.กล่อมลูกนอนในเปลที่ไกวได้ หรือที่นอนเด็กแบบมีระบบสั่นแบบเบา ๆ ซึงจะช่วยทำให้ลูกรู้สึกเพลิดเพลินเหมือนตอนอยู่ในท้องแม่และหลับไปเอง
9.กล่อมลูกนอนโดยไม่สบตา เด็กจะชอบสบตาพ่อแม่ และจ้องมองอยู่อย่างนั้นคุณแม่หลีกเลี่ยงได้โดยการหลับตากล่อม ลูกก็จะหลับตาตามไปด้วยค่ะ
10.ที่นอนลูกควรจะปลอดโปร่ง ไม่ควรมีหมอนเล็ก หรือตุ๊กตามากเกินไปเพราะอาจทำให้ลูกหายใจไม่สะดวก ถ้าถูกสิ่งของเหล่านี้กดทับอาจทำให้เสียชีวิตได้ค่ะ
Must read : ผลิตภัณฑ์อันตราย สำหรับเด็กที่พ่อแม่ต้องระวัง
อ่านต่อ >> “วิธีเด็ด ฝึกลูกนอนยาว 12-17” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่