การรักษา และป้องกันโนโรไวรัส
ปัจจุบันยังไม่มียาเฉพาะที่จะขจัดเชื้อไวรัสนี้ การรักษาจึงเป็นการดูแลตามอาการ ซึ่งส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นใน 3- 4 วัน ในเด็กที่มีอาการไม่รุนแรง จะให้ดื่มน้ำเกลือแร่ ถ้าหากอาเจียน หรือท้องเสีย ให้รับประทานอาหารอ่อนๆ และให้ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง ตามอาการ
ถ้าเกิดภาวะขาดน้ำ หรืออาเจียน ปวดท้อง และถ่ายตลอดเวลา อาจเกิดอันตราย ช็อค ความดันโลหิตต่ำ และเสียชีวิตได้ คุณพ่อ คุณแม่ควรรีบพาลูกน้อยมารักษาที่โรงพยาบาลโดยด่วน คุณหมอจะให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด
คนที่มีโอกาสเกิดอันตรายจากการขาดน้ำ ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้มีโรคประจำตัว จึงต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสชนิดนี้
การป้องกันตัวที่ดีที่สุด และเป็นหลักที่รู้กันโดยทั่วไปคือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ จะช่วยลดความเสี่ยงได้
- ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ ด้วยสบู่ และน้ำอย่างน้อย 15 วินาที หลังเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม ก่อน และหลังรับประทานอาหาร
- หลีกเลี่ยงน้ำ หรืออาหารที่ไม่สะอาด เพราะเชื้อจะอยู่ในสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในน้ำได้นาน
- ล้างผัก ผลไม้ ให้สะอาด ทำอาหารให้สุกก่อนรับประทาน
- ทิ้งเศษอาเจียน อุจจาระอย่างระมัดระวัง ใช้ผ้าชุบน้ำซับ ไม่ให้ฟุ้งกระจาย และทิ้งลงถุงพลาสติก
- ผ้าอ้อม หรือเสื้อผ้าที่เปื้อนอุจจาระ ควรแยกซักต่างหาก และต้องรีบซักให้สะอาดโดยเร็ว หรือทิ้งไป
- เช็ดทำความสะอาดพื้นที่ปนเปื้อนด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมของคลอรีน
- ผู้ที่มีอาการป่วย ควรงดประกอบอาหาร เพราะสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ หลังจากมีอาการ 3 วัน
- เด็กๆ ควรงดไปโรงเรียน หรือสถานรับเลี้ยงเด็ก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไวรัส
- หลีกเลี่ยงการเดินทาง หรือไม่ออกจากบ้านจนกว่าจะหายดี
เครดิต: ผู้จัดการออนไลน์, วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
อ่านเพิ่มเติม คลิก!!
ท้องเสีย อาเจียน
การดูแลเมื่อลูกท้องเสีย
รู้จัก ไวรัสโรต้า ต้นเหตุลูกน้อยท้องร่วง พร้อมราคาวัคซีน
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่