3. ชมด้วยการ “บรรยาย” สิ่งที่ลูกทำ ดีกว่าชมแบบคำสั้นๆ สำเร็จรูปอย่าง เก่งมาก ดีมาก เยี่ยมมาก
เช่น ลูกเอางานศิลปะทำที่โรงเรียนมาอวดพ่อแม่ ท่านสามารถชมด้วยการบรรยายว่า แม่ชอบไอเดียของลูกจัง ดูแล้วรู้สึกสดชื่น สีมันสดใสดี ตรงที่เอากากเพชรมาโรยนี่ก็แจ๋ว อย่างกับนั่งมองพลุวันสิ้นปีของจริงเลย
4. ไม่ชมในสิ่งที่ดูง่ายและธรรมดาเกินไป เมื่อเทียบกับวัยของเด็ก
เช่น ชมลูก 10 ขวบว่าแต่งตัวเองเป็นแล้ว ซึ่งถ้าชมอย่างนี้กับเด็ก 3 ขวบ ลูกคงมีความสุขมาก แต่พอใช้ประโยคนี้กับเด็ก 10 ขวบ ลูกอาจรู้สึกว่าคำชมนี้ไม่จริงใจเลย หรือเห็นเขาโง่ใช่ไหม ของจิ๊บจ๊อยอย่างนี้คิดว่าเขาทำไม่ได้หรือยังไง
5. ไม่ชมพร่ำเพรื่อกับสิ่งที่เป็น “ความชอบ” ของลูกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
เช่น ลูกชอบกินมะเขือเทศ แม่ชอบมากที่ลูกชอบ เพราะแม่มีความเชื่อว่ามะเขือเทศมีวิตามินซีสูง กินแล้วผิวพรรณดี ไม่เจ็บป่วยง่าย ทุกครั้งที่ลูกกินเพราะเขาอยากกินของเขาเอง แม่ก็ชมเสียยกใหญ่ ชมทุกครั้ง
วันหนึ่งลูกจะเริ่มสงสัยในตัวเองว่า นี่เขากินมะเขือเทศเพราะอยากได้คำชมจากแม่ หรือว่าเขากินเพราะอะไรกันแน่ ซึ่งความรู้สึกอย่างนี้สามารถเปลี่ยนแปลง “ทัศนคติ” ที่เขามีต่อมะเขือเทศไปได้เลย
6. ไม่ชมด้วยการ “เปรียบเทียบ” กับคนอื่น เพราะทำให้เกิดปัญหา 2 อย่างหลักๆ คือ
แรงจูงใจในการทำเรื่องนั้น เป็นเพียงเพราะอยากทำให้ดีกว่า หรือเสร็จก่อน ถ้าโอกาสไหนไม่มีใครให้เปรียบเทียบ ก็แทบจะไม่เหลือแรงจูงใจดีๆ ในการทำอะไรเลย และสอง เด็กจะมีทัศนคติว่า ต้องชนะ แพ้ไม่ได้ ผู้แพ้ไม่เป็นที่ยอมรับ ไม่มีใครมาชื่นชม
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เหมือนเป็น “ศิลปะขั้นสูง” สำหรับพ่อแม่ที่ชมลูกเป็นเรื่องปกติกันภายในครอบครัวอยู่แล้ว ท่านแค่ค่อยๆ ฝึกฝนตนเองให้เก่งขึ้นวันละนิด วันละหน่อยก็พอ คำชมที่มีคุณภาพจะส่งผลดีต่อลูกๆ และความสัมพันธ์ของพ่อแม่กับลูกอย่างแน่นอน
แต่สำหรับพ่อแม่อีกจำนวนมากที่ยัง “ปากหนัก” ชมลูกไม่เป็น เพราะท่านก็ไม่ได้เติบโตมากับคำชม ท่านไม่เคยเห็นต้นแบบดีๆ หรือแม้กระทั่งตัวท่านเองก็ “โหยหา” คำชมจนกระทั่งท่านไม่รู้จะเอาคำชมตรงไหนแบ่งไปให้ลูกๆ เพราะในจิตใจของท่านยังขาดสิ่งนี้เอาเสียมากๆ
ขอให้พ่อแม่ “ฝึกฝน” การชมลูก แค่พูดชม ยังไม่ต้องกังวลว่าคำชมนี้ถูกหรือผิด ไม่ต้องกลัวว่าจะมีผลข้างเคียงแย่ๆ อะไรกับลูกหรือไม่ …ขอแค่ชมลูกให้ลูกได้ยิน แค่นี้ก็เหมือน “น้ำทิพย์” ชโลมจิตใจที่แห้งแล้ง และโหยหาคำชมจากพ่อแม่มานานเหลือเกินแล้ว
หลังจากนั้นพ่อแม่ค่อยๆ ฝึกศิลปะขั้นสูงในการชมลูกต่อไป ทักษะนี้จะติดตัวท่าน มีประโยชน์ต่อตัวพ่อแม่เองเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย หมอรับรองว่าเมื่อพ่อแม่ทำสิ่งนี้ ทำไปเรื่อยๆ ลูกๆ ของท่านจะน่ารักขึ้น เป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อแม่มากยิ่งขึ้นและพ่อแม่จะยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีก เมื่อพบว่าเพียงแค่ลูกได้รับคำชม อะไรๆ ที่เกี่ยวกับพฤติกรรมลูก และความสัมพันธ์กับพ่อแม่มันจะดีได้ขนาดนี้เชียวหรือ ถ้าบังเอิญลูกของท่านเป็นเด็กที่มีภาษารักหลักเป็น “ถ้อยคำที่เสริมสร้าง”
สุดท้าย หมออยากให้พ่อแม่ที่มีลูกวัยเรียนทุกท่านได้อ่านเพิ่มเติมว่าท่านจะสามารถให้คำชม แล้วลูกๆ ของท่านจะมีแรงจูงใจในการเรียน และรับผิดชอบมากขึ้นได้อย่างไร
อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก
ขอบคุณข้อมูลจาก Facebook Dad Mom and Kids
ภาพจาก shutterstock