4. ดูแลลูกยังไง ทำไมลูกร้อง
การที่เด็กทารกร้องไห้นั้น เป็นได้หลายสาเหตุ เช่น หิวนม ก้นแฉะ ง่วงนอน เป็นต้น ไม่ได้เกิดจากการละเลยการดูแลลูกของแม่ลูกอ่อน และเมื่อลูกร้องไห้ คนเป็นแม่ ก็ต้องการให้ลูกหยุดร้องเหมือนกันนั่นแหละค่ะ เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าลูกต้องการอะไรกันแน่
ลองเปลี่ยนคำพูดเป็น “ลูกร้องเพราะอะไร มีอะไรให้พ่อช่วยหรือเปล่า”
แทนที่จะว่าแม่ลูกอ่อน ลองเปลี่ยนเป็นมาช่วยกันหาสาเหตุที่ลูกร้องแล้วรีบทำให้หยุดร้องจะดีกว่านะคะ
ุ5. อยู่บ้านว่าง ๆ ลองหางานทำบ้างสิ
สำหรับแม่ฟูลไทม์ ที่อออกจากงานมาเลี้ยงลูก อยากให้เข้าใจกันก่อนนะคะว่าข้อแรก อยู่บ้านไม่ได้ว่างอย่างที่คิดค่ะ เราไม่เคยได้นอนเล่นสบาย ๆ นะคะ และข้อที่สอง ไม่มีใครไม่อยากออกไปทำงานหาเงินหรอกค่ะ เพราะเรามีภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือการเลี้ยงลูกยังไงล่ะคะ
ลองเปลี่ยนคำพูดเป็น “ถ้าแม่เบื่อ ลองหางานที่ทำได้จากที่บ้านกันไหมแม่ จะได้มีเงินค่าขนมให้เจ้าตัวเล็ก”
แค่คำพูดประโยคนี้ประโยคเดียว ก็ทำให้แม่ลูกอ่อนมีกำลังใจแล้วล่ะค่ะ เพราะนั่นหมายถึงว่าจะสามารถแบ่งเบาภาระของสามี และสามีก็จะคอยช่วยหนุนอีกด้วย
6. ทำไมวันนี้โทรมจัง
ผู้หญิงไม่ได้อยากโทรมให้ใคร ๆ เห็นหรอกค่ะ ถ้ามีเวลามากพอก็อยากจะแต่งตัวแต่งหน้าให้สวย ๆ ทั้งวัน แต่หลังจากอดหลับอดนอนมาหลายวัน ไหนจะปั๊มนม ตื่นมาให้นมทั้งคืน เวลาจะออกไปข้างนอก ก็ไม่มีเวลามากพอที่จะมาแต่งตัว เพราะมัวแต่ไปเตรียมข้าวของให้ลูกอีก
ลองเปลี่ยนคำพูดเป็น “วันนี้คงจะเหนื่อยมากมาก ไปนอนพักเถอะ เดี๋ยวพ่อจะช่วยทำงานบ้านให้เอง”
เมื่อแม่ลูกอ่อนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ความสดใสก็จะเกิดขึ้นมาเองค่ะ
7. ขี้บ่นจังเลย ทำงานมาเหนื่อยๆ นะ
แม่ลูกอ่อนที่เลี้ยงลูกอยู่บ้านทั้งวัน วัน ๆ แทบไม่ได้เจอหน้าใครเลยนะคะ คนที่ได้เจอบ่อยที่สุดคือบุรุษไปรษณีย์ค่ะ ดังนั้น เมื่อสามีกลับถึงบ้าน แม่ ๆ ก็อยากจะแบ่งปันปัญหาหรือสิ่งที่เจอมาระหว่างวันของการเลี้ยงลูกก็เพียงเท่านั้น
ลองเปลี่ยนคำพูดเป็น “สู้ๆ นะแม่ พ่อเข้าใจแม่ มีอะไรให้พ่อช่วยไหม”
หรือไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ค่ะ เพียงแค่รับฟังแม่ลูกอ่อน ให้ได้ระบายก็เพียงพอแล้วค่ะ
8. เลี้ยงลูก ไม่ใช่หน้าที่ผู้ชาย
เด็กไม่ได้เกิดจากผู้หญิงฝ่ายเดียวใช่ไหมล่ะคะ ตราบใดที่ลูกยังเรียกพ่ออยู่ นั่นหมายถึงทั้งพ่อกับแม่จะต้องช่วยกันเลี้ยงให้เค้าเติบโตขึ้นมาค่ะ สำหรับแม่ลูกอ่อน เราไม่ได้ต้องการให้สามีมาดูลูกแล้วเรานั่งสบาย ๆ หรอกค่ะ อาจจะช่วยเล่นกับลูกบ้าง ระหว่างที่เราทำงานบ้านหรืออาบน้ำ
ลองเปลี่ยน คำพูดแย่ ๆ เป็น “ไปอาบน้ำให้สบายตัว สบายใจก่อนนะแม่ เดี๋ยวพ่อช่วยดูลูกให้เอง”
แค่ได้อาบน้ำ หรือกินข้าว โดยไม่ต้องรีบเร่งและสบายใจได้ว่าลูกมีคนดูแลอยู่ ก็เป็นความสุขสูงสุดของแม่ลูกอ่อนแล้วค่ะ
การเห็นใจกัน การเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน ในช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อยหรือยากลำบาก เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการใช้ชีวิตคู่ อย่าปล่อยให้ คำพูดแย่ ๆ มาทำร้ายซึ่งกันและกันเลยนะคะ ด้วยความปรารถนะดีจาก Amarin Baby & Kids ค่ะ
อ่านบทความดี ๆ ต่อได้ที่นี่
12 ประโยคที่รับรองว่าคุณแม่ลูกอ่อนทุกคนอยากได้ยิน
ไม่อยากให้ครอบครัวพัง อย่าปล่อยให้แม่ต้อง เลี้ยงลูกคนเดียว
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่