[Blogger พ่อเอก-03] เก้าสิบวันพันรอยยิ้ม - Amarin Baby & Kids
blog ครอบครัว

[Blogger พ่อเอก-03] เก้าสิบวันพันรอยยิ้ม

Alternative Textaccount_circle
event
blog ครอบครัว
blog ครอบครัว

คุณคิดว่าเด็กน่าจะยิ้มเป็นตอนอายุเท่าไหร่? ผมหมายถึงยิ้มที่เกิดจากอารมณ์มีความสุขจริงๆ นะครับ ผมเคยเข้าใจว่าน่าจะสักอายุ ประมาณ 3-4 เดือนจนกระทั่ง …

 

เจ้าปูนปั้นเป็นเด็กยิ้มเก่งมาก น่าจะเริ่มยิ้มตั้งแต่สัปดาห์แรกๆ เลยหละครับ แต่ที่ทำให้ผมไม่แน่ใจในตอนนั้นว่า มันคือรอยยิ้มหรือป่าว ก็เพราะเจ้าปูนปั้นยิ้มเรี่ยราดมากฮะ จนผมต้องถามหม่ามี๊ว่า “หรือมันจะไม่ใช่การยิ้ม แต่เป็นธรรมชาติที่เด็กแรกเกิด ที่พยายามฝึกใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ”

 

เราก็ทิ้งความสงสัยไว้แค่นั้น จนตอนที่เราพาปูนปั้นไปหาคุณหมอเมื่ออายุได้ 4 สัปดาห์ เพื่อไปให้คุณหมอฉีดวัคซีนตามนัด ซึ่งเจ้าปูนปั้นก็ยิ้มให้คุณหมอ ไม่ว่าคุณหมอจะทำอะไร เจ้านี่ก็ยิ้มให้ จนคุณหมอบอกว่า “เขาเป็นเด็กที่มีความสุขนะปะป๊า เขายิ้มเก่งมาก” ผมเลยได้โอกาสถามคุณหมอว่า “ที่เจ้าปูนปั้นยิ้มเนี่ย คือ การยิ้มจริงๆหรอครับ” คุณหมอยืนยันว่า ยิ้มจริงๆ เพราะเด็กยิ้มได้ เป็นการแสดงออกถึงความสุข และยิ้มได้ตั้งแต่แรกเกิดเลย  (คุณหมอธิดาวรรณ เป็นคุณหมอที่น่ารักที่สุดในสามโลกครับ) ดังนั้นตอนที่ปูนปั้นครบ 3 เดือน ผมก็รวบรวมรูปสารพัดยิ้มบางส่วนมาแปะรวมกันซึ่งมันเยอะจริงๆ ฮะ แล้วไป post บน Facebook ตอนนั้นมันแวบคำว่า ‘เก้าสิบวัน พันรอยยิ้ม’ ขึ้นมาซึ่งไม่เกินจริงเลย เพราะปูนปั้นยิ้มวันละมากกว่า 10 ครั้งแน่ๆ

            สิ่งที่ทำให้ หม่ามี๊ กับ ปะป๊า (ผมเคยขอเป็น ปะปี๊ ให้ล้อกัน แต่ภรรยาผมไม่ยอม บอกว่าฟังปัญญาอ่อน 555) หน้าบานเป็นจานรับสัญญาณพรีเมียร์ลีกก็คือคำพูดท่อนสั้นๆ ของคุณหมอ “เขาเป็นเด็กมีความสุขนะ” ตลอดเวลาที่ปูนปั้น อยู่ในท้องหม่ามี๊  เราสองคนจะเตือนกันตลอดว่า  ‘เราขี้โมโหขี้หงุดหงิดไม่ได้นะ’  เพราะเราเชื่อว่า อารมณ์ทุกอย่างมันถูกส่งผ่านเส้นเลือด ดังนั้นจังหวะการหายใจ เสียงที่รุนแรง การเคลื่อนตัวที่ก้าวร้าว เจ้าปูนปั้นจะต้องสัมผัสได้แน่ๆ เราจึงสัญญากันไว้ว่าจะระวังกันทั้งคู่ เมื่อไหร่ที่คุณแม่หงุดหงิด  ผมก็พยายามขำๆ “เดี๋ยวตีเลยหนิ สอนไม่จำว่าห้ามหงุดหงิด” อะไรที่พอจะเอาใจได้ ผมก็จะพยายามทำให้ เพราะคนท้องมันไม่สบายตัวจริงๆฮะ เวลาปวดเมื่อยมันนอนไม่สบาย ผมเองมีปัญหากล้ามเนื้อและเมื่อไหร่ที่มันเกิดการบิดตัวผิดขึ้นมามันปวดแบบนอนไม่ได้เอาเลย ผมจึงเข้าใจว่าทำไม ตอนหม่ามี๊อุ้มท้อง แม้จะนอนพักผ่อนเธอก็ยังดูอ่อนเพลีย เพราะนอกจากนอนไม่สบาย เธอยังถูกเจ้าปูนปั้นแย่งของโปรดที่หล่อนกินเข้าไปเอาไปใช้ตลอดเวลา

 

สิ่งที่เห็นผลชัดๆคือ ถ้าเรามีความสุข ถ้าเราไม่เอาสิ่งไม่ดีไปใส่เขา เขาก็จะออกมาสู่โลกแบบมีความสุข โดยธรรมชาติทั้งหม่ามี๊และผม ก็เป็นคนยิ้มเก่งอยู่แล้ว ตอนเด็กๆ คุณครูของหม่ามี๊เรียกไปถามด้วยความเอ็นดูว่า “ทำไมหนูยิ้มทั้งวันเลยลูก”  ส่วนพ่อก็พอกัน “ปลูกต้นไม้ ก็ยิ้มคนเดียว” จนถูกแอบถ่ายรูปมาแซวว่า รู้แล้วว่าปูนปั้นยิ้มเก่งเหมือนใคร นั่นคือ อารมณ์คุณ 2 คนเป็นอย่างไรตอนเขาอยู่ในท้อง เขาก็จะออกมาแบบนั้น คุณสุขเขาก็สุข คุณยิ้มเก่งหัวเราะเก่ง เขาก็ได้ยิน และโตมาแบบนั้นตลอด 9 เดือน

 

ทุกเช้า เราต้องตื่นตี 5 เพื่อพาเจ้าปูนปั้นไปส่ง Day Care ที่โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ถ้าเจ้าปูนปั้นไม่ตื่นเองเพราะได้ยินเสียงเราหรือ เพราะอึ เราก็จะปลุกเขาขึ้นรถตอนใกล้ๆ 6 โมง โดยปกติเด็กที่ถูกปลุกตอนง่วงๆ ก็น่าจะโยเยตามธรรมชาติ แต่สิ่งที่ทำให้เราสดชื่นคือทุกครั้งที่ปูนปั้นลืมตาขึ้นมาเขาก็จะยิ้มให้เรา เป็นยิ้มที่ทำให้บางครั้งเราน้ำตาคลอ บางครั้งก็ยิ้มตาหยีแบบที่เราเรียกว่ายิ้มหวาน แต่ถ้าวันไหนโยเยบ้าง แค่เราทำหน้ายิ้มให้เขาก่อน ปูนปั้นก็จะยิ้มตอบกลับมา

 

รอยยิ้มของเจ้าปูนปั้น เป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจเราเต้นแรง และทำให้เรามีความสุข จนหลายๆครั้งเรารู้สึกว่า เราทำให้เขามีความสุข เท่ากับที่เขามอบให้เรามั้ย เรามักหันมาถามกันอยู่เรื่อยๆว่า “เค้าน่าจะมีความสุขที่อยู่กับเราเนอะ”เพราะสิ่งที่เราอยากให้มันเกิดขึ้นตลอดไป คือรอยยิ้มของเจ้าตี๋น้อยปูนปั้นนี่แหละครับ

 

 

           ติดตามเรื่องราวความน่ารักของครอบครัวน้องปูนปั้นได้ในคอลัมน์ FAMILY BLOGGER : www.real-parenting.com  ทุกสัปดาห์

 


 แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่

www.facebook.com/Poonpun.Poonpoon นะครับ

บทความโดย: บรรทัดที่สิบเอ็ด (พ่อเอก-จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์)

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up