หม่ามี๊เจ้าปูนปั้น พูดเสมอตั้งแต่ตอนเจ้าปูนปั้นยังอยู่ในท้องว่า ‘เราจะให้นมแม่ให้นานที่สุดเท่าที่เป็นไปได้’ แต่ที่ทำเอาผมจั๊กจี้หัวใจคือ หม่ามี๊เล่าเรื่องคุณหมอท่านนึงว่า ให้ลูกกินนมแม่จน 6 ขวบ เล่นเอาปะป๊า ร้อง ..ชะอุ๋ย ในใจคิดว่าจะเอาขนาดนั้นเลยหรือจ้ะหม่ามี๊ ซึ่งในช่วงที่ตั้งท้องเจ้าปูนปั้น ก็เป็นโชคดีซะเหลือเกินที่หม่ามี๊ชอบกินเต้าฮวยกับบัวลอยน้ำขิง กินทุกวัน (น้ำขิงช่วยสร้างให้มีน้ำนมครับ) ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเจ้าปูนปั้นแอบกระตุ้นหม่ามี๊เพราะกลัวออกมาแล้วนมไม่พอหม่ำก็เป็นได้ 555
จากตอนที่แล้วผมได้เล่าไว้ว่า คลอดออกมาวันแรก นมแม่มื้อแรกง่ายกว่าที่เรากังวลกัน เจ้าปูนปั้นดูดนมจากเต้าเป็นเลย (เด็กบางคนต้องใช้เวลาหลายครั้งค่อยๆเรียนรู้) ส่วนหม่ามี้ก็มีนมเลย คุณพยาบาลถึงกับถามขำขำว่า “ลูกคนแรก แน่หรอคะ” (อ้าวเฮ้ย) และในช่วงที่อยู่โรงพยาบาล 4 วันนั้น คุณหมอต้องส่งหม่ามี๊ไปทำอัลตร้าซาวด์สลายนมที่ตันเป็นก้อนในเต้า บวกกับคุณพยาบาลต้องมาช่วยสอนวิธีบีบเต้านมเพื่อเปิดรูน้ำนมเวลาตัน
ตอนเจ้าปูนปั้นยังตัวเล็กนิดเดียว สิ่งที่เขาสื่อสารกับเราได้ดีที่สุดคือแววตาและรอยยิ้ม ทุกครั้งที่หม่ามี๊เอาปูนปั้นเข้าอก เขาจะสบตาหม่ามี๊ปิ๊งๆ และหลายๆ ครั้งเราเห็นรอยยิ้มในดวงตา เป็นแววตาเป็นรอยยิ้มที่เราลืมไม่ลงหรอกครับ ไม่ว่าจะผ่านไปอีกนานแค่ไหน และนั่นคงเป็นหนึ่งในธรรมชาติของโลกที่ พ่อ-แม่ จะเห็นลูกตัวเองเป็นเด็กน้อยตัวเล็กๆ เสมอ ไม่ว่าลูกจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน
เจ้าปูนปั้นกินนมจุเหลือเกิน เฉลี่ยวันละ 32-35 ออนซ์ บางวันถึง 40 ออนซ์โน่น จนที่เนอร์สเซอร์รี่เรียกว่า ‘คุณชายถังนม’ ตอนที่เขาเริ่มอาหารมื้อแรก เราก็แอบสังเกตว่าจะลดนมลงได้สักกี่ออนซ์ ซึ่ง 2-3 วันแรกก็ลดไปพอประมาณแล้วมันก็ค่อยๆ ตีกลับสรุปว่าผ่านไปสัก 1 สัปดาห์ เจ้าปูนปั้นกลับมากินเฉลี่ยเท่าเดิม แต่บวกอาหารมื้อไปอีก 1 มื้อ เมื่อเจ้าปูนปั้นกินนมจุซะขนาดนี้ แต่หม่ามี๊หาท้อไม่เธอก็เร่งปั๊มเร่งสะสม จนผมต้องไปถอยตู้แช่นมมา ซึ่งผมก็ถือว่าโอเคหละ เพราะมิฉะนั้นผมคงไม่เหลือช่องฟรีซให้แช่น้ำแข็ง แต่ที่ไหนได้ช่วงปูนปั้นครบ 1 ขวบ หม่ามี๊เริ่มพูดถึงตู้เย็นใบที่ 3 เพราะเธอทำสต็อกสม่ำเสมอเหลือเกิน ลูกกินดุ เธอก็ปั๊มดุ ทีแรกผมก็ทำเฉย เจ้าหล่อนเลยใช้ไม้ตาย บอกให้ไปกินไอติมที่เหลือเกือบเต็มกล่องให้หมดเพราะเธอจะแช่นม และไม่อนุญาตให้ผมมีกล่องเก็บน้ำแข็งในตู้เย็นอีกแล้ว ซึ่งผมทนไปได้สัก 2 สัปดาห์ก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และเราก็มีตู้แช่นมตู้ที่ 2 ในบ้านจนได้ (เป็นตู้เย็นตู้ที่ 3 ในครอบครัวที่อยู่กัน 3 คน!!! ..หม่ามี๊ยินดีให้คำแนะนำได้นะครับ ถ้าใครมีปัญหาเรื่องนมแม่ เขียน comment ทิ้งไว้ได้ หม่ามี๊จะมาช่วยตอบครับ)
หม่ามี๊จะชอบบอกว่าให้นมแม่มีข้อดีเยอะนะ เพราะไม่ว่าปูนปั้นจะติดใคร จะยายย่าตาปู่ เจอน้ำนมหม่ามี๊เจ้าตัวยุ่งก็ไปไหนไม่รอด ยิ่งเวลาไปเที่ยวก็สะดวกสบายขอให้มีหม่ามี๊อยู่ใกล้ๆ ตัว เครื่องปั๊มนมตัวเล็กติดรถไว้ปั๊มในรถและเมื่อถึงที่พัก แค่นี้เราก็ไปไหนก็ได้ และแม้ว่าเจ้าปูนปั้นจะอยู่เนอร์เซอร์รี่ซึ่งคงเลี่ยงไม่ได้ที่เด็กๆ จะป่วยโน่นนี่นั่นติดกันไปติดกันมา แต่เขาไม่เคยเป็นอะไรหนักหนา เมื่อเทียบอาการกับเด็กที่เป็นโรคเดียวกัน และที่สำคัญความอบอุ่นความผูกพันนั้น เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม เวลาที่หม่ามี๊เอาปูนปั้นเข้าอก ถ้าบางเอิญสายลมพัดผ่านมาแถวนั้นและพัดไปถึงบ้านคุณ คุณอาจจะได้ยินหม่ามี๊และปะป๊าฮำเพลงเบาๆ
‘ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป … ใช่เพียงอิ่มท้อง ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น อุ่นไอรัก อุ่นละมุน ขอน้ำนมอุ่นจากอกให้ลูกดื่มกิน’
(แวะไปดูคลิปน่ารักๆ ปูนปั้นแบ่ง เน้นเน้น ให้หม่ามี้ที่ Click )
แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่
www.facebook.com/Poonpun.Poonpoon นะครับ
บทความโดย: บรรทัดที่สิบเอ็ด (พ่อเอก-จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์)