ผมพยายามจะไม่สร้างความคาดหวังใดๆ กับเจ้าปูนปั้นว่าโตขึ้นเขาอยากทำอะไร อยากเป็นอะไรแต่ แต่ แต่ (ยังไงก็คงต้องมี ‘แต่’ ครับ) แต่ว่าผมคิดว่า ผมจะพยายามสนับสนุนเขา ในเชิงแนะแนวทาง รวมถึงสนับสนุนให้เขาได้เรียนรู้โลกในมุมกว้างและหลากหลาย ผ่านการเดินทางท่องเที่ยว การพบปะผู้คน และการมีกิจกรรมนอกห้องเรียนที่ไม่ใช่การเรียนพิเศษเชิงวิชาการ แต่ให้เรียนพิเศษในแนวกิจกรรมและงานอดิเรกประเภท ดนตรี ศิลปะ และ กีฬา (อันหลังถ้าเป็นกีฬาทั่วไป ปะป๊าสอนเองครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า) ซึ่งมันก็คงไม่ง่ายนักกับการฝึกจิตใจของหม่าม๊า ปะป๊า ไม่ให้คาดหวังในตัวลูก ผมว่าการไม่คาดหวังจากสามี ภรรยาว่าเธอไม่ใช่เจ้าหญิง เจ้าชาย ไม่ใช่ผู้วิเศษ (อย่างเพลงของคุณเพชร โอสถานุเคราะห์) ว่ายากแล้ว การไม่คาดหวังจากเจ้าชายน้อย เจ้าหญิงน้อย ยากกว่านั้นเยอะฮะ
อย่างไรก็ดี จะมีอยู่3-4เรื่องที่ผมยอมรับเลยว่าตั้งความคาดหวังไว้กับเจ้าปูนปั้นเยอะแต่ผมไม่คิดว่ามันมากเกินไป และผมไม่คิดว่าผมควรจะลดความคาดหวังนั้นจากเจ้าปูนปั้นด้วย ซึ่งตัวแรกก็คือ ‘ความมีระเบียบวินัย’ ครับ
ผมไม่รู้จริงๆฮะว่าเราควรจะเริ่มสอนให้เด็กมีระเบียบวินัยตั้งแต่อายุสักเท่าไหร่ หลายๆ ท่านอาจจะมองว่า‘จะไปอะไรมากมายกับเด็กอายุเพิ่งจะขวบกว่า’ อืม…ผมน่าจะเริ่มสอนให้เจ้าปูนปั้นหัดเก็บของที่เขารื้อออกมาเล่นตั้งแต่ตอนเจ้าปูนปั้นอายุสักขวบนึงเท่านั้นเองฮะเพราะผมเชื่อว่าระเบียบวินัยเป็นพื้นฐานของหลายอย่างที่ดีในชีวิตครับ
ในช่วงแรกๆต้องใช้ความอดทนทีเดียวฮะ เพราะเด็กตัวเล็กๆอย่างเจ้าปูนปั้นเกิดมาถนัดรื้อมากกว่าการเก็บแน่นอน (ถ้าลูกใครเป็นตรงข้าม ผมก็ไม่แน่ใจว่าควรจะดีใจดีหรือป่าวนะครับ ฮ่าฮ่าฮ่า) เพราะ‘การรื้อมันเป็นธรรมชาติที่เกิดมากับตัวเด็ก แต่การเก็บมันต้องผ่านการฝึกฝน’ ครั้งแรกๆที่ผมสอนเจ้าปูนปั้น ผมใช้วิธีพูดซ้ำๆ(ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนะครับ) แล้วก็ทำท่าทางประกอบ (และต้องไม่ลืมสบตาเจ้าปูนปั้นไปด้วย) ซึ่งก็สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง บางครั้งที่สำเร็จก็ไม่แน่ใจว่า ฟลุ๊คเพราะเจ้าปูนปั้นอยากทำเองอยู่แล้วหรือเป็นเพราะเราสอนเขาสำเร็จกันแน่
จนครั้งหนึ่งที่ผมรู้สึกมั่นใจเลยว่า ‘เฮ้ยใช่เลยอันนี้เจ้าปูนปั้น ทำเพราะเขาสื่อสารและเรียนรู้จากการสอนของเรา’ โดยครั้งนั้น เจ้าปูนปั้นรื้อกองแผ่นดีวีดีภาพยนตร์ที่ผมตั้งเรียงไว้บนชั้นออกมาเล่นและเมื่อเจ้าปูนปั้นเบื่อ กำลังจะไปเล่นอย่างอื่นต่อ ผมก็บอกให้เขาเก็บขึ้นให้เรียบร้อยก่อน ผมบอกเจ้าปูนปั้นว่า “Poonpun, put them back on the shelf”และแค่แว้บนั้นเจ้าปูนปั้นก็ก้มลงเก็บและไปวางบนชั้นจริงๆ ทีแรกเจ้าปูนปั้นหยิบแผ่นเดียววางแล้วก็จบ ผมเลยพูดซ้ำ ปรากฏว่าเจ้าปูนปั้นก็ก้มลงไปเก็บต่อจนครบทุกแผ่น ตอนนั้นรู้สึกกระหยิ่มและภูมิใจในตัวเจ้าปูนปั้นและในตัวเองที่สอนเจ้าปูนปั้นสำเร็จ ผมก็เล่าให้หม่าม๊าฟังว่า ถ้าเราพยายามสอน เขาก็เรียนรู้และเข้าใจนะ จากนั้นในวันเดียวกันผมก็ได้ทดสอบเจ้าปูนปั้นอีกครั้งแล้วเขาก็เก็บจริงๆโดยครั้งนี้มีหม่าม๊าเป็นสักขีพยานด้วย
ทุกครั้งที่เขาทำ ผมก็จะตบมือและชมว่าเขาเป็นเด็กดี ซึ่งเขาก็จะยิ้มชอบใจ บางครั้งก็ตบมือตาม หลังจากนั้นเมื่อเจ้าปูนปั้นเข้าใจแล้วว่า รื้อของก็ต้องเก็บ ผมก็มีการเปลี่ยนวิธีการจากการสั่งมาเป็นการทำให้เหมือนชักชวนให้เล่น เช่นเวลาที่เจ้าปูนปั้นเทกล่องบล๊อกตัวต่อออกมากระจัดกระจาย เมื่อผมจะสอนให้เขาเก็บใส่กล่อง ผมก็จะเล่นกับเขาโดยเจ้าปูนปั้นเก็บ 1 ชิ้น ผมก็เก็บ 1 ชิ้นและทำเสียงสนุกๆประกอบ ซึ่งก็ได้ผลดี
หลังจากนั้น ผมก็จะสอนให้เขาเพิ่มขึ้น ไม่ว่าเขาไปหยิบอะไรมา ผมก็จะสอนให้เขาเอาไปเก็บที่เดิม ผมเล่าเรื่องนี้เพื่อแบ่งปันกันนะฮะ เผื่อไปลองใช้กันดู และอยากให้ทุกท่านทราบว่าเด็กอายุขวบกว่าๆก็สามารถสอนให้มีระเบียบวินัยได้ แต่เด็กก็คือเด็กนะฮะ แม้ว่าผมจะคาดหวัง แต่ผมไม่ได้ไปกดดันว่า เขาจะต้องเก็บทุกครั้ง บางครั้งเขายังดื้อไม่ยอมเก็บผมก็ไม่ได้ไปดุอะไร ผมก็เก็บเอง เพราะผมเชื่อว่า‘เขาได้เรียนรู้แล้ว และผมเองไม่ได้ต้องการไปกดดันธรรมชาติเขามากนัก’ บางครั้งเจ้าปูนปั้นเก็บของเกือบจะเสร็จแล้ว จู่ๆเจ้าปูนปั้นก็เปลี่ยนใจเทออกมาใหม่ซะงั้น… สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำ ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ คือ ‘ยิ้มและหัวเราะกับเขานะฮะ’
แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่
www.facebook.com/Poonpun.Poonpoon นะครับ
บทความโดย: the eleventh line