หม่าม๊าตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่แต่งงานกับปะป๊าว่า
1) อยากคลอดลูกธรรมชาติ และ
2) จะให้นมแม่ถึง 2 ขวบ เป็นอย่างน้อย
แม้ว่าเรื่องแรกจะไม่สำเร็จ เพราะว่า ใครจะคิดว่าหม่าม๊าตัวนิดเดียวน้ำหนักก่อนท้องแค่ 45 กิโลกรัม จะสามารถให้กำเนิดเจ้าตัวป่วนปูนปั้นหนักถึง 3.69 กิโลกรัม เมื่อเจ้าตัวป่วนตัวโตประกอบกับไม่ชอบนอนหัวทิ่มคุณหมอเลยแนะนำให้ผ่าออก
แต่เรื่องที่ 2 หม่าม๊า ผ่านฉลุย เพราะความเก่งกาจของเจ้าปูนปั้นคือออกมาปุ๊บดูดนมหม่าม๊าเป็นปั้บ ส่วนหม่าม๊าก็ลูกคลอดปุ๊บนมมาปั๊บเช่นกัน ก็เลยถือเป็นโชคดีของครอบครัวเรา และหม่าม๊าก็ตั้งหน้าตั้งตาให้นมจากเต้าและปั๊มนมอย่างสม่ำเสมอ มีระเบียบวินัยชนิดไม่ต้องอายว่าผ่านการเรียนเนตรนารีชั้นสูงมาแล้ว
ตอนนี้เจ้าปูนปั้นหนึ่งขวบสิบเอ็ดเดือน ก็ยังจุ๊บเต้าหม่าม๊า(ก่อนนอนหม่าม๊า จะมีเมนูให้ปูนปั้นเลือกว่า นมเต้า หรือ นมขวด ฮา) และแม้หม่าม๊าจะเลิกปั๊มนมมาได้สัก 2-3 สัปดาห์ แต่ภาระกิจก็บรรลุเป้าหมาย เพราะมีนมเต็มตู้แช่นม 1 ตู้ บวกในตู้แช่ไอติมที่เช่ามาอีก 1 ตู้ ดังนั้นให้กินได้จนสองขวบกว่าสบายๆ วันนี้ปะป๊าจะมาเล่าให้ฟังว่าทำไม ปูนปั้นจึงผลิตจากนมแม่แท้ 100% ได้สำเร็จ
1) ตั้งใจและใจสู้ : หม่าม๊ามีความตั้งใจแน่วแน่แต่ไหนแต่ไร และแม้ว่าบางช่วงที่นมตัน โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ เธอก็ทั้งบีบ ทั้งเค้น บางช่วงใช้เวลาปั๊มนานเป็นชั่วโมง ไม่เคยคิดเลิก ยืนยันว่าไม่เคยเลย
2) สม่ำเสมอ :ในช่วงครึ่งปีแรก หม่าม๊า ตื่นมาตี 2 อดหลับอดนอนเพื่อปั๊มนมทุกคืนเพราะเวลานี้คือช่วงเวลาที่ร่างกายผลิตนมได้มากที่สุดและก็ปั๊มเป็นเวลาวันละ6 รอบคือ 7.30, 11.00, 15.00, 19.00, 23.00 และ 02.00 เพื่อให้นมมาสม่ำเสมอ จากนั้นเมื่อผ่าน 6 เดือนแรก จึงลดการปั๊มช่วงตี 2 ลงไป เหลือปั๊มวันละ 5 รอบ ที่หยุดปั๊มเพราะชอบไปแอบหลับที่ทำงาน (ฮา) จนปูนปั้นอายุประมาณ 1 ขวบ 5 เดือน จึงลดเหลือ 4 รอบ
3) อุปกรณ์ครบครัน : หม่าม๊ามี เครื่องปั๊มนม สนับสนุนรายการโดยกระเป๋าตังส์ปะป๊า เรียกได้ว่า หม่าม๊าลองใช้มาเกือบครบทุกยี่ห้อ (ทั้งเช่า ทั้งซื้อ ทั้งปล่อยมือสอง ออกไป) เพื่อหาเครื่องที่ปั๊มแล้วสบายที่สุดเวลาหม่าม๊าออกไปที่ไหนก็มีติดกาย เป็น soul mate นอกจากนั้น ก็มี ผ้าคลุมวิเศษ ที่ทำให้สามารถให้นมได้ทั้งบนห้างสรรพสินค้า บนรถไฟฟ้า บนเครื่องบินเพื่อให้เจ้าตัวป่วนไม่ขาดแคลนนม(เพื่อให้พร้อมทุกสถานการณ์ หม่าม๊าก็จะใส่ชุดให้นมและชุดชั้นในให้นมตลอดเวลา) อีกอย่างที่สำคัญคือ ถุงเก็บนม ซึ่งมาพร้อมกับกระเป๋าเก็บความเย็นและคูลแพ็ค โดยหม่าม๊าจะจดไว้ทุกถุงว่าปั๊มเมื่อไหร่มีปริมาณกี่ออนซ์ ส่วนตู้แช่นมนั้น เดิมปะป๊าไม่คิดว่าจะต้องซื้อ แต่เพราะถุงนมมาพรากที่แช่น้ำแข็งแช่ไอติมของปะป๊าไปจนหมดแล้วสต๊อกนมหม่าม๊าก็เยอะเกินจินตนาการ ที่สำคัญอีกอย่างคือ ถุงประคบร้อน (ข้างในเป็นข้าวสาร) เอาไว้ประคบเวลานมแข็ง นมตัน ปั๊มไม่ออก และเพื่อความสะอาดไม่อับชื้นก็ต้องมีแผ่นซับน้ำนมไว้รองชุดชั้นใน
4) บำรุง กระตุ้น :หม่าม๊าอ่านสารพัดบทความว่าอะไรที่ช่วยให้มีน้ำนมเยอะ ดังนั้นหม่าม๊าก็จะมีชุดกระตุ้นนมตั้งแต่ น้ำขิง อินทผาลัม ลูกซัด โมติเลียมเอ็ม วิตามินสำหรับแม่ให้นมบุตร ชาเพิ่มน้ำนมของเยอรมัน ยาหมอบัว ยาประสระน้ำนม เพื่อไม่ให้นมตันก็ต้องกิน lecithin ประมาณนี้ ซึ่งบางอย่างต้องสั่งทางอินเตอร์เน็ต
5) ผู้ช่วยคนสำคัญ หมอนวดนม : เมื่อนมเริ่มตัน หม่าม๊าก็จะไปหาหมอนวดนมมือหนึ่งของประเทศไทยอันนี้เป็นความเชื่อของเราเอง (ฮา) เพราะนวดทีไร นมพุ่งเป็นน้ำพุทุกที
ที่สำคัญที่สุดคือข้อสุดท้ายคือคนนี้เลยครับ
6) กำลังใจและกายจากสามี :อันนี้ผมคิดเองแต่ก็ไม่น่าผิดหรอกน่า เพราะในตอนที่หม่าม๊านมไม่ออก ผมทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนวดนม ช่วยเอาถุงประคบไปเข้าเตาไมโครเวฟเพื่อมาประคบ ไปดูแลเล่นกับลูก ขับรถไปส่งและนั่งรอจนหมดนวดนมเสร็จ เป็นเบ๊ เป็นตู้เอทีเอ็ม และที่สำคัญคอยให้กำลังใจ ให้เขาได้พักผ่อนเพราะการอดนอน ตื่นมาปั๊มนมให้นม มันสูญเสียพลังงานไม่ใช่น้อยเลย
ทำได้ตามข้างบนรับรองว่าเจ้าตัวเล็กของผู้อ่านก็จะเป็นผลิตภัณฑ์จากนมแม่ 100% แน่นอน ซึ่งข้อดีของการให้นมแม่ เห็นได้ชัดว่าเจ้าปูนปั้นเป็นเด็กอารมณ์ดี มีความสุขเพราะเจ้าปูนปั้นก็จะได้กอดได้สบตาพูดคุยกับหม่าม๊า และมีภูมิต้านทานที่ดีเพราะแม้ว่าเจ้าปูนปั้นจะต้องอยู่เนอร์สเซอร์รี่ซึ่งคงเลี่ยงเรื่องป่วยยาก แต่ก็จะไม่เป็นหนัก เมื่อเทียบกับเพื่อนคนอื่นที่กินนมผง อีกทั้งนมแม่จะทำให้เด็กนอนหลับสบายซึ่งเจ้าปูนปั้นก็เป็นเด็กหลับง่าย เข้าเต้าเข้าขวดสักพักก็หลับปุ๋ย
และผลพลอยได้ที่ดีมากๆ คือเวลาไปเที่ยวก็สะด๊วกสะดวก ไม่ต้องขนอะไร แค่มีนมหม่าม๊าติดตัวก็สบายแล้ว ซึ่งถ้าอ่านตอนเก่าๆ ก็จะรู้ว่าเราหอบเจ้าปูนปั้นไปเที่ยวต่างจังหวัดแทบจะทุกเดือน รวมทั้งแบ็คแพ็คไปสิงคโปร์และรัสเซียก็ผ่านมาแล้วแบบชิลชิล
อีกอย่างคือทำให้ปะป๊ารู้สึกทึ่งและภูมิใจในความตั้งใจ นความรักที่หม่าม๊ามีให้ลูกมากๆ ทำให้ครอบครัวมีความอบอุ่น เพราะเป็นกิจกรรมสำคัญที่จะสำเร็จลุล่วงไปได้ต้องผ่านการรร่วมมือร่วมใจกัน เมื่อการให้นมแม่ดีขนาดนี้ มาให้นมแม่กันเถอะ เชื่อผมสักครั้งน่า
ติดตามเรื่องราวความน่ารักของครอบครัวน้องปูนปั้นได้ในคอลัมน์ FAMILY BLOGGER : www.real-parenting.com ได้ทุกสัปดาห์
แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่
www.facebook.com/Poonpun.Poonpoon นะครับ
บทความโดย: บรรทัดที่สิบเอ็ด (พ่อเอก-จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์)