สำหรับคนช่างกังวลแล้ว เมื่อคิดเรื่องหนึ่ง ก็จะนำไปสู่อีกเรื่องหนึ่ง แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง ไปเรื่อยๆ
ถ้าลูกส่งงานไม่ครบก็แปลได้ว่าลูกไม่รับผิดชอบ ถ้าลูกรับผิดชอบแค่เรื่องส่งการบ้านชิ้นนี้ไม่ได้ ชิ้นอื่นก็คงรับผิดชอบไม่ได้เช่นกัน
ถ้างานแค่นี้ยังทำไม่ได้ อนาคตก็คงไม่มีทางทำอะไรได้ อาจจะถึงขั้นเรียนไม่จบ
ถ้าเรียนไม่จบแล้วเขาจะอยู่อย่างไร ต้องกลายไปเป็นภาระของสังคมล่ะหรือ
แล้วอย่างนี้เราจะตายได้อย่างไร วันที่เราตายลูกคงอยู่ไม่ได้ เอาชีวิตไม่รอด
จะเห็นได้ว่าคิดมาคิดไป จากเรื่องแค่ส่งงานไม่ครบที่เด็กคนไหนก็เป็นได้ทั้งนั้น (รวมลูกหมอด้วย) คุณแม่ที่กังวลเยอะ ก็สามารถคิดไปได้ไกลจนถึงระดับ “หายนะ” กันเลยทีเดียว แล้วถ้าคิดไปถึงขนาดนั้นแล้วจะรู้สึกใจสั่นก็คงไม่แปลกอะไร
หมอเลยต้องพาคุณแม่กลับมาสู่ปัจจุบัน เริ่มด้วยการหายใจเข้าออกลึกๆ ตั้งสติให้ดี ลมเข้าปอดเต็มที่จะดันกระบังลมลงล่างให้ท้องป่อง แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ทำต่อเนื่องสักพักร่างกายจะสงบ หัวใจจะเต้นจังหวะช้าลง
สติมาแล้วก็ลองคิดดูดีๆ ไม่ส่งการบ้านหนึ่งทีจะมีความหมายว่าลูกจะเสียผู้เสียคนหมดอนาคตเลยจริงหรือ?
พอคิดได้ว่ามันไม่ใช่ ก็มารวบรวมกำลังแก้ปัญหากันต่อไป ทำอย่างไรจะตามการบ้านเจ้าลูกชายอารมณ์ศิลปินคนนี้ได้
ทำหน้าที่แม่ที่ดีของตัวเองต่อไป โดยไม่ต้องไปบั่นทอนกำลังใจของตัวเองด้วยความกังวล
ที่ “มโน” ขึ้นมาเอง
เรื่องโดย : ผศ.นพ.ณัทธร พิทยรัตน์เสถียร จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ภาพ : Shutterstock