เชื่อว่ามนุษย์ทำงานอย่างเราๆ คงคุ้นเคยกับคำว่า “ประกันสังคม” ได้เป็นอย่างดีเลยใช่ไหมคะ เพราะเมื่อคุณเริ่มทำงานประจำ มีรายได้รายเดือนจากนายจ้าง เงินจำนวนหนึ่งจะถูกหักเข้ากองทุนประกันสังคม เรียกว่า “เงินสบทบ” ซึ่งเงินดังกล่าวนี้ K-Expert ที่ปรึกษาการเงินจาก KBank กระซิบดังๆ ว่าไม่ได้ถูกหักไปเปล่าๆ แต่จะได้รับกลับมาในรูปแบบของสิทธิประโยชน์ต่างๆ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสิทธิประโยชน์ที่เราจะได้จากกองทุนประกันสังคมกันค่ะ
สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เราจะได้รับจากกองทุนประกันสังคม มี 7 กรณีด้วยกัน ได้แก่
1. ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
เมื่อเจ็บป่วย หรือประสบอุบัติเหตุ ค่ารักษาต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในโรงพยาบาลตามบัตรที่ผู้ประกันตนได้เลือกเข้ารับการรักษาตั้งแต่ต้นปีของทุกปี ไม่ว่าจะเป็น “ผู้ป่วยนอก” หรือ “ผู้ป่วยใน” ผู้ประกันตนไม่ต้องจ่าย ยกเว้น ขออยู่ห้องพิเศษหรือขอแพทย์พิเศษ
2. ทุพพลภาพ
ผู้ทุพพลภาพเข้ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลที่เลือกทั้งกรณีผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นรายเดือนตลอดชีวิต
3. เสียชีวิต
เมื่อเสียชีวิต ประกันสังคมจะจ่ายค่าทำศพ 40,000 บาท ให้แก่ผู้จัดการศพ และเงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิตให้กับบุคคลที่ผู้ประกันตนระบุไว้ หากไม่ได้ระบุไว้จะเฉลี่ยจ่ายให้พ่อ แม่ ลูก และสามีหรือภรรยา โดยถ้าผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 36-120 เดือน จะได้รับเงินสงเคราะห์ร้อยละ 50 ของค่าจ้างที่ใช้คำนวณเงินสมทบคูณด้วย 4 แต่ถ้าจ่ายสมทบตั้งแต่ 120 เดือนขึ้นไปจะคูณด้วย 12
4. คลอดบุตร
ได้รับค่าคลอดบุตรเหมาจ่ายครั้งละ 13,000 บาท สามารถเบิกได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โดยถ้าคุณแม่เป็นผู้ใช้สิทธิจะได้รับ้งืนสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตรเหมาจ่ายร้อยละ 50 ของค่าจ้างที่ใช้คำนวณเงินสมทบเป็นเวลา 90 วันสำหรับบุตร 2 คนแรก ส่วนบุตรคนที่ 3 เป็นต้นไปจะไม่ได้รับเงินสงเคราะห์ในส่วนนี้
5. สงเคราะห์บุตร
ได้รับเงินเหมาจ่ายเดือนละ 400 บาทต่อบุตรหนึ่งคน ตั้งแต่แรกเกิด – 6 ขวบ สูงสุดไม่เกิน 3 คน โดยเป็นบุตรตามกฎหมาย ไม่รวมบุตรบุญธรรมหรือบุตรที่ยกให้เป็นบุตรบุญธรรมแก่ผู้อื่น
6. ว่างงาน
ผู้ว่างงานที่ถูกเลิกจ้างอย่างถูกต้อง จะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างที่ใช้คำนวณเงินสมทบ ถ้าลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้างตามกำหนดระยะเวลาจะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน
ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างเฉลี่ย รวมถึงกรณีที่นายจ้างหยุดกิจการชั่วคราวเพราะเหตุสุดวิสัยโดยไม่มีการเลิกจ้าง เช่น ร้านถูกน้ำท่วม เป็นต้น
7. ชราภาพ
สิทธิประโยชน์กรณีชราภาพนั้น จะได้รับในรูปของเงินบำเหน็จ หรือเงินบำนาญ ขึ้นอยู่กับจำนวนเดือนที่เราจ่ายเงินสมทบ ถ้าจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 180 เดือนขึ้นไป จะได้รับเป็นบำนาญรายเดือนขั้นต่ำเดือนละ 3,000 บาท แต่ถ้าจ่ายเงินสมทบไม่ถึง 180 เดือน จะได้รับเป็นบำเหน็จเงินก้อนเงินประกันสังคมที่ถูกหักไปไม่ได้หายไปไหน แต่ยังคุ้มครองเราได้ในหลายๆ ด้าน นอกจากนี้เงินที่เราจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคมยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึงปีละ 9,000 บาท อีกด้วยค่ะ นับว่ากองทุนประกันสังคมให้สิทธิประโยชน์แก่เรามากมายเลยทีเดียว ทั้งนี้ ผู้ว่างงานต้องไปขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานที่สำนักงานจัดหางานของรัฐบาลภายใน 30 วันหลังจากที่ว่างงานเพื่อรับสิทธิ
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก : K-Expert ที่ปรึกษาการเงินจากธนาคารกสิกรไทย และสำนักงานประกันสังคม