ประกันสุขภาพ การลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก เพราะการเจ็บป่วยบอกล่วงหน้าไม่ได้ ประกันช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่าย ให้คุณดูแลลูกได้เต็มที่
ประกันสุขภาพ ลูกน้อยปี 2566 แบบไหนที่ครอบคลุมทุกค่าใช้จ่าย!!
การซื้อประกันสุขภาพ ประกันชีวิต หรือประกันในรูปแบบใด ๆ ไว้ให้กับคนในครอบครัวเป็นสิ่งจำเป็น เป็นการรับประกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ในช่วงเวลาปัจจุบันที่ค่ารักษาพยาบาล กับการได้รับบริการดี ๆ นั้นต้องแลกมาด้วยราคา ทำให้การซื้อประกันไว้ จะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นอย่างดี เพราะการเจ็บป่วยนั้นไม่สามารถบอกได้ล่วงหน้า และเมื่อยามมันเข้ามาแล้ว เราจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลทั้งกับโรคภัยไข้เจ็บที่มีมากมาย และค่าใช้จ่ายที่สูงไม่แพ้กันอีกด้วย
เด็ก กับการเจ็บป่วยเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ไม่ว่าเราจะป้องกันเขาดีแค่ไหนก็ตาม คงไม่มีใครอยากให้ลูกน้อยเจ็บป่วย ทรมาน แต่หากโรคภัยไข้เจ็บมาเยือน สิ่งที่ดีที่สุด คือ การให้ลูกได้รับการรักษาที่ดีที่สุด และบริการที่อบอุ่น มั่นใจ การซื้อ ประกันสุขภาพ จึงเป็นทางเลือกที่ใช่ วันนี้เราได้รวบรวมแผนประกันสุขภาพสำหรับเด็ก มาฝากให้คุณพ่อคุณแม่ได้พิจารณากันว่า แบบไหนที่ใช่ แบบไหนที่โดนสำหรับครอบครัวคุณ
ประกันสุขภาพ ปี 2566 !!
ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน (IPD) : คุ้มครองกรณีเจ็บป่วยที่ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล 6 ชั่วโมงขึ้นไป เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไส้ติ่งอักเสบ การผ่าตัดต่าง ๆ ทั้งจากอาการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ
ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD) : คุ้มครองกรณีเจ็บป่วยทั่วไปที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล แค่ไปพบแพทย์ รับยา แล้วกลับบ้านได้เลย เช่น เป็นหวัด ท้องเสีย
ประกันสุขภาพเหมาะกับใคร ?
- คนที่มีประกันสังคม หรือใช้สิทธิบัตรทอง หรือสิทธิข้าราชการที่อยากได้วงเงินคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้น และสามารถเข้าโรงพยาบาลอื่น ๆ นอกเหนือจากสิทธิของตัวเองได้
- คนทำงานอิสระ ฟรีแลนซ์ เจ้าของกิจการ ฯลฯ ที่ไม่มีสิทธิรักษาพยาบาลใด ๆ เช่น ไม่มีประกันกลุ่ม ไม่มีประกันสังคม
- เด็กเล็กที่เจ็บป่วยได้ง่าย
- คนที่มีสุขภาพดี แต่กังวลว่าจะป่วยในอนาคต
- คนที่ต้องการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลเอกชน
ทำไมการทำประกันสุขภาพเด็กจึงสำคัญ ?
- ภูมิคุ้มกันของเด็กเล็กยังไม่แข็งแรง ดังนั้นโอกาสป่วยจึงเกิดขึ้นได้บ่อยกว่าเด็กโตและมีโอกาสเข้ารับการรักษาบ่อยขึ้น การรักษาแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่ายที่ไม่เท่ากัน หากไม่มีการวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายเอาไว้อาจทำให้ภาระค่าใช้จ่ายเกิดบานปลายได้ ดังนั้นการวางแผนทำประกันสุขภาพของเด็กเล็กจึงเป็นการจัดการเรื่องของค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลได้อีกทางหนึ่ง
- อาการป่วยของเด็กไม่เหมือนอาการในผู้ใหญ่ หลายครั้งจึงต้องมีการให้พักรักษาตัวเพื่อดูอาการที่โรงพยาบาลไปก่อน ซึ่งค่าใช้จ่ายเรื่องห้องพักและค่าอุปกรณ์การรักษาก็เป็นค่าใช้จ่ายที่มีราคาค่อนข้างสูง รวมถึงในบางครั้งก็ไม่สามารถตอบได้ว่าจะต้องพักรักษาตัวอีกกี่วัน
- การได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์อย่างทันท่วงทีเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในเด็กเล็กอาจะไม่สามารถอธิบายอาการป่วยของตัวเองได้อย่างครบถ้วน หากตกหล่นบางเรื่องไปก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมา
แนวทางการเลือกแผนประกันอย่างไรให้เหมาะกับลูก ?
- ศึกษารายละเอียดความคุ้มครองและข้อยกเว้นของแผนประกันแต่ละแบบ รวมทั้งเงื่อนไขอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากทำประกันไปแล้ว
- ค่าเบี้ยประกันสุขภาพควรเลือกให้เหมาะสมกับรายได้ของพ่อและแม่ หากลูกมีโอกาสป่วยบ่อย ความครอบคลุมโรคต่างๆ ก็จะเพิ่มขึ้นส่งผลให้เบี้ยประกันสูงขึ้นตามไปด้วย
- ตรวจสอบว่าโรงพยาบาลใกล้บ้านเป็นโรงพยาบาลเครือข่ายของบริษัทประกันที่เราเลือกหรือไม่ เพราะทำให้คุณสามารถพาลูกเข้ารับการรักษาได้ทันทีและไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน
ประกันสุขภาพ สำหรับเด็ก 2566 ตัวไหนดี??
1.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต แผนประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย
จุดเด่นแผนประกัน
แผนประกันสุขภาพเด็กเหมาจ่าย เหมาะสำหรับเด็กเล็ก อายุ 1 เดือน 1 วัน จนถึง 10 ปี ให้ลูกๆ คุณได้รับการรักษาเต็มที่เพราะเราช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลให้ตามจริงที่คุณจ่าย สูงสุดไม่เกิน 1.2 ล้านบาทต่อรอบปีกรมธรรม์และปรับเพิ่มเป็น 2 ล้านบาทต่อรอบปีกรมธรรม์ เมื่ออายุ 11 ปี โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ
ผลประโยชน์กรณีเป็นผู้ป่วยใน | ||
1.1 ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการใน รพ. ต่อวัน** | 1,500 บาท | 2,500 บาท |
1.2 ค่าบริการทางการพยาบาล ต่อวัน** | 500 บาท | 500 บาท |
1.3 ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการใน รพ. ในห้อง ICU ต่อวัน** | 3,000 บาท | 5,000 บาท |
1.4 ค่าบริการทางการพยาบาล ในห้อง ICU ต่อวัน** | 1,000 บาท | 1,000 บาท |
1.5 ค่าแพทย์ตรวจรักษา ต่อวัน** | 1,000 บาท | 2,000 บาท |
1.6 ค่ายากลับบ้าน ต่อการเข้ารักษาพยาบาลใน รพ. แต่ละครั้ง** | 750 บาท | 1,500 บาท |
1.7 ค่ารักษาพยาบาลในรายการอื่นๆ ตามที่กำหนดในสัญญา ซึ่งมีตัวอย่างรายการดังต่อไปนี้ | ||
– ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยหรือบำบัดรักษา – ค่ายา ค่าสารอาหารทางหลอดเลือด และค่าเวชภัณฑ์ – ค่ารักษาพยาบาลโดยการผ่าตัด (ศัลยกรรม) และหัตถการ – ค่าผ่าตัดใหญ่ที่ไม่ต้องเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน (Day Surgery) |
จ่ายตามจริง |
|
2. ผลประโยชน์กรณีไม่ต้องเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งมีตัวอย่างรายการดังต่อไปนี้ | ||
2.1 ค่าล้างไตผ่านทางเส้นเลือด ค่าเคมีบำบัด รวมถึงการรักษาแบบออกฤทธิ์จำเพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง (Targeted Therapy) ค่ารังสีรักษาโรคเนื้องอกหรือมะเร็ง |
จ่ายตามจริง |
|
2.2 ค่ารักษาพยาบาลการบาดเจ็บ กรณีผู้ป่วยนอก ภายใน 24 ชม. ของการเกิดอุบัติเหตุต่อครั้ง | ||
2.3 ค่าตรวจวินิจฉัยทางรังสี และค่าตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการ (เกิดขึ้นภายใน 30 วันก่อน การเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน และภายใน 60 วันหลังออกจากการเข้าพักรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในครั้งนั้น) เช่น ค่า X-ray, CT scan, MRI, Ultrasound และ ค่าตรวจเลือด เป็นต้น |
||
2.4 ค่าบริการรถพยาบาลฉุกเฉิน | ||
2.5 ค่ารักษาพยาบาล โดยการผ่าตัดเล็ก เช่น ผ่าฝี หูด ริดสีดวงทวาร เป็นต้น |
ที่มา : https://life.azay.co.th
อ่านต่อ >> เลือกประกันสุขภาพให้ลูกน้อย จากที่ไหนดี มีคำตอบ คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่