[Blogger พ่อเอก-60] ปูนปั้นกับเพื่อนบนกำแพง .. เปลี่ยนความกลัวเป็นโอกาสเรียนรู้

Alternative Textaccount_circle
event

เราได้ยินเสมอๆที่กับประโยคที่คุณพ่อ คุณแม่ หรือ อาจจะเป็นปู่ย่าตายายที่มักใช้หลอกเจ้าตัวเล็ก (ถ้าใช้คำตรงๆ คงใช้คำว่า ขู่ น่าจะถูกต้องกว่า) ประมาณว่า ถ้าไม่ทำโน่นทำนี่แล้วจะมีตัวนั้นตัวนี้มาทำอะไรกับเจ้าตัวเล็ก เช่นถ้าไม่รีบนอนจะเรียกตุ๊กแกมากินตับ (เขาขู่กันอย่างนี้ใช่มั้ยฮะ) หรือ ถ้าไม่กินข้าวเดี๋ยวจะเรียกตำรวจมาจับไปเลยนะเป็นต้น

สำหรับครอบครัวเราแล้ว เราพยายามหลีกเลี่ยงการขู่เด็กในลักษณะนี้ฮะ เพราะจะเป็นการสร้างให้เด็กเกิดความกลัวที่ผิดๆ เกิดมุมมองที่ผิดเข้าไปในความคิดยกตัวอย่างหนึ่งใกล้ๆตัวของครอบครัวเรา (และครอบครัวคุณพ่อคุณแม่ที่แวะมาอ่านก็คงเจอเหมือนกัน) คือ เจ้าปูนปั้นเคยรู้สึกกลัวจิ้งจกโดยที่เราเองไม่รู้มาก่อน แล้วมีอยู่วันหนึ่ง หลังกลับมาจากโรงเรียนเจ้าปูนปั้นเห็นจิ้งจกเกาะอยู่เหนือประตูเข้าบ้าน จึงทำท่าจะไม่ยอมเข้าบ้าน บอกว่า “ปูนปั้นกลัวอะ” ต้องเรียกให้คุณยายมาพาเข้าบ้าน

ปัญหาคือบ้านเราก็จิ้งจกเยอะเสียด้วย บางทีแปรงฟันอยู่ก็เจอจิ้งจกในห้องน้ำ เจ้าปูนปั้นก็จะทำท่าวิตกกังวลแล้วมีอยู่ช่วงหนึ่ง คุณยายก็เลยเผลอใช้จิ้งจกเป็นเครื่องมือในการจัดการเจ้าตัวป่วน เช่น ไม่ไปอาบน้ำเดี๋ยวจิ้งจกมานะ หรือ ไม่กินนมเดี๋ยวเอาจิ้งจกมาเลย เป็นต้น

หม่าม๊าและปะป๊าก็รู้สึกว่าการจะปล่อยให้เขากลัวอะไร อย่างนี้ไม่น่าจะดี หม่าม๊าเลยเป็นคนบอกคุณยายว่าอย่าไปหลอกเจ้าปูนปั้นให้กลัวเรื่องพวกนี้ แล้วปะป๊า หม่าม๊า ก็สอนปูนปั้นให้รู้ว่า ‘จิ้งจกไม่ใช่สัตว์อันตรายอะไร จิ้งจกไม่ทำร้ายเรา และจิ้งจกก็มีประโยชน์ด้วย เพราะจิ้งจกจะมาคอยกินแมลงที่บินไปบินมา’ และเราก็อธิบายให้เขาฟังเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ปูนปั้นเจอเจ้าจิ้งจกและทำท่าไม่ค่อยจะถูกใจเท่าไหร่

สิ่งที่เปลี่ยนไปทั้งที่ใช้เวลาไม่นานคือ ‘เจ้าปูนปั้นเริ่มถามถึงจิ้งจกในวันที่ไม่เจอเจ้าจิ้งจก’ยกตัวอย่าง เวลาแปรงฟันก่อนเข้านอนเจ้าปูนปั้นก็จะถาม “ปะป๊า จิ้งจกไปไหน” เราก็จะบอกว่า “จิ้งจกเขาก็ต้องกลับบ้านเหมือนกัน ไปแปรงฟันเข้านอนเหมือนกัน” หรือ เช้าๆอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนเจ้าปูนปั้นก็ชอบถามคำถามเดียวกันว่า “ปะป๊า จิ้งจกไปไหน” เราก็จะบอกว่า “จิ้งจกก็ต้องไปอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนเหมือนปูนปั้นแหละ เห็นมั้ยว่าจิ้งจกไม่น่ากลัว” แล้วในที่สุดปูนปั้นก็พูดเองตอนเจอจิ้งจกว่า “เห็นมั้ยปะป๊าจิ้งจกไม่น่ากลัวเล้ย ปูนปั้นไม่กลัวจิ้งจกเลยนะปะป๊า” (ตอนแรกๆ คงพูดเพื่อให้กำลังใจตัวเอง555)

แล้วในที่สุด ปูนปั้นก็เป็นเพื่อนกับจิ้งจก ไถ่สารทุกข์สุขดิบกันเมื่อได้เห็นหน้าและไม่กลัวจิ้งจกอีกเลย

การทำเช่นนี้นอกจากจะไม่ทำให้เขากลัวอะไรผิดๆแล้วก็ยังทำให้เขาสนใจที่จะเรียนรู้มากขึ้นด้วย เพราะนอกจากจิ้งจกแล้ว พอเจอใยแมงมุม เราก็พยายามเล่าในลักษณะที่ให้เขาเข้าใจแมงมุมในมุมมองที่ถูกต้องว่า ‘แมงมุมตามบ้านไม่ค่อยมีอันตราย แต่มีแมงมุมบางชนิดที่มีพิษแต่ถ้าเราไม่ไปทำอะไรเขา เขาก็ไม่ทำร้ายเรา ดังนั้นไม่ต้องกลัว แต่อย่าไปจับตัวเขา แมงมุมเขาจะอยู่บนไยนั่นแหละคอยแมลงมาเกาะแล้วเขาก็หม่ำ’

เล่าถึงตรงนี้ผมลืมจุดสำคัญไปคือ สอนเขาแล้วหาโอกาสให้เขาได้เห็นของจริงด้วยนะฮะ ผมจะพาปูนปั้นออกไปดูจิ้งจกรอฉกแมลง ชี้ให้ปูนปั้นดูไยแมงมุมแล้วอธิบายว่ามันถูกใช้งานอย่างไร แม้จะไม่เคยได้เห็นจังหวะที่กินแมลงแต่ก็ทำให้เขาเข้าใจและได้เห็นว่ามันไม่มีอันตรายอะไรกับเขา

เดี๋ยวนี้เจ้าปูนปั้นเห็นแมงมุม เห็นจิ้งจกก็จะชี้ให้ปะป๊าดู กลายเป็นสิ่งสนุกสนานของเจ้าปูนปั้นไปเสียแล้ว

อย่างที่ผมกล่าวไปว่านอกจากจะทำให้ไม่กลัวอะไรผิดๆ ยังทำให้เขารักที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆด้วย

มีอยู่วันหนึ่งปูนปั้นออกไปปั่นจักรยาน (จริงๆคือเป็น balance bike คือ จักรยานแบบขาไถ) แล้วเจ้าปูนปั้นเห็นอะไร ดำๆ แห้งๆ ที่พื้นถนน เจ้าปูนปั้นก็ชี้ถามปะป๊าว่า “นั่นคืออะไร” ปะป๊าตอบว่า “เป็นกบที่ตายแล้วตากแดดแห้ง” สารพัดคำถามก็พรั่งพรูออกมาจากปากเจ้าปูนปั้น ที่ปะป๊าต้องพยายามตอบ แต่เจ้าปูนปั้นก็ยังจะดูอี๋ๆ อยู่

วันต่อมาเจ้าปูนปั้นออกไปปั่นจักรยานก็ยังเจอเจ้ากบตากแห้งอยู่ที่เดิม ก็ถามซ้ำอีก จนเมื่อปั่นไปที่สวนในหมู่บ้าน ปะป๊าจึงได้โอกาสชี้ให้ดูกบตัวเป็นๆว่ารูปร่างหน้าตาเป็นยังไง เจ้าปูนปั้นนก็ดูเหมือนจะเข้าใจขึ้นและจากนั้นขากลับเจ้าปูนปั้นก็เดินไปชะโงกดูเจ้ากบตากแห้งนั่นใกล้ขึ้น ไม่ทำอี๋เหมือนเมื่อวาน

และก่อนกลับเข้าบ้าน เจ้าปูนปั้นก็ไปเห็นเจ้ากิ้งกือตัวยาวเดินอยู่ ซึ่งผมคิดว่า เจ้าปูนปั้นน่าจะอี๋ แต่ที่ไหนได้เจ้าปูนปั้นหยุดตรงนั้น ยืนมอง ถามปะป๊าว่า“นี่คือตัวอะไร” แม้ผมเองจะไม่พิสมัยกิ้งกือเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำเฉยๆ เล่าให้ฟังว่า “กิ้งกืออยู่ในดิน ทำให้ดินไม่เป็นก้อน มีโพรงอากาศ กิ้งกือมีขาเยอะแยะ ขบวนยาวเหมือนรถไฟเลยเนอะ” เมื่อเราเล่าให้เขาฟัง ไม่ขู่ให้เขากลัว เขาก็สนใจอยากรู้มากขึ้น

ก่อนกลับบ้าน

ผมจึงได้เห็นภาพสวยๆ ที่เจ้าปูนปั้นนั่งยองๆ นั่งมองเจ้ากิ้งกือเดินผ่านหน้าไปสู่โพรงดินอันอุดม


แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่

www.facebook.com/Poonpun.Poonpoon นะครับ

บทความโดย: บรรทัดที่สิบเอ็ด (พ่อเอก-จิรัฏฐ์ สิริเฉลิมพงศ์)

60-blogge (3)

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up