เรารู้สึกชื่นใจไม่น้อย เวลาได้ยินคนชมว่า เจ้าตัวป่วนทั้ง 2 ยิ้มเก่ง เพราะทั้งคู่ ยิ้มบ่อยในระดับที่เรียกว่า ‘ยิ้มเรี่ยราดเลยทีเดียว’ ซึ่งผมเชื่อว่า เมื่อเรา เลี้ยงลูกให้มีความสุข คุณพ่อคุณทุกท่านก็คงรู้สึกชื่นใจ เวลาเห็นลูกตัวเองยิ้ม แต่ไม่ใช่หมายความว่า เด็กยิ้มไม่เก่ง ไม่น่ารักนะฮะ ผมพูดเสมอว่า อย่าเปรียบเทียบลูกเรากับใคร เด็กทุกคนมีความพิเศษในตัวเอง (ผู้ใหญ่ทุกคนก็มีแสงสว่างในตัวเองเช่นกัน)
กลับมาที่เรื่องยิ้มเก่ง ผมเชื่อว่าที่เจ้าตัวป่วนทั้ง 2 ยิ้มเก่งน่าจะมาจาก 3-4 ปัจจัยครับ
เลี้ยงลูกให้มีความสุข รอยยิ้มลูก คือกระจกส่องเรา
1. เลี้ยงลูกให้มีความสุข ตั้งแต่ในท้อง
ทั้งปูนปั้นและปั้นแป้งได้ฟัง ปะป๊าหม่ามี้ร้องเพลงและเล่านิทานทุกคืนตั้งแต่อายุครรภ์ได้สัก 2-3 เดือน ซึ่งจริงๆ แล้วในช่วงแรก เขาอาจจะยังไม่ได้ยิน หรือ ไม่รับรู้อะไรด้วยซ้ำไป แต่พอถึงวันที่เขาเริ่มได้ยินเสียงปะป๊า หม่ามี้ทะลุพุงไปถึงเขาไม่ว่าเราจะคิดไปเอง หรือ มันเป็นจริงก็ตาม เรารู้สึกได้ว่าเขามีปฏิกิริยาตอบสนองเรา ผมเคยเขียนเรื่องความมหัศจรรย์นี้ไว้ และได้เอาไปเล่าในแทบทุกที่ๆ ได้รับเชิญไปพูด
‘วันแรกที่กลับบ้านหลังจากที่ลืมตาออกมาดูโลก พ่อแม่มือใหม่ 2 คนกำลังหน้าจ๋อยเพราะไม่รู้จะกล่อมลูกที่เอาแต่แว้ๆ ไม่ยอมนอนได้อย่างไร จนกระทั่งป๊าร้องเพลงที่ร้องให้เขาฟังทุกคืนในพุงหม่ามี้ขึ้นมา เขาก็เงียบลงซะดื้อๆ แล้วป๊ากับมี้ก็มองหน้ากัน น้ำตาไหลพราก และพูดขึ้นมาว่า เขาฟังเราร้องเพลงจริงๆ ด้วย’ และเมื่อเขามีความสุข เขาจะ … ยิ้ม
2. เลี้ยงลูกให้มีความสุข ต้องเลี้ยงเขาด้วยความสนุก
อันนี้ต้องรบกวนคุณพ่อคุณแม่ตั้งคำถามกับตัวเองว่า เลี้ยงลูกตามหน้าที่รับผิดชอบหรือเลี้ยงด้วยความสนุก แบบแรกไม่ได้ผิดตรงไหน คุณพ่อคุณแม่ที่ดี ควรมีความรับผิดชอบในการเลี้ยงลูกให้เติบโตมาดีที่สุดเท่าที่ทำได้อยู่แล้ว แต่ครอบครัวเราเลี้ยงลูกด้วยความสนุก เมื่อคุณเลี้ยงลูกด้วยความสนุก กิจกรรมของเราและลูกจะไม่ถูกแยกออกจากกัน ดังนั้นเราจะไม่รู้สึกว่าช่วงเวลากิจกรรมของลูก เป็นภาระหน้าที่ของพ่อแม่ แต่เราจะสนุกไปด้วยกัน เวลาลูกเล่นเราเราก็เล่นกับลูก เวลาเราทำงานบ้าน ทำอาหาร เราให้ลูกมาช่วยป่วน … แล้วเราสนุกไปกับการเรียนรู้ของเขา
แต่ถ้าเราไม่สนุกกับการเลี้ยงลูก เราจะแยกกิจกรรมจากกัน และเมื่อถึงกิจกรรมของพ่อแม่ เราอาจจะหงุดหงิดเมื่อลูกมาวุ่นวายในช่วงเวลานั้น ลองปรับมุมมอง ดูครับ เพราะนอกจากจะสนุกแล้ว ลูกจะรู้สึกผูกพัน เขาจะเชื่อมั่นในตัวเอง เห็นคุณค่าตัวเอง เพราะเขาสามารถช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้ทำทุกอย่างด้วยกันได้ และเมื่อคุณและลูกสนุก คุณและลูกจะ … ยิ้ม
3. หน้าตาเราเวลาคุยกับลูก
ผมและภรรยาเป็นคนยิ้มเก่งทั้งคู่ ภรรยาจะหนักกว่า สมัยเป็นแฟนกัน ยืนเฉยๆ เธอก็ยิ้ม .. ผมเคยแซวว่า เพี้ยนป่าวเนี่ย หรือบางทีผมก็บอกเธอว่า หลอนนะเว้ย อยู่ดีๆ ก็ยิ้มกับสิ่งที่มองไม่เห็น ภรรยาผมเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนเธอยังเป็นเด็ก คุณครูเคยมาบอกว่า ‘หนูน่ารักจัง หนูมีความสุขใช่มั้ย ยิ้มตลอด’
พอเราสองคนมีลูก เราคุยกันตั้งแต่ปูนปั้นยังอยู่ในท้องว่า ‘เมื่อปูนปั้นลืมตามาดูโลก ทุกครั้งที่เราจะคุยกับลูก …. หน้าเราต้องยิ้ม’ บอกได้เลยว่าเราทำได้ดีมาก ระดับ A+ ผมเชื่อว่าหน้าของลูก คือ กระจกเงาของใบหน้าคุณพ่อคุณแม่ เมื่อคุณยิ้มให้ลูกตลอด ลูกก็จะ … ยิ้มตอบ
สิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ อาจจะไม่มีงานวิจัยจาก John Hopkins หรือ MIT มารองรับ มีแต่ตัวป่วน 2 ตัวเป็นหลักฐานครับ จะเลือกไปลองใช้ หรืออ่านผ่านไปเพลินๆ เชิญตามสะดวกครับ
>>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค
หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<
บทความน่าสนใจอื่นๆ
แชร์เทคนิค”สอนลูกให้รู้จักรับผิดชอบ”ตั้งแต่เด็ก
“ลูกทำผิด” เทคนิคสอนลูก แบบไม่ต้อง “ทำโทษ”
แนะนำ 4 “บอร์ดเกม” ฝึกลูกสมองไว ไหวพริบดี
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่