ปกติผมจะสอนลูกๆ ว่า แพ้ชนะไม่สำคัญ ขอให้เราแข่งกับตัวเองก็พอ แต่วันนี้ ผมมีบทเรียนหนึ่งที่เพิ่งได้เรียนรู้จากเจ้าปูนปั้น อยากจะเล่าให้ฟังฮะ
เช้าวันหยุดหรือวันธรรมดาก็ไม่ต่างกันสำหรับผม (และผมเชื่อว่าครอบครัวที่มีเจ้าตัวป่วน เจ้าตัวเล็ก ทุกครอบครัวก็คงจะเหมือนกัน) เพราะเด็กชายปูนปั้นและเด็กหญิงปั้นแป้งจะปลุกปะป๊าให้ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพื่อให้มาเล่นด้วยกัน ไม่ว่าจะต่อรถไฟ ต่อเลโก้ อ่านหนังสือ พับกระดาษ หรือ ออกไปเล่นข้างนอกกับพี่โมโม่ พี่มีมี่ (ตัวนึงเป็นสุนัขพันธุ์ทาง อีกตัวเป็นโกลเด้นยักษ์) หรือไปจนกระทั่ง รดน้ำต้นไม้จนตัวเปียกไปหมด ก่อนจะกลับมาอาบน้ำกินข้าว
แพ้ชนะไม่สำคัญ เท่า “เราชนะพร้อมกัน”
เช้าวันหยุดวันหนึ่งปะป๊ากับพี่ปูนปั้นนั่งหม่ำโจ๊กด้วยกัน (ในขณะที่หม่ามี๊กะสาวน้อยปั้นแป้งยังหลับอยู่) ยุทธการหลอกล่อให้เจ้าตัวป่วนหม่ำหมดเร็วๆ ก็มีตั้งแต่
หม่ำเสร็จจะไปเล่น …
หม่ำเสร็จจะได้กินขนม …
หรือ มาแข่งกันใครหมดก่อน
เช้านั้น ปะป๊าใช้มุก
“โห พี่ปูนปั้นหม่ำเร็วขนาดนี้ ปะป๊าแพ้แน่ๆ เลย”
รอยยิ้มฉีกกว้าง บนหน้าเด็กชาย แล้วสำทับด้วย
“ปูนปั้นจะกินหมดก่อนปะป๊าแน่ๆ ครับ”.
จากนั้นเจ้าตัวป่วนก็หม่ำไป อมยิ้มมองชามปะป๊าไปด้วย
ในใจคงคิดว่า – ทำไมปะป๊าช่างหม่ำต้วมเตี้ยมขนาดนี้น้อ
แล้วเสียงประกาศชัยชนะ ก็ดังขึ้น พร้อมฉีกยิ้มหวาน
“หมดแล้วครับ”
“โอ้โห ปูนปั้นชนะ ปะป๊าแพ้” … ปะป๊าว่างั้น
แต่แล้วปูนปั้นก็บอกว่า
“ปะป๊าครับ เราชนะพร้อมกันก็ได้นะครับ”
แล้วก็พูดต่อว่า
“เดี๋ยวกินใหม่ แล้วปูนปั้นจะกินเสร็จพร้อมปะป๊านะครับ … แล้วเราชนะพร้อมกัน”
จากนั้นสายๆ ปะป๊าก็ออกไปอาบน้ำสุนัขทั้ง 2 ตัว พออาบเสร็จก็จะคล้องโซ่ไว้กับรั้วบ้านเพื่อรอให้ตัวและขนแห้ง ซึ่งปะป๊าก็จะวางชามอาหาร และชามน้ำของพี่โมโม่ พี่มีมี่ ไว้ใกล้ๆ ตัวใครตัวมัน เผื่อหิวตอนยืนตากขน
ขณะที่ปะป๊าเดินไปรดน้ำต้นไม้ ก็ได้ยินเสียงปูนปั้นไปเล่นกับพี่โม่พี่มี่
“พี่มี่หม่ำสิจะได้อิ่มๆ” (แล้วก็ยกชามให้พี่มี่หม่ำ)
จากนั้นก็หันไปหาพี่โม่
“พี่โม่กินสิ พี่มี่กินจะหมดแล้วนะ” (แล้วก็ยกชามให้พี่โม่หม่ำ)
“เร็วๆ กินเร็วๆ จะได้ทันพี่มี่ จะได้ชนะพร้อมกัน”
เช้าวันนั้นนอกจาก ปูนปั้นจะสอนอะไรบางอย่างปะป๊าแล้ว ก็ได้เอาสิ่งนั้นไปสอนหมาด้วย … อื้มมม ปะป๊าดีใจจริงๆ เราไม่เคยสอนปูนปั้นตรงๆ แบบนี้ แต่มักจะบอกในเชิงว่า
“ให้ทำทุกอย่างให้เต็มที่ ไม่ต้องแข่งกับใคร ทำตัวเองให้ดีที่สุดแล้วพอใจ ภูมิใจ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร”
ซึ่งพี่ปูนปั้นเขาก็คงไปตีความเองว่า แพ้ชนะไม่สำคัญ แต่คงดีกว่า ถ้าเราชนะไปพร้อมๆ กัน
ผมนึกถึงท่อนโปรดท่อนนึงในหนังสือ Tuesday with Morries ขึ้นมาทันที
“It is 1979, a basketball game in the Brandies gym.
The team is doing well, and the student section begins a chant,
“We’re number one! We’re number one!” Morrie is sitting nearby.
He is puzzled by the cheer.
At one point, in the midst of “We’re number one!” he rises and yells,
“What’s wrong with being number two?”
The students look at him. They stop chanting.
He sits down, smiling and triumphant.”
ผมหวังว่า ปูนปั้นจะเติบโตขึ้นมาด้วย ปรัชญาในใจว่า
‘เราชนะพร้อมกันได้นะ’
โลกเราคงจะดีกว่านี้ ถ้าเราเชื่อในแนวคิดนี้
>>แวะไปดู รอยยิ้มหวานฉ่ำ ที่มีแจกฟรีทุกวันได้ที่เฟซบุ๊ค
หมุนรอบลูก – พี่ปูนปั้น กับ น้องปั้นแป้ง นะครับ<<
บทความน่าสนใจอื่นๆ
“ลูกช่างถาม” รับมืออย่างไร ไม่ขัดพัฒนาการลูก
4 คาถาเลี้ยงลูกไม่ให้เป็น โรคซึมเศร้า
แชร์ประสบการณ์ ฝึกวินัยการกินให้ลูก กินข้าวตรงเวลา
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่