การศึกษาใน 7 ประเทศแถบยุโรปก็เผยผลการศึกษาที่คล้ายคลึงกัน คือ พบว่า คนที่แต่งงานแล้ว มีสภาพจิตใจที่แข็งแรงกว่า และมีความเสี่ยงจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรน้อยกว่าถึง 15 %
โดยยังมีอีกหนึ่งงานวิจัยได้เผยถึง ข้อดีของการแต่งงาน ว่าช่วยลดความเสี่ยง โรคสมองเสื่อม ได้ ซึ่งทีมผู้เชี่ยวชาญโรคสมองเสื่อม จากมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน ได้ทำวิจัยโดยการนำเอางานศึกษาวิจัยก่อนหน้า 15 ชิ้นซึ่งมีข้อมูลที่ระบุถึงภาวะการเป็นโรคสมองเสื่อม (ดีเมนเชีย) และสถานะการแต่งงาน มาวิเคราะห์ใหม่
โดยการตรวจสอบข้อมูลซึ่งเกี่ยวข้องกับคนในกลุ่มตัวอย่างของงานวิจัยเหล่านั้นมากกว่า 800,000 คนในภาคพื้นยุโรป, อเมริกาเหนือ, อเมริกาใต้ และเอเชีย ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจว่า การแต่งงานมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมลงได้
ในรายงานผลการศึกษาวิจัยที่เผยแพร่ผ่านวารสารวิชาการประสาทวิทยา, ศัลยกรรมประสาท และ จิตเวช ระบุว่า…
-
ผู้ที่ครองตัวเป็นโสดอยู่จนตลอดชีวิต มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อม เพิ่มมากขึ้นถึง 42 % เมื่อเทียบกับกลุ่มที่แต่งงานและใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน
-
ในขณะเดียวกัน ผู้ที่เป็นม่าย ใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังโดยที่คู่สามีหรือภรรยาเสียชีวิต จะมีโอกาสเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมเพิ่มขึ้น 20 % เมื่อเทียบกับผู้ที่แต่งงานและยังคงใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน
-
ในขณะที่คู่แต่งงานที่หย่าร้าง กลับไม่พบว่ามีความเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด
ทีมวิจัยสรุปว่า… ผลการวิเคราะห์วิจัยครั้งนี้สอดคล้องกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่แสดงว่า ผู้ที่แต่งงานและใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่ถูกสุขอนามัยมากกว่า
⇒ Must read : น้ำใบบัวบก สมุนไพรไทยป้องกัน โรคอัลไซเมอร์
ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับสังคมแวดล้อมมากกว่าผู้ที่ครองตัวเป็นโสด ทำให้โอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อมลดลง ในขณะที่ผู้ที่ตกเป็นม่ายเพราะคู่แต่งงานเสียชีวิต จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมากขึ้นสืบเนื่องจากภาวะเครียดที่เกิดจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
นอกจากนั้นอาจเป็นไปได้ว่า ภาวะสมองเสื่อม อาจเชื่อมโยงหรือเกี่ยวพันกับอุปนิสัยส่วนบุคคลและพฤติกรรมด้านการจดจำและเข้าใจอื่นๆอีกด้วย
จุดมุ่งหมายของการแต่งงานมีชีวิตคู่
อย่างไรก็ดีการมีชีวิตเป็นคู่จึงมีจุดมุ่งหมายหนึ่งคือการช่วยแบ่งเบาภาระของการดำรงชีวิต แบ่งงานกันทำ เช่น คนหนึ่งทำอาหาร คนหนึ่งช่วยซ่อมสิ่งที่เสียหายในบ้าน หรือคนหนึ่งดูแลบ้าน คนหนึ่งไปทำงานหาเงินสำหรับครอบครัวเหมือนครอบครัวส่วนใหญ่ในสมัยก่อน
แต่ปัจจุบันทั้งคู่มักทำงานหาเงินนอกบ้านด้วยกันเพื่อเพิ่มความมั่นคงทางการเงินของครอบครัวหรือความมั่นคงของอนาคตของทั้งคู่ จึงจำเป็นที่เวลาเข้าบ้านแล้วทั้งคู่จะต้องช่วยกันแบ่งเบาภาระต่างๆ ในบ้านด้วยไม่ควรปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรับศึกสองด้านแต่ผู้เดียว เพราะนานวันเข้าจะนำไปสู่ความไม่พอใจจากความอ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยเกินไป หรือรู้สึกว่าฝ่ายหนึ่งเห็นแก่ตัว หรือจากความรู้สึกถูกเอาเปรียบ แล้วอาจนำไปสู่ความแตกร้าวของชีวิตคู่ได้ในที่สุด ซึ่งได้เกิดให้พบเห็นเป็นประจำ
อ่านต่อ >> “6 เหตุผลดีๆ ของการแต่งงาน” คลิกหน้า 3
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.prachachat.net , www.manager.co.th
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่