คุณแม่รู้ไหมคะว่า ผลพวงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ทำให้ โลกต้องเกิดวิถีชีวิตใหม่ๆ ต้องมีการเว้นระยะห่างในสังคม ต้องเรียนออนไลน์ ทุกคนต้องอยู่ในวิถีชีวิตที่ไม่คุ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตเด็ก ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการ ซึมเศร้าในเด็ก ค่ะ
ซึมเศร้าในเด็ก ภัยเงียบจากโควิดที่พ่อแม่ควรระวัง
การต้องอยู่ในวิถี New Normal ห่างไกลจากการเข้าสังคม ส่งผลกระทบต่อเด็กจำนวนมากวิตกกังวลการเรียนออนไลน์ที่บ้าน ต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลานาน ใกล้ชิดกับพ่อแม่มากกว่าปกติ ทำให้เด็กจำนวนมากปรับตัวไม่ได้จนอยู่ในภาวะความเครียด บางคนถึงกับไม่อยากเรียนหนังสือ หลายคนเกิดอาการ ซึมเศร้าในเด็ก ค่ะ
ซึมเศร้าในเด็ก สุขภาพจิตเด็กแย่ลงกว่า 40% ช่วงโควิด
มีรายงานการศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 กับ เด็กกว่า 80,000 คนทั่วโลก ในช่วงอายุระหว่าง 4-17 ปี พบว่า ความแข็งแรงของสุขภาพจิตในเยาวชนลดลงกว่า 40%
นอกจากนี้ผลการประเมินสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นไทยที่อายุต่ำกว่า 20 ปีจำนวน 183,974 คนที่เข้ามาประเมินสุขภาพจิตตนเองผ่านแอปลิเคชั่น Mental Health Check-in ของกรมสุขภาพจิตพบว่า ร้อยละ 28 ของเด็กและวัยรุ่นมีภาวะเครียดสูง, ร้อยละ 32 มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า ร้อยละ 22 มีความเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตาย
โควิด – 19 ทำเด็กซึมเศร้าได้อย่างไร
อาการซึมเศร้าในเด็กที่มาจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีสาเหตุมาจาก
- ปฏิสัมพันธ์ภายในครอบครัวเปลี่ยนแปลงไปจากการเจ็บป่วยของคนในบ้าน
- การเว้นระยะห่างทางสังคม ทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ซึ่งเป็นโอกาสที่เด็กจะได้ฝึกทักษะทางสังคม เด็กบางรายจะรู้สึกวิตกกังวลและมีภาวะซึมเศร้า
- การงดกิจกรรมนอกบ้าน ทำให้ต้องอุดอู้อยู่ในบ้าน
- พ่อแม่ที่ทำงานที่บ้านเครียดจัด เพราะทุกอย่างกดดัน ลูกก็ซึมซับความเครียดไปด้วย
- ความเครียดจากเรียนออนไลน์ ที่เด็กถูกบังคับให้นั่งหน้าจอเป็นเวลานาน
- รู้สึกเหนื่อยล้า มีการบ้านมาก และส่งครูด้วยวิธีการที่ต่างไปจากเดิม หากเด็กต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนๆ ก็ทำได้ยากกว่าการเรียนที่โรงเรียน ยิ่งทำให้เกิดความเครียด
- รูปแบบการเรียนออนไลน์ทำให้พลังจดจ่อจำกัด เด็กจะว่อกแว่ก ขาดสมาธิ
- เด็กจำนวนหนึ่งปรับตัวกับการเรียนรูปแบบใหม่ไม่ได้ จนเกิดผลกระทบต่อการเรียนและพัฒนาการได้หลายด้าน ก่อให้เกิดความเครียดและวิตกกังวลตามมา
- เด็กที่ต้องสอบเข้า ม.1, ม.4 จะมีความเครียดมากขึ้น เพราะวิตกกังวลเกี่ยวกับการสอบ การวัดและประเมินผลที่จะต้องนำผลสอบไปใช้
- ผลกระทบที่มีต่อผู้ปกครองและครอบครัวก็ทำให้การเลี้ยงดูทำได้ไม่เต็มศักยภาพ ไม่สามารถใช้เวลาที่มีคุณภาพกับเด็กได้เพียงพอ
หากลูกเป็นวัยรุ่นนั้น พบว่าจะมีความเครียดสูงมากขึ้น ติดจอและเกมออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับซึมซับความเครียดจากผู้ปกครอง และอาจรวมถึงเจอปัญหาอื่น ๆ ในครอบครัว จนนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตและการฆ่าตัวตายในบางรายอีกด้วยค่ะ
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหากเด็กมีอาการซึมเศร้า
หากลูกมีความเสี่ยงมีอาการซึมเศร้า คุณแม่สามารถสังเกตสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากปกติ ตามพัฒนาการตามวัยของเด็ก ดังต่อไปนี้นะคะ
วัย 0-5 ปี
– ติดพ่อแม่หรือผู้ดูแลมาก
– พฤติกรรมถดถอยไปจากช่วงวัยปกติ เช่น ดูดนิ้ว ปัสสาวะรดที่นอน
– เปลี่ยนพฤติกรรมการกินการนอน
– กลัวความมืดหรือกลัวในสิ่งที่ไม่เคยกลัวมาก่อน
– ร้องไห้งอแงและหงุดหงิด
– หยุดพูด
– ไม่เล่นหรือเล่นแค่อย่างซ้ำ ๆ
วัย 6-12 ปี
– หงุดหงิดหรือมีพฤติกรรมก้าวร้าว
– ฝันร้าย
– พูดถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ
– แยกตัวไม่เข้าสังคมหรือไม่อยากรวมกลุ่ม
– ไม่อยากไปโรงเรียน
– รู้สึกและแสดงออกถึงความกลัว
– ไม่จดจ่อ ไม่มีสมาธิ
ในสถานการณ์วิกฤต เด็ก ๆ จะมีปฏิกิริยาทางด้านจิตใจเมื่อได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วิกฤต ในรูปแบบแตกต่างกันไป อาการวิตกกังวล นอนไม่หลับ หรือไม่จดจ่อ เป็นอาการสำคัญที่พบได้บ่อยมากขึ้น ดังนั้นคุณแม่ควรหมั่นสังเกตลูกอย่างสม่ำเสมอ
การดูแลไม่ให้เกิดปัญหาซึมเศร้าในเด็ก
- คุณแม่ต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรม และวิถีชีวิตในแต่ละวันของลูกแบบห่วงอยู่ห่างๆ
- คุณแม่ควรจัดตารางกิจกรรมในแต่ละวันร่วมกับลูก ทั้งช่วงการเรียน การรับประทานอาหาร ช่วงทำงานบ้าน การพักผ่อน และการออกกำลังกาย หากเป็นเด็กโตอาจให้จัดเอง โดยพ่อแม่คอยดูแล
- ให้ลูกพักจากหน้าจอเป็นระยะ ๆ ไปทำกิจกรรมอื่น
- พยายามใช้เวลาอย่างมีคุณภาพ พยายามสื่อสารสร้างความรู้สึกเชิงบวกในครอบครัว ควรใช้เวลาพูดคุยซึ่งกันและกัน
- พ่อแม่ควรหาวิธีคลายเครียด พูดคุยกับลูก
- อย่าอยู่ร่วมกันหรือนั่งด้วยกันแต่ต่างคนต่างอยู่กับโทรศัพท์มือถือ
- คุณแม่สอนให้ลูกมีความยืดหยุ่น เพราะความยืดหยุ่นสามารถปรับตัวได้ทุกสถานการณ์
- ควรทำให้ลูกเรียนรู้ว่าทุกเรื่องมีทางออกเสมอ ต้องไม่ยึดติดหรือคิดว่าชีวิตหมดหนทาง
อาการซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องธรรมดาอีกต่อไปแล้ว คุณแม่และครอบครัวต้องหมั่นดูแลเอาใจใส่ เพื่อให้เด็กได้ใช้ชีวิตเรียนในสถานการณ์ New Normal อย่างมีความสุข ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เหมาะสม เพื่อผ่อนคลายกายและใจบ้าง เพื่อให้เด็กๆ ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในช่วงที่ต้องเผชิญกับวิกฤตนี้นะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
Springnews, กรมสุขภาพจิต , MGR Online , สสส. , โรงพยาบาลพญาไท
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
วิจัยชี้! เด็กเล่นมือถือ-แท็บเล็ต เสี่ยงเครียด-วิตกกังวล-ซึมเศร้า