7.พร้อมเผชิญปัญหาของลูกด้วยความเต็มใจ
โลกของเด็ก ๆ ปัญหาแบบเด็ก ๆ บางครั้งพ่อแม่ก็ไม่เข้าใจ บางคนงงด้วยซ้ำว่าเด็กจะมีปัญหาอะไรกันนักกันหนาจึงมักไม่สนใจปัญหาของลูกคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่นี่แหละที่จะทำให้เป็นปัญหาเกิดขึ้นจริง ๆ ตามมาเพราะลูกจะรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจและไม่สนใจก็จะหันไปเลือกการแก้ปัญหาด้วยวิธีที่ผิด ดังนั้นสำหรับพ่อแม่แล้วเมื่อลูกมีปัญหาควรทำเช่นนี้
1) รู้เท่าทันปัญหาของลูก ปัญหาของลูกเล็กกับปัญหาของลูกวัยรุ่นก็ไม่เหมือนกัน ลูกเล็กมักมีปัญหาเช่น เรื่องเพื่อนไม่เล่นด้วย ไม่แบ่งขนมให้กิน ส่วนลูกวัยรุ่นมักมีปัญหาเรื่องการเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องความรัก การที่พ่อแม่เตรียมใจรู้เท่าทันถึงปัญหาตามวัยของลูก จะสามารถเตรียมตัวรับมือกับปัญหาได้ง่ายขึ้น
2) รับฟังปัญหาอย่างใจกว้าง แม้ไม่เข้าใจปัญหาของลูกแต่ก็ควรรับฟังอย่างตั้งใจ และแม้ช่วยแก้ปัญหาไม่ได้ แต่สามารถทำให้ลูกรู้สึกดีขึ้นได้ ดังนั้น เมื่อลูกเล่าปัญหาให้ฟังก็ควรเป็นผู้ฟังที่ดี สบตากับลูกด้วยแววตาที่อ่อนโยน มีท่าทีตอบสนองเป็นระยะ เช่น โอบไหล่ ลูบหัว บีบมือลูกเบา ๆ หรือพยักหน้าเข้าใจ
3) พร้อมแก้ปัญหาไปด้วยกัน ปัญหาบางอย่างอาจยากที่จะแก้ไข แต่สิ่งสำคัญคือการที่พ่อแม่ลูกได้พูดคุย และช่วยกันหาหนทางในการแก้ปัญหา แต่หากไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรงใหญ่โตและลูกสบายใจที่จะให้ปัญหาผ่านพ้นไป พ่อแม่ก็ควรเคารพการตัดสินใจของลูกด้วย
8.ให้ลูกมีเวลาส่วนตัวบ้าง
อย่าควบคุมลูกแม้กระทั่งความเป็นส่วนตัวของเขา พ่อแม่บางคนคอยจับจ้องลูกตลอด ไม่ว่าจะเดินไปไหน จะกินอะไร จะพูดกับใคร ไม่เคยคลาดสายตา พ่อแม่บางคนทำเพราะไม่ไว้ใจ พ่อแม่บางคนทำเพราะรักลูกเกินขนาดอยากเห็นทุกอย่างที่ลูกทำ แต่ไม่ว่าเพราะเหตุผลอะไร มันคือการสร้างความอึดอัดให้กับลูกอย่างมากมายเลยทีเดียว ดังนั้น พ่อแม่ต้องให้อิสระแก่ลูกบ้าง เพราะไม่ว่าใครก็ต้องการเวลาส่วนตัวที่จะได้คิด ได้ทำอะไรในอย่างที่ตนพอใจบ้าง โดยอาจกำหนดเวลาบางช่วงของวันที่ลูกจะทำอะไรก็ได้เป็นการส่วนตัว เช่น เล่นเกม คุยโทรศัพท์ ออกไปเที่ยวกับเพื่อน พ่อแม่เพียงแต่คอยดูแลเขาห่างๆให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมก็พอแล้ว
9.ฝึกลูกในทางที่เขาควรจะเป็น
1) การฝึกความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อผู้อื่น มีหน้าที่เรียนก็ตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด มีหน้าที่ทำงานบ้านก็ทำให้เรียบร้อยที่สุด
2) ฝึกให้มีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ครูอาจารย์ ผู้มีพระคุณ ประเทศชาติและพระมหากษัตริย์
3) ฝึกให้รู้จักรักษาความดีดุจเกลือรักษาความเค็ม
4) ฝึกให้เป็นคนรู้จักการให้และการเสียสละ
5) ฝึกให้ไม่ลืมความเป็นไทย
สุดท้ายนี้ อย่าให้ลืมว่า “ลูกที่ดีย่อมดำเนินตามแบบอย่างพ่อแม่ที่ดี และพ่อแม่ที่ดีสามารถหล่อหลอมให้ลูกเป็นคนดีได้”
ขอบคุณข้อมูลจาก ดร.แพง ชินพงศ์ www.manager.co.th