อาการปวดหัวแบบไหนที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรเพิกเฉย?
สำหรับอาการปวดหัวของลูก ที่คุณพ่อคุณแม่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรมากนั้น แนะนำให้เปลี่ยนความคิดนั้นค่ะ เพราะอาการดังกล่าวอาจจะเป็นอาการปวดหัวที่อันตราย จนคุณพ่อคุณแม่ต้องพาไปพบแพทย์
- อาการดังกล่าวเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
- ลูกมีอายุน้อย แล้วบ่นปวดหัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 3 ปี
- เด็กที่ป่วยเป็นโรคพันธุกรรม ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิด เนื้องอกในสมองบางชนิดได้
- ปวดหัวรุนแรงมากจนถึงมากที่สุดแบบที่ลูกไม่เคยเป็นมาก่อน
- บ่นปวดหัวทุกครั้งหลังตื่นนอน
- ปวดหัวด้านใดด้านหนึ่งหรือ เฉพาะที่เป็นเวลานาน
วิธีการป้องกันเบื้องต้น
คุณพ่อคุณแม่คะ สำหรับวิธีการป้องกันนั้น ก็สามารถทำได้ไม่ยากเลยค่ะ ยกตัวอย่างเช่น
- การดูแลสุขภาพกายของลูกให้แข็งแรง หมั่นพาลูกออกกำลังกายเป็นประจำ และคอยสังเกตหรือเช็คสายตาของลูกว่า ลูกมีสายตาผิดปกติหรือไม่
- ไม่ละเลยการหาหมอฟัน เพราะอย่างที่ทราบกันดีค่ะว่า การปวดฟัน ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของอาการปวดหัวได้เช่นกัน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะพาลูกไปพบหมอฟัน เพื่อตรวจเช็คสุขภาพฟันทุก ๆ หกเดือนนะคะ
- ดูแลสุขภาพใจ คอยถามไถ่ลูกว่าลูกมีความรู้สึกอย่างไร หากพบว่าลูกดูเงียบ เก็บตัวหรือผิดไปจากเดิมแล้วละก็ ควรเรียกลูกมาคุยนะคะ เพราะบางทีลูกของเราอาจจะมีบางอย่างในใจ ที่ไม่กล้าบอกคุณพ่อคุณแม่ก็เป็นได้
- หลีกเลี่ยงและป้องกันกิจกรรมใด ๆ ที่อาจทำให้ได้รับการกระทบกระเทือนของสมองหรือการเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่คะ เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูกมีอาการดังกล่าวขออย่าได้นิ่งนอนใจและคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ควรหมั่นให้การดูแลและสังเกตอาการของลูกให้ดีว่า สาเหตุของอาการปวดหัวที่ลูกกำลังเป็นอยู่นั้น เกิดจากอะไร และถ้าหากเราทราบแล้ว เราก็ควรที่จะยื่นมือเข้าช่วยลูกในทันที อย่างไรก็ดี หากดูแล้ว อาการของลูกรุนแรงมากขึ้น แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ รีบพาลูกไปพบแพทย์โดยเร็ว อย่าปล่อยทิ้งไว้นะคะ เพราะอาการดังกล่าว อาจจะเป็นสัญญาณหนึ่งของการเกิดโรคร้ายก็เป็นได้
เครดิต: Thai Health
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
4 วิธีปราบลูกดื้อ วางอำนาจ เอาแต่ใจ จากนักจิตวิทยาต่างประเทศชื่อดัง (มีคลิปเหตุการณ์จริง)
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่