ตีลูกบ่อย ไม่สร้างวินัย แต่คือ การทำร้าย ทำลายอนาคตลูก เพราะมีผลการศึกษาพบว่าการ ตีลูก และใช้คำพูดทำร้ายจิตใจ ส่งผลและเติบโตไปกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ก้าวร้าว ใช้ความรุนแรง จากรายงานของ Unicef พบว่า 3 ใน 10 ของประชากรที่เป็นผู้ใหญ่ในโลกนี้ เชื่อว่าการลงโทษทางกายเป็นสิ่งจำเป็นในการเลี้ยงดูเด็ก แต่ก็มีหลักฐานที่แสดงว่า การลงโทษทางร่างกาย และทำให้รู้สึกด้อยค่า ไม่ได้ส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็ก อีกทั้ง การตะคอก การ ตีลูก การใช้คำพูดให้รู้สึกด้อยค่า กลับทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่และลูก รวมถึงการสร้างวงจรแห่งความรุนแรง เพราะเมื่อเด็กเติบโตขึ้นไปก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่ชอบใช้ความรุนแรง
ตีลูกบ่อย ไม่สร้างวินัย แต่คือ การทำร้าย ทำลายอนาคตลูก
รู้หรือไม่ว่า ? เด็กๆ ส่วนใหญ่ต้องการให้ผู้ใหญ่พูดดีๆ และอธิบายว่าทำผิดอะไรหรืออย่างไร โดยที่ไม่ต้องลงโทษ หยุดลงโทษทางกายและใจเด็ก เพราะการตีลูกไม่สร้างวินัย ส่งผลร้ายได้มากกว่าที่คิด
การลงโทษทางร่างกาย จนทำให้เด็กรู้สึกด้อยค่า คือ การลงโทษใดๆ ก็ตามที่มีการใช้กำลัง ตั้งใจให้เกิดความเจ็บปวด หรือความรู้สึกไม่สบาย อึดอัด ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด เช่น การตี ตบ ทุบเด็ก ไม่ว่าจะด้วยมือเปล่าหรือด้วยวัตถุ เช่น ไม้เรียว ไม้ เข็มขัด รองเท้า ช้อนไม้ หรืออื่นๆ เช่น การเตะ การจับเขย่า จับโยน ข่วน หยิก กัด ดึงผม ดีดหรือต่อยกกหู บังคับให้เด็กอยู่ในท่าทางที่ผิดธรรมชาติ การนาบด้วยของร้อน จี้ด้วยก้นบุหรี่ การเอาน้ำร้อนลวก การบังคับให้กินหรือกลืนหรือกลั้วปากด้วยสบู่ พริก ยาเส้น
นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการลงโทษเด็กอื่นๆ อีก ที่เป็นการทารุณ และทำให้เด็กรู้สึกด้อยค่าด้วยวาจาหรือคำพูด เช่น การตีตรา การล้อเลียน ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เช่น การดูถูกดูแคลน ทำให้เด็กอับอาย การใส่ร้ายป้ายสี การขู่ ทำให้กลัว หรือการไม่ใส่เด็ก
เด็กสามในสี่คนทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย เผชิญการกระทำด้วยความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ ทั้งทางร่างกาย จิตใจ รวมถึงถูกกระทำความรุนแรงทางเพศ ถูกทอดทิ้งและปล่อยปละละเลย จึงมีองค์กรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงรวมตัวกันสนับสนุนเป็นโครงการรณรงค์ “ประเทศนี้ไม่ตีเด็ก บ้าน รัฐ โรงเรียน ทราบแล้วเปลี่ยน”
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่