9. ด่างทับทิม ให้คุณแม่ใช้ด่างทับทิมประมาณ 20-30 เกล็ด (ด่างทับทิมจะมีลักษณะเป็นผลึกหรือเกล็ดสีม่วง สามารถละลายน้ำได้) มาผสมกับน้ำ 4 ลิตร แล้วจึงนำผักมาแช่ไว้ในน้ำด่างทับทิมประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้จะช่วยลดประมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 35 – 43 เปอร์เซนต์ แต่ต้องระวังนะคะ เพราะการใช้ด่างทับทิมในปริมาณที่มากจนเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหาร ถ้าหากสูดดมไอระเหยของด่างทับทิมเข้าไปมาก ๆ ก็อาจทำให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาได้ และถ้าด่างทับทิมเข้าตาก็อาจทำให้ตาบอดได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากคุณแม่เลือกใช้วิธีนี้ก็ต้องใช้อย่างระมัดระวังกันด้วยนะคะ
10. น้ำส้มสายชู หรือ Vinegar เป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมใช้กัน เริ่มต้นจากการเตรียมน้ำสายชูที่มีกรดน้ำส้มความเข้มข้น 5 เปอร์เซนต์ของกรดน้ำส้ม นำมาผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1 : 10 ส่วน แล้วจึงนำผักมาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกรอบหนึ่ง จะช่วยลดสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 60-84 เปอร์เซนต์ หากคุณแม่เลือกใช้วิธีนี้ ภาชนะที่ใช้จะต้องไม่เป็นพลาสติก และการล้างผักด้วยวิธีนี้อาจทำให้ผักบางชนิดมีกลิ่นของน้ำส้มสายชูติดมาได้ เพราะผักบางอย่าง เช่น ผักกาดขาว ผักกาดเขียว อาจมีการดูดรสเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชู และทำให้ผักมีรสชาติเปลี่ยนไปนั่นเองค่ะ
11. เบกกิ้งโซดา หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต สามารถนำมาใช้ล้างสารพิษจากผักและผลได้ด้วยนะคะ และเป็นวิธีที่นิยมกันมากอีกวิธีหนึ่งด้วย ด้วยการใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต 1/2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 10 ลิตร แล้วนำผักหรือผลไม้มาแช่ไว้ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นค่อยล้างออกด้วยน้ำเปล่า 2 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยลดสารพิษได้มากถึง 90-95 เปอร์เซนต์เลยละค่ะ แต่ข้อเสียของการใช้เบกกิ้งโซดาในการล้างผักผลไม้ คือ เบกกิ้งโซดาจะมีส่วนผสมของโซเดียมอยู่ และอาจจะดูดซึมเข้าสู่ผักและผลไม้ที่นำไปแช่ได้ เพราะถ้าหากล้างไม่สะอาด การได้รับเบกกิ้งโซดาในปริมาณมากเกินไปก็อาจทำให้ท้องเสียได้นะคะ
12. ผงฟู ให้คุณแม่นำผงฟู 1/2 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำอุ่นหรือน้ำธรรมดา 10 ลิตร แล้วนำผักหรือผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยสะอาดอีกครั้งหนึ่ง วิธีนี้สามารถช่วยลดปริมาณของสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้มากกว่า 90 เปอร์เซนต์ อีกทั้งยังปลอดภัยและไม่อันตรายอีกด้วยค่ะ
13. น้ำยาล้างผัก อีกหนึ่งวิธีที่สะดวกสบายและหาซื้อได้ง่าย ให้คุณแม่เลือกใช้ยี่ห้อที่มีความเข้มข้นประมาณ 0.3 เปอร์เซนต์ หลังจากนั้นให้ผสมลงไปในน้ำ 4 ลิตร และนำผักหรือผลไม้มาแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษจากยาฆ่าแมลงได้ประมาณ 25-70 เปอร์เซนต์ แต่สำคัญตรงที่ว่า ในการเลือกซื้อนั้น ควรศึกษาถึงส่วนผสมของน้ำยาให้ดีก่อนค่ะ เพราะสารบางชนิดอาจส่งผลกับร่างกายของเราได้
14. น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาล้างขวดนม การล้างผลไม้โดยใช้น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาล้างขวดนมนั้น ให้คุณแม่ใช้ฟองน้ำถูเบา ๆ จะเป็นการช่วยลดโอกาสการติดเชื้อที่อยู่บริเวณผิวของผลไม้ได้ ที่สำคัญสามารถนำวิธีนี้ไปล้างไข่ไก่หรือไข่เป็ดก่อนทำอาหารด้วยก็ได้นะคะ ทั้ังยังช่วยลดการปนเปื้อนของเชื้อได้มากกว่า 95 เปอร์เซนต์เลยค่ะ
15. ผงถ่าน เป็นวัสดุคาร์บอนซึ่งมีเนื้อพรุน มีคุณสมบัติในการดูดซับสูงมาก ทำให้มันสามารถจับสารในปริมาณมากมายไว้ที่ผิว ด้วยคุณสมบัตินี้เองเราจึงนำมาใช้ประโยชน์ในการล้างผักผลไม้ได้ ซึ่งมันจะช่วยดูดกลิ่น ดูดสี ดูดซับสารพิษออกจากผัก แต่จะจะไม่ดูดซับแร่ธาตุออกไป อีกทั้งร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมผงถ่านได้ด้วยเช่นกัน จึงไม่เป็นอันตรายเพราะร่างกายสามารถขับออกได้ แต่การนำมาใช้ล้างผักผลไม้ หากใช้ในปริมาณน้อยและแช่ไว้ไม่นานพอ ก็จะไม่สามารถดูดซับสารพิษออกมาได้นะคะ วิธีการก็ให้คุณแม่นำผงถ่าน 1 ช้อนชาผสมกับน้ำ 5 ลิตร หลังจากนั้นก็นำผักผลไม้มาแช่ไว้ประมาณ 20 นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด
สำหรับข้อสุดท้ายสำหรับบ้านไหนที่รักการทานถั่วหรือเมล็ดธัญพืชละก็ วิธีการล้างถั่วให้สะอาดนั้นง่ายที่สุดเลยก็คือ ล้างน้ำให้สะอาดเลือกเมล็ดถั่วที่แข็ง ๆ ทิ้งไปแล้วต้มน้ำจนเดือดเสร็จแล้วให้เทน้ำทิ้ง ใส่น้ำเริ่มต้มใหม่อีกครั้ง รอให้น้ำเดือด ทีนี้เบาไฟต้มต่อไปด้วยไฟอ่อน ให้คุณแม่หยิบเมล็ดถั่วขึ้นมาบีบดู เลือกความแข็งอ่อนของถั่วตามใจชอบตามที่ต้องการ เสร็จแล้วให้ใส่เกลือลงไปนิดหน่อยแล้วเทน้ำทิ้ง เท่านี้เราก็ได้ถั่วที่สะอาดกันแล้วละค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 16 วิธีที่เรานำมาฝากกัน เรียกได้ว่าคุณแม่สามารถเลือกใช้ได้ตามความสะดวกเลยละค่ะ หรืออยากลองหลาย ๆ วิธีก็สามารถทำได้ เพียงเท่านี้เราก็มั่นใจกันได้แล้วว่า ลูกน้อยของเราจะสามารถรับประทานผักและผลไม้โดยได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จริง ๆ … อย่าลืมนำวิธีเหล่านี้ไปใช้กันดูนะคะ
เครดิต: MedThai และ Thaijobsgov
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่