account_circle
6.ชุดฟูฟ่อง ขนปุย
ชุดเจ้าหญิง ชุดกระโปรงพองฟูหรือมีชายผ้าคลุมยาวๆที่ลูกสาวอ้อนคุณแม่ซื้อให้ ส่วนใหญ่มักเป็นชุดฟูฟ่อง หรือมีขนปุยนุ่มน่ากอด ดูเผินๆ ไม่น่าจะเป็นอันตราย แต่สำหรับเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง หรือทารก ซึ่งมีผิวบอบบบางอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองง่าย เกิดอาการคัน จนกลายเป็นแผลเรื้อรังได้ จึงควรระวังให้มาก
7.ชุดสีสะท้อนแสง
เสื้อผ้าเด็ก สำหรับงานปาร์ตี้ที่ใช้สีเข้ม หรือใช้สีนีออนสะท้อนแสง มองแล้วสะดุดตา เด็กใส่แล้วสดใสน่ารัก แต่พัฒนาการของเด็กจะชอบสิ่งของสีเข้มจัด ให้ความสนใจเป็นพิเศษ เห็นแล้วอยากหยิบจับมาเล่น หรือจ้องเป็นเวลานานๆ แต่การจ้องมองเสื้อผ้าสีนีออนนานๆ อาจทำให้สายตาล้าได้
8.ชุดที่ย้อมด้วยสีเคมี
เสื้อผ้าเด็กมักมีสีสันฉูดฉาด สีเข้มต้องผ่านการย้อมสี ซึ่งเป็นสารเคมี ยิ่งเสื้อมีเข้มเท่าไรก็ยิ่งต้องใช้สีย้อมมากขึ้นเท่านั้น หากเสื้อที่ย้อมเอง หรือมีกระบวนการย้อมสีที่ไม่ได้มาตรฐาอาจมีสารเคมีตกค้างเป็นอันตรายกับลูกได้
9.เสื้อผ้ามือสอง
ชุดเด็กนิยมขายในออนไลน์บางส่วนเป็น เสื้อผ้าเด็ก มือสองซึ่งมีราคาถูก เหมาะสำหรับเศรษฐกิจช่วงนี้ คุณแม่หลายคนคิดว่า ลูกโตไวถ้าจะซื้อเสื้อผ้าใหม่บ่อยๆคงไม่ไหว จึงเลือกเสื้อผ้ามือสองเป็นทางเลือก สิ่งหนึ่งที่ต้อวระมัดระวังให้ดีคือเรื่องความสะอาด เพราะเป็นชุดที่มีการใช้งานแล้วอาจมีเชื้อโรคสะสม หากไม่ทำความสะอาดให้ดีก็เสี่ยงที่ทำให้ลูกป่วยได้
10.เสื้อผ้าใยสังเคราะห์
เสื้อผ้าเด็กเล็กส่วนใหญ่มักทำจากผ้าฝ้ายซึ่งนุ่มสบาย ไม่ระคายเคืองผิว แต่อาจมีแบบให้เลือกไม่มากนัก ส่วนชุดแฟชั่นจะทำจากเส้นใยสังเคราะห์ที่มีข้อดีตรงเบาสบาย ยับยาก แต่คุณแม่ต้องเลือกให้ดีเพราะเส้นใยสังเคราะห์บางชนิดไม่ได้คุณภาพ จึงอาจมีสารตกค้างเป็นพิษกับผิวลูกได้
เทคนิคการเลือกเสื้อผ้าเด็กให้เหมาะกับลูก
- เลือกเสื้อผ้าที่ mix & match ได้หลายโอกาส
เพราะเด็กโตไว การซื้อเสื้อผ้าเป็นชุด เช่น ชุดสูท ชุดเดรสยาว หรือชุดหมีอาจใส่ได้ไม่กี่ครั้งก็คับแล้ว ดังนั้นคุณแม่ควรซื้อเสื้อผ้าแยกชิ้น เสื้อยืด เสื้อเชิ๊ต กางเกงขาสั้น ขายาว กระโปรง กางเกงเลคกิ้ง ซึ่งเสื้อผ้าเหล่านี้สามารถใส่ได้หลายโอกาส จะใส่เล่นอยู่บ้าน หรือออกไปเที่ยวข้างนอกก็เหมาะดี ส่วนสีสันอาจเลือกสีที่ลูกชอบ และสีพื้นที่แมตซ์กับสีอื่นได้ง่ายๆ เช่น สีขาว สีดำ สีพาสเทลต่างๆ ถ้าตัวไหนคับแล้วก็สามารถเก็บไว้ใส่เล่นในบ้าน นี่เป็นวิธีช่วยคุณแม่ประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกทางหนึ่ง
2.เลือกซื้อเสื้อผ้าที่มีส่วนประกอบของผ้าฝ้ายเป็นหลัก
เนื้อผ้าฝ้ายทำจากเส้นใยธรรมชาติ ที่มีความอ่อนนุ่ม ใส่แล้วไม่เสียสีกับผิวลูกจึงหมดกังวลเรื่องการระคายเคือง นอกจากนี้เส้นใยยังระบายอากาศได้ดี ซับเหงื่อดีเยี่ยม เหมาะกับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา จึงไม่เหม็นอับ แต่เสื้อผ้าเด็กส่วนใหญ่อาจไม่ได้ใช้ผ้าฝ้าย 100 % ดังนั้นก่อนตัดสินใจซื้อ คุณแม่ควรอ่านป้ายที่ติดบนเสื้อผ้าเพื่อมองหาวัตถุดิบ โดยให้มีผ้าฝ้ายเป็นส่วนประกอบมากพอสมควร จึงจะเหมาะกับใช้เป็น เสื้อผ้าเด็ก
3.อย่าซื้อแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนม
แม้เสื้อผ้าแบรนด์เนมจะมีสวยงาม ทนทาน และคุณพ่อคุณแม่จะมั่นใจได้ว่าคุณภาพดี แต่ก็มีราคาสูงมาก ถ้าเทียบกับราคาเสื้อผ้าเด็กทั่วไปอาจแพงกว่า 2-3 เท่าตัว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องซื้อแบรนด์เนมทุกตัว อาจเลือกซื้อชุดออกงาน หรือชุดเก่งที่ใส่ได้นานๆ ส่วนเสื้อผ้าใส่เล่นอยู่บ้านอาจเลือกซื้อระดับราคาปานกลางปะปนไปด้วย เพราะเด็กๆโตไวเปลี่ยนไซส์เสื้อผ้าบ่อย
การเลือกเสื้อผ้าเด็กแต่ละวัย
ลูกวัยแรกเกิด – ก่อนขวบปี ขอแนะนำให้ใช้เสื้อผ้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่นผ้าฝ้าย ผ้าป่าน ปราศจากสารเคมี ไม่ควรเลือกเสื้อผ้าสีฉูดฉาด เพราะอาจมีสารเคมีตกค้างจากกระบวนการย้อม เนื้อผ้าควรเบาบาง ระบายอากาศและซับเหงื่อดี ใส่แล้วลูกนุ่มสบายตัว
ลูกวัย 1 – 3 ขวบ เป็นวัยแสนซนที่เคลื่อนไหวร่างกายและทำกิจกรรมต่างๆมากขึ้น ควรเลือกเสื้อผ้าที่มีความทนทาน ระบายอากาศดี สามารถเลือกแบบตามแฟชั่นได้ แต่ต้องไม่มีส่วนประดับตกแต่งมากเกินไป เนื้อผ้าควรนิ่มไม่แข็งจนทำให้เกิดบาดแผล
ลูกวัย 3-6 ขวบ เป็นวัยเริ่มเข้าโรงเรียน มีสังคมและมีเพื่อน ลูกอาจมีเสื้อผ้าที่ชอบอยู่ในใจ เช่น สีที่ชอบ แบบที่ชอบ ลายตัวการ์ตูนที่ชอบ ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้มีส่วนในการเลือกซื้อเสื้อผ้า และเลือกชุดที่อยากใส่ด้วยตัวเอง วัยนี้มักทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น ควรเลือกเสื้อผ้าที่ป้องกันแดด มีความทนทาน ซักสิ่งสกปรกออกได้ง่าย แต่ต้องไม่ระคายเคืองผิวด้วย
บทความน่าสนใจอื่นๆ
สารก่อภูมิแพ้ในเสื้อผ้า กำจัดได้ง่ายๆ แค่ซักผ้าถูกวิธี
เคล็ด(ไม่)ลับ “วิธีดูแลเสื้อผ้า” ลูกน้อยให้สะอาด หอม
แหล่งข้อมูล
www.enfababy.com www.honestdocs.co
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่