โสนน้อยเรือนงาม นิทานยาวๆ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน - Amarin Baby & Kids
โสนน้อยเรือนงาม

โสนน้อยเรือนงาม นิทานยาวๆ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน

Alternative Textaccount_circle
event
โสนน้อยเรือนงาม
โสนน้อยเรือนงาม

นิทานพื้นบ้านไทย นิทานยาวๆ โสนน้อยเรือนงาม หนึ่งในนิทานที่เล่ากันมาอย่างยาวนานในสังคมไทย เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ให้ข้อคิด คติสอนใจแกเด็กๆ

โสนน้อยเรือนงาม นิทานยาวๆ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน

นิทานก่อนนอนของเด็กๆที่ ทีมกองบรรณาธิการ ABK นำเสนอในวันนี้ เป็น นิทานยาวๆ เรื่อง โสนน้อยเรือนงาม เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้อ่านให้ลูกฟังกันอย่างจุใจกันไปเลยค่ะ บางครั้งอ่านนิทานจบแล้วลูกยังไม่หลับเลย มาลองอ่านนิทานเรื่องยาวๆกันค่ะ

นิทานยาวๆ เรื่องโสนน้อยเรือนงาม
นิทานยาวๆ เรื่องโสนน้อยเรือนงาม

โสนน้อยเรือนงาม นิทานยาวๆ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน

พระวิจิตรจินดา เป็นโอรสของท้าวกาลศึก กษัตริย์ผู้ครองเมืองนพรัตน์และพระนางประไพ วันหนึ่งพระวิจิตรจินดา เสด็จประพาสป่าพร้อมด้วยพระสหาย ในขณะที่กำลังล่าสัตว์อยู่นั้นพระวิจิตรจินดาถูกพิษของพญานาคสิ้นพระชนม์ พระสหายจึงรีบนำร่างของพระองค์กลับเข้าเมือง ท้าวกาลศึกและพระนางประไพโศกเศร้าเสียใจมาก จึงเรียกโหรหลวงเข้าเฝ้า โหรหลวงทำนายว่า พระวิจิตรจินดาเคยสร้างกรรมไว้แต่ชาติปางก่อน โดยการฆ่าพญานาค พญานาคโกรธแค้นมากจึงคายพิษไว้ จนพระวิจิตรจินดามาถูกพิษจึงทำให้สิ้นพระชนม์ทันที แต่เจ้าชายจะสามารถฟื้นขึ้นมาได้ เพราะในภายภาคหน้าจะมีพระธิดาต่างเมืองซึ่งเคยเป็นเนื้อคู่กันมาช่วยชุบชีวิต ท้าวกาลศึกจึงรับสั่งให้เก็บพระศพของพระวิจิตรจินดาไว้เป็นอย่างดี และได้ป่าวประกาศว่าหากใครสามารถช่วยชีวิตของพระวิจิตรจินดาได้ จะให้อภิเษกกับเจ้าชายและให้ครองเมืองนพรัตน์ต่อไป

ที่นครโรมวิสัย นางเกษณี พระมเหสีของท้าววหัสวิชัย ได้ประสูติพระธิดาออกมาพร้อมด้วยเรือนทองวิเศษหลังน้อยที่ทำมาจากไม้โสน ท้าววหัสวิชัยจึงตั้งชื่อว่า โสนน้อย เมื่อพระธิดาโสนน้อย เจริญวัยได้ 15 พรรษา ได้ฝันว่า ตนเองพลัดหลงเข้าไปในสวนและได้เจอชายหนุ่มรูปงาม แต่โสนน้อยมิอาจจับต้องตัวชายหนุ่มได้ โสนน้อยตกใจตื่น จึงเล่าความฝันให้ข้าราชบริพารฟัง โหรหลวงทำนายว่า พระธิดาโสนน้อย จะได้พบเนื้อคู่ซึ่งเป็นคนตายแล้ว ถือว่าเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง โสนน้อยต้องเสด็จออกไปอยู่ป่าจึงจะพ้นเคราะห์

โสนน้อยแต่งกายเหมือนชาวบ้าน ออกเดินทางรอนแรมไปกลางป่าด้วยความลำบาก พระอินทร์เกิดความสงสาร จึงแปลงกายเป็นชีปะขาวมามอบยาวิเศษที่สามารถรักษาคนตายได้ให้โสนน้อย โสนน้อยเดินทางต่อไปจนพบศพนางกุลาอยู่กลางป่า โสนน้อยสงสารจึงชุบชีวิตให้ เมื่อฟื้นขึ้นนางกุลาจึงขอติดตามเป็นทาสรับใช้โสนน้อย ทั้งสองเดินทางไปด้วยกันจนถึงเมืองนพรัตน์ และได้ทราบข่าวของพระวิจิตรจินดา โสนน้อยจึงอาสาชุบชีวิตของพระวิจิตรจินดา

พิธีการชุบชีวิตเริ่มขึ้น โดยโสนน้อยนำเครื่องแต่งกายแบบกษัตริย์มาสวมและให้นำม่านมากั้นเจ็ดชั้น โดยให้นางกุลาอยู่ด้วยเพียงคนเดียว จากนั้นจึงนำยาวิเศษมาชโลมร่างของเจ้าชาย ทันใดนั้น พิษพญานาคในกายของเจ้าชาย ได้ลอยขึ้นมาถูกโสนน้อย นางรู้สึกร้อนกายมากจึงรีบไปอาบน้ำ โดยถอดเครื่องแต่งกายให้นางกุลาเก็บไว้ นางกุลาหลงรักพระวิจิตรจินดาและอิจฉาโสนน้อยอยู่แล้วจึงคิดแผนร้าย นางรีบสวมเสื้อผ้าของโสนน้อย และสวมรอยเป็นผู้รักษาพระวิจิตรจินดาทันที ขณะนั้นพิษของพญานาคออกจากร่างกายของเจ้าชายหมดแล้ว แต่เจ้าชายยังสลบอยู่ นางกุลาจึงรีบนำยามาชโลมให้เจ้าชายฟื้น และรีบพาเจ้าชายเข้าเฝ้าท้าวกาลศึก เพื่อทวงสัญญาเรื่องการอภิเษก เมื่อโสนน้อยอาบน้ำกลับมา นางกุลาก็บอกกับทุกคนว่า โสนน้อยเป็นทาสรับใช้ของตน

ฝ่ายท้าวกาลศึกและมเหสี สงสัยว่าทำไมนางกุลาจึงรูปชั่วตัวดำ ไม่มีราศีของพระธิดาเลยแม้แต่น้อย ด้วยความไม่แน่ใจ ทั้งสองพระองค์จึงยังไม่ยอมจัดพิธีอภิเษก อ้างว่ารอให้พระวิจิตรจินดาหายดีกว่านี้ก่อน จากนั้นจึงหาทางพิสูจน์ โดยการรับสั่งให้นางกุลาทำบายศรีถวาย เพราะหากนางเป็นเจ้าหญิงจริงต้องทำได้ นางกุลารับคำว่าจะทำบายศรีมาถวายอย่างสวยงาม แต่นางก็ไม่สามารถทำได้ จึงโยนข้าวของที่ใช้ทำบายศรีทิ้ง โสนน้อยเห็นเข้า จึงเก็บมาเย็บเป็นบายศรีได้อย่างสวยงาม นางกุลามาพบ จึงรีบแย่งไปถวาย พร้อมทั้งเร่งวันอภิเษก พระวิจิตรจินดาไม่อยากอภิเษก จึงหาทางเลี่ยง โดยอ้างว่าอยากออกประพาสทะเลก่อน ท้าวกาลศึกและพระนางประไพได้โอกาส จึงทดสอบนางกุลา โดยการให้นางย้อมผ้า เพื่อนำมาผูกหัวเรือ นางกุลารับปากเช่นเคย และนางก็นำผ้าแพรที่ได้ไปย้อม แต่ย้อมไม่เป็น ด้วยความโกรธ นางจึงโยนผ้าแพรทิ้งเหมือนเดิม โสนน้อยเก็บผ้ามาซักย้อมอย่างสวยงาม นางกุลาเห็นดังนั้น ก็รีบแย่งไปถวายทันที และนางยื่นคำขาดว่า กษัตริย์ตรัสแล้วต้องไม่คืนคำ หากพระวิจิตรจินดากลับจากประพาสทะเลแล้ว ต้องรีบจัดการอภิเษกให้ทันที ท้าวกาลศึกจำต้องรับปากนางกุลา แม้จะรู้สึกสงสารพระวิจิตรจินดาก็ตาม

เมื่อถึงวันเดินทาง พระวิจิตรจินดาสึั่งให้ออกเรือ แต่ก็ไม่สามารถถอนสมอเรือได้ โหรทูลว่าคงเป็นเพราะผู้มีบุญญาธิการในวัง ต้องการฝากซื้อของ เจ้าชายจึงรับสั่งให้ทหารไปสอบถาม และได้รายการของมามากมาย แต่เรือก็ยังไม่สามารถถอนสมอได้ ทหารทูลว่าคนในวังตนเองถามหมดทุกคนแล้ว ยังเหลือแต่นางข้าทาสที่ชื่อ โสนน้อย เท่านั้น พระวิจิตรจินดาจึงให้ทหารไปถาม โสนน้อยฝากซื้อเรือนไม้โสน ทันใดนั้น เรือก็ถอนสมอได้อย่างง่ายดาย พระวิจิตรจินดาแปลกใจมาก ส่วนนางกุลานั้นกลับยิ่งเกลียดชังโสนน้อยมากขึ้นกว่าเดิม

ระหว่างการเดินทาง พระอินทร์ดลบันดาลให้เรือของพระวิจิตรจินดา ถูกพายุพัดเข้าไปในเมืองโรมวิสัย และเจ้าขายได้ไปเข้าเฝ้าท้าวหัสวิชัย จากนั้นจึงทูลลา ไปหาซื้อของฝากกลับบ้านเมือง เมื่อถึงเวลาออกเดินทางกลับ เรือก็ถอนสมอไม่ได้อีก พระวิจิตรจินดานึกขึ้นมาได้ว่า ยังไม่ได้ซื้อของไปให้นางข้าทาสโสนน้อย จึงให้ทหารออกไปซื้อ แต่ก็ไม่สามารถหาซื้อได้ พระวิจิตรจินดาจำได้ว่าเคยเห็นเรือนนี้ในวัง จึงเข้าไปขอประทานเรือนไม้โสน ท้าวหัสวิชัยจึงถามถึงรูปร่างหน้าตาของนางทาสคนนั้น และทรงทราบว่าเป็นธิดาของตนเองแน่ จึงมอบเรือนให้เจ้าชาย และให้อำมาตย์ติดตามเจ้าชายไปด้วย

เมื่อกลับไปถึงเมืองนพรัตน์ พระวิจิตรจินดาจึงกราบทูลเรื่องราวให้ท้าวกาลศึกฟัง นางกุลาแอบได้ยิน จึงคิดจะกำจัดโสนน้อย แต่โสนน้อยรีบหนีเข้าไปในเรือนโสนหลังน้อย นางกุลาจึงทำอันตรายไม่ได้ พระวิจิตรจินดามาถามหาโสนน้อย นางกุลาโกหกว่าหนีไปแล้ว ขณะนั้นเจ้าชายได้ยินเสียงเพลงดังมาจากเรือนโสน ก็มั่นใจว่าพระธิดาโสนน้อยต้องอยู่ในเรือน จึงอธิฐานว่า หากเป็นเนื้อคู่กันจริง ขอให้ตนเองตามเข้าไปในเรือนได้ เจ้าชายจึงสามารถเข้าไปได้ และได้พบกับโสนน้อย นางกุลารีบจุดไฟเผาเรือน แต่เรือนก็ไม่ไหม้ ทำให้นางกุลาโกรธมาก และตะโกนด่าทอจนเจ้าชายรู้ความจริง จึงเสด็จออกมาจากเรือน แล้วรับสั่งให้นำตัวนางกุลาไปประหาร แต่โสนน้อยสงสาร และได้ทูลขอชีวิตนางกุลาไว้ นางกุลาแกล้งสำนึกผิด โสนน้อยจึงรับนางกุลากลับมาเป็นข้าทาสเหมือนเดิม ด้วยความรู้สึกปีติยินดี ท้าวกาลศึกรีบจัดงานอภิเษกให้พระวิจิตรจินดาและโสนน้อย ท่ามกลางความอิจฉาริษยาของนางกุลา

หลายเดือนผ่านไป  พระวิจิตรจินดาพาโสนน้อยกลับไปเยี่ยมพระบิดาและพระมารดาที่นครโรมวิสัยโดยทางเรือ  ระหว่างทางเกิดพายุอย่างแรงทำให้เรือล่ม  พระวิจิตรจินดาและโสนน้อยถูกกระแสน้ำพัดไปคนละทิศละทาง  โสนน้อยถูกพัดขึ้นชายฝั่งเขตชาตแดนเมืองยักษ์ที่มีท้าวจตุรพักตร์และพระมเหสีสร้อยทองปกครอง นางออกตามหาพระสวามีจนเจอกับเงาะหญิงที่กำลังร่ำไห้กับศพของเงาะชายผู้เป็นสามี  จึงเข้ามาช่วยชุบชีวิตเงาะชายให้ฟื้น  เงาะทั้งสองดีใจมากขอเป็นทาสรับใช้และช่วยตามหาพระวิจิตรจินดา

เกิดพายุระหว่างทาง
เกิดพายุระหว่างทาง

โสนน้อยเรือนงาม นิทานยาวๆ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน

วันหนึ่ง  ท้าวจตุรพักตร์ออกมาหาอาหารจนได้เจอโสนน้อยและเงาะทั้งสอง   จึงจับทั้งสามไปขังไว้  ท้าวจตุรพักตร์เห็นความงามของโสนน้อยก็เกิดหลงรัก  จึงจับนางไปขังไว้ในปราสาท ขณะที่ท้าวจตุรพักตร์พูดหว่านล้อมให้โสนน้อยยอมเป็นพระชายา  และหมายจะแตะเนื้อต้องตัวพระธิดา แต่โสนน้อยไม่ยอมจึงทำให้ท้าวจตุรพักตร์โกรธมากที่ทำอะไรไม่ได้  จึงสั่งทหารให้นำเอาโสนน้อยไปขังไว้บนหอคอย

กล่าวถึงพระวิจิตรจินดา ซึ่งถูกพัดไปยังเกาะแห่งหนึ่ง ขณะที่ออกตามหาโสนน้อยได้เจอกับพระฤๅษี พระฤๅษีทราบเรื่องทั้งหมดด้วยญาณวิเศษ จึงบอกให้พระวิจิตรจินดารีบไปช่วยโสนน้อยซึ่งกำลังตกอยู่ในอันตรายที่เมืองจตุรพักตร์  แล้วพระฤๅษีก็ช่วยชี้ทางไปเมืองยักษ์  พระวิจิตรจินดาเดินทางมาถึงเมืองจตุรพักตร์เกิดการต่อสู้กับเหล่าทหารยักษ์  ซึ่งสู้พระวิจิตรจินดาไม่ได้ ล้มตายเป็นจำนวนมาก หนึ่งในทหารหนีรอดไปรายงานท้าวจุตรพักตร์ ท้าวจุตรพักตร์โกรธมาก จึงออกมาสู้กับพระวิจิตรจินดา แต่พลาดท่าเสียทีถูกพระวิจิตรจินดาใช้พระขรรค์แทงตาย

หลังจากนั้น  พระวิจิตรจินดาเข้าไปช่วยโสนน้อยและเงาะทั้งสอง  ก่อนออกเดินทางโสนน้อยได้ใช้ยาวิเศษช่วยชุบชีวิตของท้าวจตุรพักตร์ให้ฟื้นขึ้นมา  พระวิจิตรจินดาและโสนน้อยก็ออกเดินทางไปยังนครโรมวิสัย  ส่วนเงาะทั้งสองก็แยกกลับเข้าไปอยู่ในป่าพระวิจิตรจินดาพาโสนน้อยมาถึงเมืองโรมวิสัยและพักผ่อนได้ระยะหนึ่ง  ทั้งสองก็ทูลลากลับนครแก้วนพรัตน์

พระวิจิตรจินดาและโสนน้อยครองรักกันอย่างมีความสุข  จนกระทั่งวันหนึ่ง กุลาได้คิดแผนให้พระวิจิตรจินดาเข้าใจโสนน้อยผิด  จึงจับงูพิษมาใส่กล่องไม้จันทน์หอมแล้วนำเอามาให้โสนน้อยพร้อมบอกว่ากล่องนี้มีของวิเศษให้นำถวายพระวิจิตรจินดา   โสนน้อยหลงเชื่อกุลา  เมื่อถึงเวลาเข้าบรรทม  จึงมอบกล่องให้  เมื่อเห็นเป็นงูพิษจึงคิดว่านางต้องการฆ่าตน  จึงเนรเทศโสนน้อยและกุลาให้ออกจากพระนคร  แม้ว่านางจะอธิบายความจริงให้ฟังอย่างไร พระองค์ก็ไม่เชื่อ

โสนน้อยจำต้องออกจากพระนครพร้อมลูกในครรภ์โดนมีกุลาติดตามไปด้วย  ทั้งสองเดินทางมาจนพบพระฤๅษีปู่เจ้า  จึงขอนั่งพักเหนื่อย  ระหว่างนั้นกุลาเดินไปพบบ่อน้ำสองบ่อ ซึ่งเป็นน้ำสีเหลืองและสีดำ นางสงสัยเลยเอานิ้วจุ่มลงในบ่อ ปรากฎว่าเอามือจุ่มลงน้ำสีดำเกิดเป็นแผลออกร้อน ต่อมานางเอามือไปจุ่มลงน้ำสีเหลืองนิ้วนางกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม

ขณะนั้นความคิดชั่วร้ายก็เกิดขึ้น  กุลาจึงไปเรียกโสนน้อยมาดูบ่อน้ำวิเศษ  กุลากระโดดลงไปในบ่อน้ำสีทองแล้วกลับขึ้นมาด้วยหน้าตาที่สวยงาม รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น จากนั้นกุลาเดินไปใกล้ๆโสนน้อยที่ยืนอยู่ปากบ่อน้ำสีดำ เมื่อนางเผลอกุลาจึงผลักตกลงในบ่อน้ำสีดำโสนน้อยกลายเป็นหญิงอัปลักษณ์ มีแผลเต็มตัว  เช้าวันต่อมา ทั้งสองกราบลาพระฤๅษีปู่เจ้าแล้วออกเดินทางมาจนถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตชายแดนเมืองโรมวิสัย  ทั้งสองได้พักอาศัยบ้านสองตายายคู่หนึ่ง โสนน้อยช่วยสองตายายทำงานแต่กุลาไม่ช่วยอะไรเลยเที่ยวอวดความงามของตน

วันหนึ่ง กุลาได้เจอกับลูกเศรษฐีรูปหล่อประจำหมู่บ้านชื่อวิไล ทั้งสองต่างถูกใจกัน วิไลชวนกุลาไปอยู่ด้วย กุลานึกถึงแก้วแหวนเงินทองและความสุขสบายจึงตกลงไปอยู่ด้วยพร้อมเอาโสนน้อยไปเป็นทาสรับใช้  หลายเดือนผ่านไปครรภ์ของโสนน้อยใหญ่ขึ้น กุลาคิดที่จะกำจัดลูกของนาง เมื่อครบกำหนดคลอด โสนน้อยให้กำเนิดบุตรชายและสลบไปด้วยความอ่อนเพลีย หมอตำแยนำผ้ามาห่อพระกุมารแล้วส่งให้บ่าวรับใช้ใส่ตะกร้านำพระกุมารไปโยนทิ้งลงแม่น้ำ กล่าวถึงพระกุมาร ด้วยความเป็นผู้มีบุญญาธิการเกิดปาฏิหาริย์ ตะกร้าไม่จมน้ำแต่ลอยไปถึงเกาะแห่งหนึ่งและได้รับการช่วยเหลือจากพระฤๅษีจึงนำพระกุมารมาเลี้ยงและตั้งชื่อว่า ไพรวัลย์ พระฤๅษีเลี้ยงดูไพรวัลย์จนเติบใหญ่พร้อมสอนวิชาป้องกันตัวให้กับไพรวัลย์

พระวิจิตรจินดารอนแรมตามหาโสนน้อยด้วยความมุ่งมั่น จนกระทั่งวันหนึ่งพระองค์ได้เจอกับไพรวัลย์ที่กำลังล่ากวางป่า จึงถามว่าเป็นลูกใคร  ไพรวัลย์จึงบอกว่าตนเองอาศัยอยู่กับพระฤๅษี  พระวิจิตรจินดาแปลกใจและหลุดพูดออกมาว่า พระฤๅษีมีลูกได้อย่างไรคำพูดของพระวิจิตรจินดาสร้างความไม่พอใจให้กับไพรวัลย์ เพราะคิดว่าพระวิจิตรจินดาพูดจาลบหลู่พระฤๅษีไพรวัลย์ จึงแผลงศรไปยังพระวิจิตรจินดาแต่ศรกลายเป็นดอกไม้ร่วงหล่นลงตรงหน้าพระวิจิตรจินดา ไพรวัลย์จึงลองแผลงศรอีกครั้ง ปรากฏว่าเปลี่ยนทิศเหินขึ้นฟ้า พระฤๅษีจึงรีบออกมาห้ามและบอกไพรวัลย์ว่าชายผู้นี้เป็นพ่อของไพรวัลย์ ชื่อว่า วิจิตรจินดา พระวิจิตรจินดากราบขอบพระคุณพระฤๅษีที่ได้ช่วยชีวิตไพรวัลย์และเลี้ยงดูเป็นอย่างดี

พระวิจิตรจินดา ไพรวัลย์ และทหารเดินทางจนเข้าเขตเมืองโรมวิสัย  พระวิจิตรจินดาสังให้ทหารไปสืบหาโสนน้อย แต่กลับเจอแต่โสนน้อยที่แสนจะอัปลักษณ์และกุลาแสนสวย หนึ่งในทหารจำได้ว่าหญิงอัปลักษณ์ก็คือโสนน้อยพระวิจิตรจินดาจึงให้นำนางมาเข้าเฝ้านางเล่าเรื่องราวในอดีตตั้งแต่เคยช่วยพระองค์จนถึงเรื่องที่พระวิจิตรจินดาเข้าใจผิดเรื่องงูพิษได้อย่างถูกต้อง

เมื่อเรื่องราวทุกอย่างผ่านไปเรียบร้อยแล้วพระวิจิตรดาพาโสนน้อยไปหาพระฤๅษีปู่เจ้าเพื่อให้ท่านช่วย พระฤๅษีได้ให้พระธิดาโสนน้อยลงไปชุบตัวในบ่อน้ำสีเหลือง นางก็กลับมางดงามเหมือนเดิม ทั้งสองเดินทางไปยังนครแก้วนพรัตน์และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

ข้อคิด คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้

อ่านเรื่อง โสนน้อยเรือนงาม นิทานยาวๆ ให้ลูกฟังแล้ว ลูกคงหลับฝันดีกันนะคะ ทีมกองบรรณาธิการ ABK มุ่งหวังที่จะนำเสนอนิทานก่อนนอนสำหรับเด็กๆ เพื่อให้เด็กเกิดจินตนาการ ช่วยเสริมพัฒนาการทางด้านภาษา อารมณ์และความคิด

 

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

5 นิทานพื้นบ้าน ซึมซับความเป็นไทย พร้อมคติสอนใจ!!

10 นิทานอีสปสั้นๆ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน พร้อมคติสอนใจ

วันนี้คุณ เล่านิทาน ให้ลูกฟังถูกวิธีแล้วหรือยัง?

ตามติด 3 ภารกิจสุดน่ารักของครอบครัวหนู กับนิทานหนู14ตัว

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://academic.obec.go.th, http://www.oknation.net

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

Amarin Baby & Kids

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up