โดยคุณย่าจะคอยเก็บพืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้บริเวณบ้านมัดใส่ถุง ให้น้องต๋องออกไปขายที่ตลาดเมืองระโนดซึ่งอยู่ห่างจากบ้านราว 1 กิโลเมตร น้องขายมานานหลายเดือนแล้ว และได้เงินครั้งละ 100 – 200 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนผักที่นำไปขายซึ่งจะขายถุงละ10 บาทเท่านั้น และขายหมดเกลี้ยงทุกครั้ง เพราะชาวบ้านจะช่วยกันซื้อ และบางครั้งก็ให้เงินมากกว่าราคาผักที่ขายด้วยซ้ำเพราะความสงสารในความขยันความกตัญญู
ชีวิตของน้องนั้นน่าสงสารมาก เพราะพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่อายุได้ 8 เดือน และอยู่กับคุณย่าและคุณทวดมาตั้งแต่เกิด เคยเห็นหน้าแม่แค่ครั้งเดียวเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมาเยี่ยมที่บ้านและให้เงินไว้ 1,000 บาท ส่วนพ่อก็หนีไปอยู่ที่อื่นเพราะมีปัญหาด้านคดีความ ส่วนสาเหตุที่ต้องไว้ผมจุกนั้นเป็นเพราะ ตอนเล็ก ๆ น้องไม่สบายบ่อยมากเพราะเกิดมาตัวเล็กกว่าเด็กปกติ ตนจึงบนบานสานกล่าวเอาไว้ว่า หากหายป่วยก็จะไว้ผมจุกจากนั้นมาก็เป็นเด็กผมจุกมาตลอดจนเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และจะโกนจุกออกตอนที่บวชเรียน คุณย่าเล่าเพิ่มเติม
น้องต๋องกล่าวว่า ตนเองไม่รู้สึกเหนื่อยที่ต้องปั่นจักรยานสามล้อไปขายผักเลย เพราะต้องการช่วยย่าและทวดและหาเงินไปโรงเรียนโตขึ้นยังไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรแต่ก็จะตั้งใจเรียน
ในขณะที่เพื่อนบ้านกล่าวว่า ชีวิตของต๋องน่าสงสารมาก เพราะแทบไม่ได้วิ่งเล่นเหมือนกับเด็กทั่ว ๆ ไป เพราะต้องช่วยเหลือครอบครัว แต่ละวันทั้งก่อนและหลังไปโรงเรียนก็ปั่นจักรยานสามล้อไปขายผักเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว หากใครที่พอจะช่วยได้ก็จะยื่นมือมาช่วยเพื่อให้ต๋องมีอนาคตที่ดีขึ้น
และจากการสอบถามบรรดาพ่อค้าแม่ค้า และชาวบ้านในตลาดระโนดก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เด็กคนนี้เป็นเด็กดีมาก สู้ชีวิต กตัญญู มีความรับผิดชอบเกินเด็กวัย 8 ขวบ และเป็นที่รักของชาวบ้าน แม้จะไม่มีพ่อแม่คอยดูแลแต่ก็ไม่เคยท้อในโชคชะตา ไม่เกเร ถึงเวลาไปโรงเรียนก็ไปเรียน ถึงเวลาว่างก็นำผักมาขาย เป็นแบบนี้มาหลายเดือน
อ่านต่อ 5 เทคนิคสอนลูกให้มีความกตัญญู
เครดิต: TNews