10 ข้อดีของการ ให้ลูกเลี้ยงสัตว์ ส่งผลทั้งร่างกายและจิตใจ - Page 2 of 2 - Amarin Baby & Kids
ให้ลูกเลี้ยงสัตว์

10 ข้อดีของการ ให้ลูกเลี้ยงสัตว์ ส่งผลทั้งร่างกายและจิตใจ

event
ให้ลูกเลี้ยงสัตว์
ให้ลูกเลี้ยงสัตว์

♥ 10 ข้อดีของการให้ลูกมีสัตว์เลี้ยง
ให้ลูกเลี้ยงสัตว์ เป็นของตัวเอง

การ ให้ลูกเลี้ยงสัตว์ มีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง มีข้อดีอย่างไร สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงเป็นเพื่อนลูกๆในบ้าน ควรจะเลี้ยงกับเด็กๆดีหรือไม่ เรามีคำแนะนำดีๆ ถึงประโยชน์ของการให้ลูกเลี้ยงสัตว์ มาฝากค่ะ

1. การเลี้ยงสัตว์จะทำให้เด็กรู้จักคุณค่าของสิ่งมีชีวิต ยิ่งถูกเลี้ยงมาด้วยกันตั้งแต่ยังเด็กทั้งลูกและสัตว์เลี้ยง ทั้งสองจะผูกพันกัน และลูกจะมองเห็นสัตวืเลี้ยงเป็นพี่ เป็นน้อง เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว ไม่ครัวทิ้งกันในยามยาก หากสัตวืเลี้ยงเจ็บป่วยก้ต้องพาไปดูแลรักษาให้ดีที่สุด

Must read >> 10 ทักษะสอนลูกให้เป็นคนดี มีศีลธรรม!

2. รู้จักคำว่ารัก ถ้าเด็กไม่มีโอกาสได้เลี้ยงสัตว์หรืออยู่กับสัตว์ เด็กจะไม่รู้จักความเมตตาเลย กลายเป็นเกลียดสัตว์ และการที่เด็กได้ฝึกการแสดงออกถึงความเมตตากับสัตว์ จะทำให้เด็กพัฒนาตนเองโดยไม่รู้ตัว เป็นคนที่มีศีลธรรมและจริยธรรมเมื่อเขาโตขึ้น

3. ช่วยฝึกจิตใจให้เด็กเป็นคนมีเมตตา รู้จักเห็นอกเห็นใจ จะเอาแต่ใจตัวเองเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ ต้องคิดถึงสัตว์เลี้ยงด้วย เมื่อเห็นสัตว์ที่ตัวเองเลี้ยงบาดเจ็บก็ช่วยเหลือ เมื่อเรียนรู้ที่จะช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงแล้ว อีกหน่อยก็สามารถช่วยคนอื่นได้ ซึ่งจะติดเป็นนิสัยไปจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่

Must read >> วิธีเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กมีน้ำใจ รู้จักให้ และเสียสละ

4. รู้จักการให้การแบ่งปัน เพราะเมื่อเด็ก ๆ มีสัตว์เลี้ยง เขาจะแบ่งอาหาร หรือขนมของเขาให้แก่สัตว์เลี้ยง ทำให้เด็ก ๆ ไม่เป็นคนหวงของ ไม่รู้จักแบ่งปัน เมื่ออยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นเขาจะรู้จักการแบ่งปันนั่นเอง

5. สัตว์เลี้ยงทำให้เด็กใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ มีการศึกษาพบว่า เด็กที่มีสัตว์เลี้ยงใช้แรงออกกำลังกายมากกว่า เด็กที่ไม่มีสัตว์เลี้ยงถึง 11 นาที ต่อวัน เพราะเหล่าสัตว์เลี้ยงชอบวิ่งเล่น ทำให้เด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมร่วมกันและเป็นการออกกำลังกายไปด้วย ถือว่าเป็นผลดีมาก ๆ ที่เด็ก ๆ ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ค่ะ

6. สัตว์เลี้ยงทำให้เด็กมีความรับผิดชอบมากขึ้น เช่น ในการมอบหมายหน้าที่ในการพาสัตว์เลี้ยงเดินเล่น ให้น้ำ ให้อาหาร หรือแม้กระทั่งการทำความสะอาดกรง เป็นต้น

7. ทำให้เด็กพัฒนาความสามารถในการเข้าสังคม เช่น เมื่อเจอเพื่อนวัยเดียวกันจูงสัตว์เลี้ยงเดินเล่น แล้วเด็กจะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ได้ง่ายมากขึ้น

8. ช่วยให้เด็กรู้จักการแสวงหาความรู้ ต้องให้อาหารแบบไหน ควรเลี้ยงอยู่ในที่ใดเหมาะสมที่สุด เพื่อให้สามารถเลี้ยงสัตว์ของเขาได้อย่างมีคุณภาพ

9. สัตว์เลี้ยงสามารถเพิ่มศักยภาพในการเรียนรู้ให้กับเด็ก ๆ ได้ เพราะเด็ก ๆ อยากรู้อยากเห็นเป็นธรรมชาติเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงของเขาอยู่แล้ว ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ทำให้เด็กเรียนรู้มากขึ้น เด็กบางคนอ่านหนังสือให้สัตว์เลี้ยงฟัง ก็เป็นการพัฒนาศักยภาพในการเรียนรู้ได้ดีอีกด้วย

10. สัตว์เลี้ยงทำให้เด็กมีการพัฒนาทางด้านอารมณ์และความรู้สึกได้ดีมากขึ้น เพราะเด็กจะไม่มีความกังวลในการแสดงออกต่อสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงมักจะแสดงความรักต่อเด็ก ๆ อยู่แล้ว ทำให้เด็ก ๆ กล้าที่จะแสดงความรู้สึกตอบกลับสัตว์เลี้ยงเหล่านั้น จึงทำให้เด็กเป็นคนกล้าคิด กล้าแสดงออก และรู้จักจัดการต่อความรู้สึกของตนเองค่ะ

Must read >> สารพัดความฉลาด 10 ด้าน 10Q คืออะไร ทำไมเด็กต้องมีให้ครบ!

Must read >> มนุษยสัมพันธ์ สร้างได้ ฝึกลูกปรับตัว เข้าใจคนอื่น

 

ให้ลูกเลี้ยงสัตว์

และนี้จึงเป็นเหตุผลดี ๆ ว่าทำไมลูกควรจะมีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้าน หรือ การ ให้ลูกเลี้ยงสัตว์ มีประโยชนือย่างไรบ้าง >> ซึ่งหากลูกวัยคิดส์มาขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงสัตว์ หรือบ้านไหนที่อยากเลี้ยงสัตว์ เพื่ออยากให้ลูกมีจิตใจที่อ่อนโยน เป็นเด็กรักสัตว์ แต่สัตว์ชนิดไหนจะเหมาะกับเด็กๆ มากที่สุด … ทีมแม่ ABK จึงมีคำแนะนำที่น่าสนใจจากผู้เชี่ยวชาญมาฝาก ให้คุณพ่อคุณแม่และลูกๆ ใช้เป็นคู่มือสำหรับไปช่วยกันเลือกสัตว์เลี้ยงกันค่ะ

Must read >> ลูกพร้อมจะมีสัตว์เลี้ยงแล้วหรือยัง

ให้ลูกเลี้ยงสัตว์ สัตว์เลี้ยงอะไรเหมาะกับเด็กๆ

1. ประเภทของสัตว์? สุนัข แมว นก และปลา เป็นสัตว์ที่เด็กๆ สามารถเลี้ยงและดูแลได้ แต่ถ้าเป็นสองชนิดหลัง อย่าง นก และปลา คุณพ่อคุณแม่อาจจะลำบากเรื่องการทำความสะอาดกรงหรืออ่างอยู่บ่อยๆ เพราะลูกยังทำเองไม่ไหว

ทั้งนี้สัตว์ต้องห้ามสำหรับเด็กเล็ก ได้แก่ สัตว์ตระกูลฟันแทะ เช่น หนู หรือกระต่าย เพราะอาจเผลอกัดนิ้วน้อยๆ ของลูกได้หากอุ้มอย่างไม่ระมัดระวัง ส่วนสัตว์เลื้อยคลานก็จะมีเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ท้องเสียได้ง่าย เหมาะกับเด็กโตที่รู้จักดูแลเรื่องสุขอนามัยและรู้วิธีสัมผัสสัตว์เหล่านี้อย่างถูกต้องมากกว่า

2. ช่วงวัยและเพศของสัตว์? ควรเลือกสัตว์ที่เพิ่งพ้นจากช่วงวัยรุ่น (อายุ 1 ปีขึ้นไปสำหรับสุนัขและแมว) ลูกสัตว์ที่อายุน้อยยังไม่อาจแยกแยะระหว่างการเล่นกันแบบหยอกๆ กับการกัด, ข่วน หรือกระโจนเข้าใส่แบบจริงๆ ได้ ในขณะที่สัตว์ชราก็หมดอารมณ์จะเล่นสนุกสนานเสียแล้ว เพศของสัตว์บางประเภทก็อาจเป็นตัวกำหนดลักษณะนิสัยได้ แมวตัวผู้นั้นจะเหมาะกับเด็กๆ มากกว่าแมวตัวเมีย ซึ่งต้องการอิสระและไม่ชอบให้มีมือเล็กๆ มาคอยกวนใจ

3. บุคลิกของสัตว์เลี้ยงควรสัมพันธ์กับบุคลิกของเจ้าของ สุนัขที่กระตือรือร้น เหมาะกับเด็กแอ็คทีฟ ประเภทวิ่งเล่นกันทั้งวันก็ไม่หอบฮั่ก แต่ถ้าเป็นคุณหนูผู้ชอบอยู่นิ่งๆ อาจพิสมัยการลูบขนปรนนิบัติเจ้าแมวเหมียว หรือนั่งจ้องดูปลาทองในตู้มากกว่า ดังนั้นจึงควรหันมาดูว่าที่เจ้าของตัวน้อยให้ดีก่อนเลือกสัตว์เลี้ยง

4. ความพร้อมของครอบครัว นอกจากดูที่บุคลิกของสัตว์แล้ว ข้อจำกัดของครอบครัวคนเลี้ยงก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ถ้าบ้านมีบริเวณ มีคนคอยดูแลให้อาหารและเล่นกับสัตว์เลี้ยงอยู่ทุกวัน สุนัขเป็นตัวเลือกที่เหมาะ (แถมยังเฝ้าบ้านได้ด้วย) แต่ถ้ามีพื้นที่น้อย แถมคนในบ้านก็ยุ่งๆ วิ่งวุ่นไม่เป็นเวลา เลือกเลี้ยงแมวเหมียวที่ถืออิสระ ไม่ค่อยมาเกาะแกะเจ้าของ หรือปลาทองที่มีชีวิตอยู่ในโลกของมันได้เองจะดีกว่า >> และข้อสำคัญที่สุด เลือกสัตว์เลี้ยงที่แม่เองก็อยากเลี้ยงด้วย (ก็ใครล่ะที่ต้องเป็นคนให้อาหาร ทำความสะอาดกรง และเก็บอึของมัน?? ถ้าไม่ใช่คุณ)

อย่างไรก็ตาม การ ให้ลูกเลี้ยงสัตว์ ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีดังที่กล่าวไปข้างต้น ลูกเกิดการพัฒนาความมีศีลธรรมและจริยธรรม อีกทั้งคุณพ่อคุณแม่ยังได้เห็นลูกเล่นกับสัตว์เลี้ยงอย่างมีความสุข และทำให้ตัวเองพลอยสุขใจไปด้วย แต่สิ่งที่ไม่ควรละเลยเป็นอย่างยิ่งก็คือ “ความปลอดภัย” พ่อแม่ต้องไม่ประมาท ต่อให้ลูกและสัตว์เลี้ยงเข้ากันได้ดีแค่ไหน ก็ควรอยู่ในสายตาพ่อแม่ตลอดด้วยนะคะ

 

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก : 


ขอบคุณข้อมูลจาก : pet.kapook.commettaanimal.com

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up