นอกจาก 5 วิธีรักษาผิวแตกลายหลังคลอด แบบธรรมชาติที่กล่าวไปแล้ว ก็ยังมีทางเลือกอื่นๆสำหรับคุณแม่ๆอีกมากมายเลยค่ะ อย่างแรกเลยกับวิธีใกล้ตัวมากๆคือ
- เริ่มจากการดูแลตัวเอง ควรหันมาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายนอกจากจะช่วยทำให้รูปร่างของเราดูดี และผิวมีความยืดหยุ่นแล้ว ยังช่วยทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเกิดความสมดุล ช่วยลดการเกิดปัญหาผิวแตกลายได้อีกด้วย รวมถึงรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีส่วนผสมของวิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินดี, โปรตีน เป็นต้น และพยายามควบคุมอาหารไม่ตามใจปาก, ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว, หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มจำพวกชาและกาแฟ, ส่วนการอาบน้ำอุ่น และเกาผิวแรงๆ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวแห้งและแตกลายเช่นกัน, ดูแลตัวเองไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หรือลดลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งคุณแม่ที่รู้ตัวว่ากำลังตั้งครรภ์ ก็ควรดูแลตัวเองไว้แต่เนิ่นๆ ก็จะช่วย รักษาผิวแตกลายหลังคลอด ได้เช่นกัน
- ทาครีมบำรุงผิวอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ หลายๆคนมักจะนึกถึงวิธีนี้ ซึ่งคุณแม่ควรเน้นทาครีมบำรุงที่มีความเข้มข้นสูงทาบริเวณที่ผิวแตกลายอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ทั้งเช้าและก่อนนอน หรือทุกครั้งหลังอาบน้ำ ซึ่งทุกครั้งที่ทาครีม ก็ควรนวดผิวแบบย้อนรอยขึ้นไปด้วย รับรองว่าปัญหาผิวแตกลายดีขึ้นแน่นอนค่ะ
- ครีมลดรอยแตกลายโดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์สำหรับลดรอยแตกของผิวหนังโดยเฉพาะก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณแม่ๆสนใจ แต่วิธีนี้ไม่ได้ทำให้รอยแตกลายหายไปได้อย่างถาวร แต่มันก็สามารถช่วยทำให้รอยแตกลายดูจางลงได้บ้าง ซึ่งในการเลือกผลิตภัณฑ์นั้น คุณแม่ๆ ควรถามเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อน ว่าเหมาะกับปัญหาผิวแตกลายของเราหรือไม่ หรืออาจจะปรึกษาแพทย์ผิวหนังก็ได้เช่นกัน ซึ่งยาที่แพทย์จะจ่ายมานั้น ส่วนใหญ่มักจะมีส่วนผสมของวิตามินเอ ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและความยืดหยุ่นในผิว
- ยาทาแก้ผิวแตกลาย วิธีนี้ต้องบอกก่อนว่า คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ ห้ามใช้ยาตัวนี้เด็ดขาด ย้ำนะคะห้ามเด็ดขาด แต่สำหรับคุณแม่หลังคลอดทั่วไป แนะนำให้ใช้คือ เรตินเอ ซึ่งเป็นยาทาในกลุ่มอนุพันธ์กรดวิตามินเอ ให้เลือกใช้ความเข้มข้น 0.025 % หรือ 0.05 % เพราะหากเข้มข้นมากกว่านี้ จะมีอาการแสบผิวได้ โดยหลังจากอาบน้ำเสร็จให้สครับผิวก่อน แล้วเช็ดตัวให้แห้งสนิทประมาณ 10 นาที แม้ว่าในช่วงแรกอาจจะทำให้เกิดรอยแดงเป็นวง เป็นรอยดำไหม้ หรือถลอกบ้าง แต่ประมาณ 1 เดือนจะเห็นผลค่ะ
- รักษาด้วยวิธีทรีตเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นการกรอผิวด้วยเกล็ดอัญมณี เป็นการกำจัดเซลล์ชั้นบนออกไป เพื่อช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น หรือทำการผลัดเซลล์ด้วยกรดผลไม้ เพื่อช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป นอกจากนี้ยังมีการรักษาโดยใช้คลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย
- เมโสรักษารอยแตกลาย วิธีนี้ เป็นวิธีการใช้เข็มในการส่งตัวยาที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสมานรอยแตกลายของผิว ดังนั้นรอยแตกลายจึงลดจางลง แต่สำหรับวิธีนี้ขอย้ำว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่คุณแม่กำลังตั้งครรภ์ไม่ควรทำนะคะ
- รักษาโดย เดอร์มาโรลเลอร์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการแพทย์ที่ถูกนำมาใช้ โดยการกลิ้งบริเวณผิวที่แตกลาย เพื่อช่วยทำลายพังผืดที่หลุมบนผิวหรือรอยที่เป็นปัญหา ซึ่งวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนังได้ด้วย ดังนั้นจึงสามารถช่วยรักษาแตกลายได้ อีกทั้งยังไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ ส่วนมากนิยมนำมาใช้ควบคู่ไปกับเซรั่มบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิว แต่ต้องทำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 2 สัปดาห์ ติดต่อกันประมาณ 5-6 ครั้ง ถึงจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงนะคะแม่ๆ
- รักษาผิวแตกลายด้วยการเลเซอร์ สาวๆหรือคุณแม่ๆที่ใจร้อนคงจะเลือกวิธีนี้ใช่ไหมคะ เพราะวิธีนี้ถือว่าค่อนข้างรวดเร็ว ซึ่งจะมีทั้งเลเซอร์แบบช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยปรับสีผิวบริเวณแตกลายให้ใกล้เคียงกับสีผิวปกติ ช่วยสร้างผิวใหม่ และอีกแบบคือ เลเซอร์แบบรักษารอยแดงหรือรักษาความผิดปกติของเส้นเลือด แต่การทำครั้งเดียวจะไม่เห็นผลอย่างชัดเจน ต้องทำอย่างต่อเนื่องประมาณ 3-5 ครั้ง และจากการศึกษาพบว่า การรักษาด้วยวิธีนี้จะได้ผลประมาณ 40-60% แต่ราคาก็อาจจะสูงนิดนึงนะคะแม่ๆ
- การทำไอพีแอล วิธีนี้เป็นเทคนิคการใช้แสงความเข้มสูง นำมายิงบริเวณผิวแตกลาย อาจจะรู้สึกเจ็บขณะทำ ซึ่งวิธีนี้จะได้ผลดีกับรอยแตกในระยะแรกที่มีสีแดง หากเป็นรอยแตกในระยะหลังๆ ที่เริ่มมีรอยแตกสีขาวซีด มักจะไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร และต้องทำอย่างน้อย 5 ครั้ง
- การฉีดคาร์บ็อกซี่ เดิมทีใช้สำหรับผู้ที่ต้องการสลายไขมัน ซึ่งวิธีนี้เป็นการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในบริเวณที่ผิวแตกลาย เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่ผิวบริเวณนั้นๆ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวทำให้ผิวกระชับขึ้น จึงช่วยสลายเซลล์ไขมันส่วนเกินได้ แต่วิธีนี้ก็ยังสามารถนำมาใช้รักษาผิวแตกลายได้ด้วยเช่นกัน โดยอาศัยเทคนิคการฉีดก๊าซที่แตกต่างกัน ซึ่งจะเป็นการฉีดตื้นๆ เข้าไปเพียงชั้นหนังแท้ตามแนวร่องแตกลายผิวหนัง ไม่ฉีดลึกเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวเหมือนการฉีดสลายไขมัน แต่การรักษาด้วยวิธีนี้จะต้องทำอย่างน้อย 3-5 ครั้ง ติดต่อกันทุกๆ สัปดาห์ ซึ่งวิธีนี้จะใช้ได้ผลประมาณ 30-60% หรืออาจจะไม่ได้ผลเลยก็ได้
*** แม้ว่าจะมีหลากหลายวิธีที่นำมาเสนอให้คุณแม่ๆเลือกใช้ แต่ก็อย่าลืมนึกถึงความปลอดภัยเป็นหลักสำคัญด้วยนะคะ เพราะฉะนั้น ก่อนจะเลือกใช้วิธีใดๆ ควรทำการศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียดที่สุด รวมถึงปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยค่ะ จะได้สวยอย่างมั่นใจ และไม่เป็นอันตรายกับร่างกายด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก www. medthai.com
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ
ผ่าคลอด ภาวะแทรกซ้อน เรื่องที่แม่ท้องต้องรู้!
รีวิว “ครีมทาท้องลาย” เพื่อผิวสวยสุขภาพดีของคุณแม่ ยี่ห้อไหนคุ้มค่าน่าใช้!!
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ในสตรีมีครรภ์ เรื่องที่คุณแม่ท้อง ต้องระวัง
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่