คำคมแม่เลี้ยงเดี่ยว ข้อคิดเสริมใจ มาร่วมส่งแรงใจ ให้ single mom ทุกคนเข้มแข็ง พร้อมลุกขึ้นสู้กับชีวิต เพื่อลูก! แม้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่เชื่อเถอะคุณทำได้
30 คำคมแม่เลี้ยงเดี่ยว สุดสตรอง พร้อมลุกขึ้นสู้ใหม่เพื่อลูก!!
การเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คงไม่มีใครคาดคิดมาล่วงหน้า คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมือใหม่ อาจจะยังทำใจกับความเจ็บปวดยังไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องที่ผิดที่เราจะรู้สึกแย่ ในช่วงเวลาแรก ๆ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมากมายที่ใจสตรองแล้ว คงสามารถเห็นได้ว่า ความสุขนั้นไม่ได้อยู่ไกลตัวเลย การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมิได้แย่อย่างที่คิด ดังนั้น หากคุณแม่กำลังดำดิ่งกับความรู้สึกแย่ ขออย่ารู้สึกแย่นานเกินไป รีบทำใจ และหันมามองลูกน้อย ที่กำลังจ้องมองคุณด้วยดวงตาใสแป๋ว พร้อมความเป็นห่วงในแบบเด็ก ๆ เผื่อคุณจะพอเรียกสติกลับคืนมาได้
แต่หากคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวท่านใดยังต้องการพลังใจอีก เราลองมาอ่าน คำคมแม่เลี้ยงเดี่ยว เพื่อเพิ่ม เสริม สร้าง ความรู้สึกดี ๆ และกำลังใจจากพลังความคิดแง่บวกกันดูสักทีจะดีไหม
30 คำคมแม่เลี้ยงเดี่ยว ได้ข้อคิดปรับความคิดให้สตรอง!!
- หากเหตุผลดี ๆ ไม่ช่วยรั้งใคร จงเปลี่ยนใหม่ เลือกทำตาม “ความรู้สึกของตนเอง”
- จุดจบของความรัก อาจเป็น จุดเริ่มต้น ของอะไรที่ดีกว่าเก่า
- หนึ่งในความภูมิใจของแม่ คือ เอาชนะคำดูถูกของคนอื่น ด้วยการเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จในชีวิต
- คนรักแย่ ๆ ก็เหมือนกระดาษทราย ที่ขัดเกลาให้เราสวยขึ้น ในขณะที่เขากลายเป็นกระดาษที่ยับเยิน และไม่มีค่าอีกต่อไป
- ยิ้มที่มอบความสุข และเยียวยาจิตใจแม่ได้ดีที่สุด คือยิ้มของลูก
- อย่าเสียดาย คนห่วย ๆ ที่เดินจากไป แต่จงเสียดายวันเวลาที่มีค่า ที่เราสูญเสียไป
- จงอย่ากลัวกับความเปลี่ยนแปลง เพราะทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนไป ไม่เว้นแม้แต่ใจคน
- แม่ทำทุกอย่าง เพราะอยากเห็นลูกมีความสุข แล้วเราจะมานั่งทุกข์เพราะคนอื่นทำไม
- ชีวิตไม่ได้แย่ แค่บางครั้งมันถึง “จุดเปลี่ยน” ให้เจอชีวิตใหม่ที่ดีกว่า
- สิ่งที่ได้เรียนรู้จากวันนี้ คือ เราสามารถยิ้ม และมีความสุขได้ทุกวัน โดยไม่ต้องพยายามรั้งบางสิ่งที่เคยคิดว่า “จำเป็นต้องมี”
- ครอบครัวอบอุ่นไม่ได้วัดกันที่จำนวนคน แต่วัดกันที่ความเข้าใจ
- คืนที่ท้องฟ้ามืดมิด เราจะมองเห็นดาวได้ชัดที่สุด เช่นเดียวกับวันใดที่ทุกข์ที่สุด จะเห็นว่าใครรักเราที่สุด
- แม่อาจจะกอดตัวลูกได้แค่ไม่กี่ปี แต่สัญญาว่าจะกอดหัวใจบริสุทธิ์ดวงนี้ไว้ตลอดกาล
- วันใดที่รู้สึกแย่ ยังมีคนที่ไม่ทิ้งเราแน่ ๆ คือ พ่อแม่เรา
- ภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงที่สุดของลูก คือ ความรักจากแม่
- เหน็ดเหนื่อยท้อแท้กับงาน ให้คิดไว้เสมว่า กลับบ้าน ยังมีลูกรักรออยู่
- รักเดียวที่ฉันเชื่อ คือ รักของแม่ที่มีต่อลูก
- งานหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ลูกเป็นเด็กให้แม่กอดได้ไม่นาน จงให้เวลากับลูกรัก เพื่อรักษาความสุขให้อยู่กับคุณและลูกทั้งชีวิต
- การอโหสิกรรม ไม่ได้อยากทำให้คนที่ทำเราเจ็บปวดรู้สึกดี แต่ทำเพื่อให้โอกาสตัวเราเอง ได้มีความสุขกับชีวิตที่เหลืออยู่
- ไม่มีใครทำให้เราแย่ได้เท่ากับใจเราเอง
- จงอย่าเสียเวลาแม้เสี้ยววินาที ไปกับคนที่ไม่เห็นค่าของเรา
- จงอย่าทำให้ตัวเองถูกกระทำเหมือนของไม่มีค่า กับคนที่เราเคยให้คุณค่ามาตลอดทั้งชีวิต
- ไม่เสียใจเลยที่มีเขาออกมา มันเป็นสิ่งเดียวบนโลกใบนี้ที่ทำให้เรารู้สึกว่า เรามีค่า
- สิ่งที่แย่ที่สุด มันไม่ได้แย่ที่สุด เพราะคุณจะพบสิ่งที่ดีที่สุดในวันต่อ ๆ ไป
- ผู้หญิงมักจะมีความเข้มแข็งในตัวเอง โดยที่เราไม่คิดว่าจะเข้มแข็งได้มากขนาดนี้
- เลี้ยงเดี่ยวไม่เห็นต้องอาย เพราะที่ต้องอายคือควายที่ทิ้งไปมากกว่า
- ชีวิตก็เหมือน “ล็อตเตอรี่” ต่อให้เลือกซะดิบดี ก็ใช่ว่าที่มีมันจะถูกเสมอไป!!
- ไม่มีเงินเรียก “หมดตัว” ไม่มีผัว (เลว) เรียก “หมดเวรหมดกรรม”
- กำลังใจที่ดีที่สุด คือการให้กำลังใจตัวเอง และก้าวต่อไปด้วยรอยยิ้มของลูก
- ให้กำลังใจคนอื่นมามากมาย แต่อย่าลืมให้กำลังใจตัวเอง ลุกขึ้น แต่งหน้า ปาดน้ำตาแล้วไป!!
เคล็ดลับช่วยให้ ก้าวข้ามผ่านความผิดหวัง สร้างพลังให้ตนเอง!!
พักใจก่อน
พักใจ หยุดคิดในแง่ลบ หรือคิดเรื่องที่ทำร้ายตนเอง เช่น เราไม่ดีพอเขาเลยทิ้งเราไป ทำไมเราทำตัวไม่ได้เรื่อง เป็นต้น เพราะเรื่องเหล่านี้นอกจากจะบั่นทอนกำลังใจเราแล้ว ยังไม่ก่ให้เกิดผลดีอีกด้วย เลิกโทษตัวเอง หรือว่าตัวเองก่อน บ่อยครั้งที่เราผิดหวัง หรือทำอะไรพลาด ธรรมชาติของมนุษย์ชอบหาเหตุผลว่า “ทำไม”
เวลาที่คน ๆ หนึ่งถูกบอกเลิกจากอีกคนหนึ่ง ฝ่ายที่อยากบอกเลิกมักจะคอยหาเหตุผลต่าง ๆ นานา เพื่อมาบอกเลิก เพราะจิตใต้สำนึกรู้สึกว่าตัวเองทำผิด จึงพยายามหาเหตุผลมาสนับสนุนเพื่อลบล้างความผิดของตนให้เบาลง บ่อยครั้งเหตุผลเหล่านั้นคือการโทษอีกฝ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ็บปวดพอสมควร เพราะนอกจากฝ่ายที่ถูกบอกเลิกจะเสียใจที่คนรักทิ้งไปแล้ว ยังรู้สึกอีกว่า “ฉันไม่ดีพอ เขาถึงทิ้งฉันไป” อีกด้วย ความรู้สึกของคนถูกทิ้งบางทีเจ็บไม่นาน แต่ความรู้สึกว่า”ฉันไม่ดี” อันนี้เจ็บนานกว่า
เรามาฝึกให้มีภูมิคุ้มกันทางจิตใจให้ดีพอกันดีกว่า เพื่อที่จะก้าวข้าวผ่านมันไปได้ บ่อยครั้งที่อีกฝ่ายพูดกับเราแค่ครั้งเดียว แต่ที่เหลือเป็นความคิดเราเองที่คิดซ้ำ ๆ เรื่องเดิม ๆ เท่ากับว่าคนที่ทำร้ายตัวเราเองไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นความคิดของเราเอง จงหยุดคิดที่โทษตัวเองก่อน พักใจก่อน ดึงสติกลับมา หยุดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้ เพราะคนที่คิดมาก และเครียดมักชอบหมกมุ่นกับความคิดในอดีต และอนาคตมากกว่าปัจจุบัน
ตั้งสติ ดึงเหตุผลมาใช้มากกว่าอารมณ์
นำความผิดพลาดมาไตร่ตรองดูว่า เราจะพัฒนาตัวเราเองได้อย่างไรบ้างจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ไม่ใช่หาความไม่ดีเพื่อโทษตัวเอง แต่เป็นการพัฒนาปรับปรุงเพื่อให้เราจะได้กลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเราคนเมื่อวาน ตัวอย่างเช่น โทมัส อัลวา เอดิสัน ผู้ซึ่งพัฒนาหลอดไฟให้เราได้ใช้กันในปัจจุบัน เขาถูกคนเรียกว่าเป็นเด็กหัวขี้เลื่อยจนต้องออกจากโรงเรียน และยังโดนทำร้ายร่างกายจนหูหนวก โดนไล่ออกจากงาน กว่าเขาจะประสบความสำเร็จ และสร้างสิ่งประดิษฐ์กว่าพันชิ้น เขาต้องผ่านปัญหาและอุปสรรคมาอย่างโชกโชน แต่เขาก็ไม่ย่อท้อยังคงสู้ต่อและทิ้งสิ่งดีดีไว้ให้คนรุ่นหลังต่อไป
อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
ข้อนี้สำคัญมาก เพราะจะทำให้เราหมดกำลังใจ แถมยังเป็นการทำร้ายตัวเอง เพราะเรามักคิดว่าทำไมต้องเป็นเราที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเพื่อน หรือคนที่คุณนำมาเปรียบนั้น อาจจะมีปัญหาที่เขาต้องแก้ไข และเผชิญอยู่เช่นกัน แต่เขาไม่กลัวกับปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ที่เข้ามา เพียงแต่เขาอาจจะรู้ว่าต้องแก้ไขอย่างไรทำให้ไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหา สิ่งที่เราเจอไม่ใช่ “ความโชคร้าย” แต่เป็น “วัคซีน” ที่คอยกระตุ้นเราให้มีภูมิคุ้มกันต่อปัญหาที่จะเข้ามาอีกเรื่อย ๆ เรียกว่า โชคดีที่โชคร้ายนั่นเอง
บางทีหากคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลองมองดู ก็จะพบว่าความที่เราเลี้ยงลูกมาคนเดียวนั้น สิ่งที่เราได้มากกว่านั่นคือ ความรัก ความภูมิใจ และอ้อมกอดของลูกที่มีให้เราเพียงคนเดียว
หาสิ่งที่ทำให้คิดแง่บวกเข้าไว้
เพราะความคิดในแง่ลบนอกจากจะบั่นทอนจิตใจแล้ว ยังไม่ทำให้อะไรดีขึ้นอีกด้วย ตรงกันข้ามกับความคิดในแง่บวก หากจิตใจเราดีแล้ว กายเราก็จะดีตามไปด้วย การหาสิ่งที่ทำให้คิดบวก การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้เราสุขใจ คิดบวก ก็เป็นสิ่งจำเป็น เช่น การได้อ่านข้อคิดดี ๆ คำคมแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่โดน ๆ ก็ช่วยให้เรามองเห็นแง่คิดในหลาย ๆ มุม และสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตของตัวเราเองได้
เรียนรู้จากบุคคลอื่น จากประสบการณ์ของเขาที่ผ่านมา
หากคุณแม่ยังคงไม่มีกำลังใจ ไม่มีแรงที่จะยอมรับความเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ให้เราเรียนรู้จากบุคคลอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือบุคคลใกล้ ๆ ตัวก็ได้ ว่าเขาเรียนรู้ที่จะผ่านปัญหาไปได้อย่างไร โดยคุณแม่อาจลองเข้ากลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีการรวมตัวกัน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ให้กำลังใจกัน หรือช่วยแบ่งเบากันและกันภายในกลุ่ม ซึ่งปัจจุบันมีการรวมตัวกันในโลกออนไลน์หลายกลุ่ม การได้กำลังใจจากคนรอบข้างก็สำคัญทั้งคนที่เรารู้จัก และไม่รู้จัก
การเลี้ยงลูกโดยปกติก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว ยิ่งต้องมาเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว ยิ่งยากมากขึ้นไปอีก
หมอมีเคสที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวพาลูกๆ มาปรึกษาในวันที่ตั้งใจดูแลลูกเต็มที่ พยายามทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อแม่ให้ลูก ความเครียดและเหนื่อยที่มากขึ้น อาจเป็นสองเท่าหรือมากกว่า ชวนให้รู้สึกท้อแท้ใจได้บ่อยๆ.อย่าลืมว่าก่อนที่จะไปดูแลใคร สำคัญที่สุดเราต้องดูแลตัวเองให้โอเคก่อนแม่เลี้ยงเดี่ยวก็เหนื่อยได้ ท้อแท้ได้ และพักได้ ต้องหาตัวช่วยบ้างในเวลาที่จำเป็นแน่นอนแม่เลี้ยงเดี่ยวทุกคนเป็นมนุษย์ธรรมดา การทำผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ ทำความเข้าใจ ยอมรับ แล้วให้ความผิดพลาดนั้นเป็นประสบการณ์ชื่นชม และ ให้อภัยตัวเองได้อย่างเหมาะสม.ในการที่เป็นแม่(หรือพ่อ)เลี้ยงเดี่ยว แม้เสียบางสิ่งไปก็มีบางอย่างที่ได้มานั่นก็คือ ความภูมิใจ ความรัก และอ้อมกอดของลูก คืนกลับมาร้อยเท่าพันทวี
ขอเป็นกำลังใจให้พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวทุกคนค่ะที่มา : ข้อความบางส่วนจากเพจ เข็นเด็กขึ้นภูเขา #ผ่านไปอย่างไรในวันที่เลี้ยงลูกคนเดียว
ข้อมูลอ้างอิงจาก investwallet.money/today.line.me/www.rama.mahidol.ac.th
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่