เผยสไตล์การเลี้ยงลูกแบบง่ายๆ ของ เกรซ มหาดํารงค์กุล - Amarin Baby & Kids
เกรซ มหาดํารงค์กุล

เกรซ มหาดํารงค์กุล กับสไตล์การเลี้ยงลูกแบบง่ายๆ เน้นเรื่องมารยาท

event
เกรซ มหาดํารงค์กุล
เกรซ มหาดํารงค์กุล

เกรซ มหาดํารงค์กุล เซเลบริตี้คุณแม่ลูกสอง ผู้มีความสามารถเกินตัว แถมความสวยที่ไม่เป็นสองรองใคร เผยวิธีการเลี้ยงลูกแบบง่ายๆ แต่เน้น “มารยาท” เรื่องที่เด็กยุคนี้ต้องมี!

เผยสไตล์การเลี้ยงลูกแบบง่ายๆ
ของ คุณแม่สายลุย
“เกรซ มหาดํารงค์กุล”

เกรซ มหาดํารงค์กุล คุณแม่ลูกสอง สาวสวยทรงเสน่ห์ ซึ่งเคยได้รับบทเป็น พระสุพรรณกัลยา ในภาพยนตร์เรื่องสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และยังเป็นผู้หญิงต้นแบบ เป็นไอดอลในใจใครหลายๆ คน เป็นเวิร์กกิ้งวูแมน ที่มีความสามารถทางการงานที่แน่นมากๆ

เกรซ มหาดํารงค์กุล
ขอบคุณภาพจาก sanook.com

 

โดยคุณ เกรซ มหาดํารงค์กุล ได้แต่งงานกับ คุณโน้ต จงเจต วัชรานันท์ ไปเมื่อปี พ.ศ. 2555 หลังพบรักกันที่กองถ่ายภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ซึ่งหลังจากที่คุณเกรซและคุณโน้ตแต่งงานกัน ก็ใช้เวลาเกือบ 3 ปี กว่าจะมีลูก โดยมีลูกสาวคนแรก คือ น้องจาติม ปัจจุบันอายุ 5 ขวบ อยู่ในวัยที่กำลังน่ารักสดใส และถัดมาอีก 4 ปี ก็มีลูกชายตัวน้อยอีกหนึ่งคน คือ น้องจินต ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในวัยกำลังซนชอบเรียนรู้ ก็ถือได้ว่าเป็นคุณแม่สายตรองที่ยังสวยและเก่งด้วย เพราะถึงแม้จะแต่งงานช้าและมีลูกช้า แต่คุณเกรซก็ยังสามารถเลี้ยงลูกไปพร้อมกับทำงานได้อย่างไม่แพ้ใคร และด้วยความเก่ง สวย มีเสน่ห์น่าสนใจของคุณแม่เกรซ ทางทีมแม่ ABK จึงได้แอบไปสัมภาษณ์ล้วงเอาเทคนิคการเลี้ยงลูกดีๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ

เกรซ มหาดํารงค์กุล
ขอบคุณภาพจาก : IG @gracemahadumrongkul

พัฒนาการของน้องจินตเป็นยังไงบ้าง : น้องจินตตอนนี้อายุ 1 ขวบ 8 เดือน พัฒนาการก็ตามวัยตามเกณฑ์ปกติทั่วไป แต่เด็กผู้ชายจะพูดช้ากว่าผู้หญิง เพราะตอนจาติมขวบนึงก็เริ่มเป็นคำออกมาแล้ว ส่วนน้องจินตพูดเป็นคำเหมือนกันแต่ว่ายังได้ไม่เยอะ แต่เค้าฟังรู้เรื่องทุกอย่าง แล้วเค้าก็จะเป็นเด็กร่าเริง ชอบเที่ยว ชอบออกนอกบ้านมาก แล้วก็จะชอบใส่รองเท้าพี่ พี่เค้าจะมีรองเท้าบูทคู่หนึ่งสีชมพูวางไว้ เค้าก็จะใส่เพราะรู้สึกว่าใส่แล้วมันสนุกมันสวมเข้าไปเลยแล้วมันก็สูง พอใส่แล้วเค้าก็จะทำหน้าทำตายิ้มมีความสุข

และที่บ้านก็เลี้ยงสุนัขตัวหนึ่งเป็นพันธุ์ลาบาดอร์ชื่อชาลี เค้าก็จะเล่นกับชาลีทุกวัน เค้าจะตัวเท่ากันแต่เค้าก็ไม่กลัวชาลี ก็ไปหาของกินมาให้ เค้าก็จะเรียกชื่อได้เรียกมาเอาของกินแล้วก็เดินตามกัน

นอกจากนี้แม่เกรซยังบอกอีกว่า : แต่น้องจินตเค้าจะชอบมีพัฒนาการแปลกๆ ด้วย เช่น ตอนที่เค้าคลานได้ปุ๊บ เค้าก็เดินเลย เค้าไม่มีฝึกตั้งไข่ก่อน หรือตอนที่น้องจินตกินนมแม่ ซึ่งปกติเด็กทั่วไปกินนมแม่เค้าก็ต้องใช้จุกนมหรือกินนมขวด แต่น้องจินตเค้าจากนมแม่เสร็จก็กินหลอดได้เลย

เกรซ มหาดํารงค์กุล
ขอบคุณภาพจาก : IG @gracemahadumrongkul

น้องจาติมกับน้องจินต ใครเหมือนพ่อหรือแม่ มากกว่ากัน : น้องจินตจะเหมือนพ่อ ส่วนจาติมเหมือนเกรซ จาติมจะออกลุยๆ หน่อย คือเค้าจะไม่ใช่เป็นเด็กพูดเยอะแล้วใจเค้ากล้าไม่ใช่เด็กผู้หญิงมุ้งมิ้ง เค้าจะเป็นเด็กแบบใจกล้า เช่น พาเค้าไปปีนเขาแบบ Block Climbing เค้าก็จะไปกับพี่ๆ ที่อายุ 11 12 ขวบ เค้าไปแล้วเค้าปีนถึงยอดเลยค่ะ คือมันจะมียอดให้แตะ ถ้ามองลงมาจะหน้ากลัว เพราะว่าตอนลงมันต้องรูดตัวลงมา เค้าก็ทำได้ ซึ่งตอนแรกที่ไปกับพี่ๆ คนที่นั่นเค้าก็บอกว่ายังเด็กอยู่ยังไม่ให้ขึ้นแล้วทางเราก็บอกว่าเค้าขึ้นได้ พอเค้าขึ้นไปทุกคนก็ยืนตบมือให้ แล้วบอกว่าเด็กคนนี้กล้าและเป็นผู้หญิงด้วย ซึ่งจาติมเค้าก็จะเป็นเด็กที่ไม่พูดมากเค้าลุยเลย เค้าก็ไม่ได้เป็นเด็กห้าวแต่จะชอบลุย ลุยได้เหมือนแม่ ส่วนจินตจะเหมือนพ่อชอบอะไรกุ๊กกิ๊กเค้าจะเป็นผู้ชายอ่อนโยน แต่ถ้าชอบปีนป่ายอะไรตั้งแต่เด็กน้องจาติมก็จะเหมือนเกรซเลย

เกรซ มหาดํารงค์กุล

ลูกสองคน นิสัยเหมือนหรือต่างกันยังไง : ไม่เหมือนกันเลย จินตจะเป็นเด็กผู้ชายที่อ่อนโยนชอบตุ๊กตา ส่วนจาติมจะไม่เล่นตุ๊กตาเลย ซึ่งจะมีตุ๊กตาคุณยายตัวนึงคือคุณแม่เกรซเค้าซื้อให้จาติม แต่จาติมไม่สนใจเลย ปรากฏว่ากลายมาเป็นเพื่อนของจินต จินตเอานอนด้วยทุกคืน เค้าก็จะมีตัวโปรดแล้วก็จะเอาไปกอดเอาไปจูบ แต่จาติมเค้าก็จะมองๆ จับๆ เฉยๆ เค้าก็ไม่ค่อยสน ซึ่งจาติมเค้าจะเป็นเด็กที่ชอบต่อจิ๊กซอว์มาก แล้วก็ชอบประดิษฐ์อะไรขึ้นมา ด้วยความที่เค้าโตกว่า แต่ถ้าเทียบของเล่นจาติมจะชอบอะไรที่ปั้นๆต่อๆ แต่จินตเค้าจะเป็นต่อๆ เหมือนกันแต่จะมุ้งมิ้งหน่อย

 

กิจกรรมอะไรที่ทั้ง 4 คนพ่อแม่ลูกชอบทำด้วยกันมากที่สุด : จริงๆ เราก็ชอบเล่นน้ำกัน แต่น้องจินตเค้าจะแพ้น้ำ คือเล่นทีไรเป็นเรื่องทุกที คือแบบอากาศในกรุงเทพอาจจะไม่ค่อยบริสุทธิ์เค้าก็เลยจะกลายเป็นเด็กที่มีโรคภูมิแพ้อยู่หน่อย พอลงน้ำที่ไรก็จะมาแล้วทั้งน้ำมูกเอยหวัดเอย แต่เราก็จะหากิจกรรมอะไรทำด้วยกันแต่ไม่ค่อยจะอยู่บ้าน เพราะถ้าอยู่บ้านลูกก็จะรบเร้าขอดูทีวี ขอเล่นเกมบ้าง ซึ่งถ้าว่างๆ เสาร์อาทิตย์ก็จะพาไปคล้ายทัศนศึกษา คือพาไปเห็นไปเรียนรู้ของจริงที่จับต้องได้พร้อมอธิบายให้เค้าฟัง แต่ถ้ามีเวลาไม่เยอะก็จะพาไปสวนสาธารณะ ไปเดิน ไปวิ่ง เค้าก็จะเห็นกิจกรรมต่างๆ ของพี่ๆ คุณตาคุณยาย แต่ถ้าสัปดาห์ไหนมีเวลามากหน่อยเราก็จะไปต่างจังหวัดกัน เพราะว่าต่างจังหวัดจะทำให้เห็นอะไรมากขึ้น เช่นร้านค้าเล็กๆ ที่สมัยนี้หายากแล้ว อาหารเครื่องดื่มที่ไม่ค่อยมีหรือขนมโบราณบางอย่างที่เค้าไม่เคยเห็น เราก็จะอธิบายเค้าว่าที่มาเป็นยังไง หรือพาไปสวนสัตว์ ให้ทำความรู้จักกับสัตว์ต่างๆ เค้าก็จะได้มีจิตใจที่อ่อนโยน คือแบบนี้เด็กๆ ชอบ

ซึ่งวัยนี้เค้าก็จะชอบอะไรง่ายๆ แบบนี้ ไม่ต้องไปไกลๆ ไปไหนที่แปลกใหม่สำหรับเค้าแล้วมีคนอธิบาย หรือบางทีก็พาไปมิวเซียมอาร์ทไปวาดรูปด้วยกัน ดูภาพด้วยกัน แล้วเราก็อธิบายให้เค้าฟัง เพียงแค่รูปภาพระบายสามสีธรรมดาอาจดูไม่น่าสนใจ แต่ถ้าเราอธิบายความหมายของแต่ละสี แล้วพอเอามารวมกันจะมีความหมายว่าอะไร แบบนี้มันก็จะเกิดความน่าสนใจมากขึ้น คือจะไปไหนที่ไหนก็แล้วแต่จริงๆ ไม่ต้องพาไปไกลมากไปสิ่งที่เราไปได้ใกล้ตัวเรา เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจในการอธิบายไปด้วย ซึ่งบางจุดอาจจะดูว่าเค้าไม่สนใจ แต่เด็กเค้าฟังตลอด แค่เค้าจะไม่พูด ให้คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตลูกตัวเอง แล้วพอกลับบ้านไปลองไปทบทวนกับเค้า เค้าก็จะบอกได้ เราต้องค่อยๆ เติมความรู้ให้เค้าไปเรื่อยๆ

เกรซ มหาดํารงค์กุล
ขอบคุณภาพจาก : IG @jongjet_note

 

สไตล์การเลี้ยงลูกของคุณเกรซ : สไตล์การเลี้ยงลูกของเกรซจริงๆ แล้วง่ายๆ นะคะ ไม่มีพิธีอะไรมากเลี้ยงตามความเข้าใจของตัวเอง น้อยมากที่เกรซจะไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพราะเกรซมีความรู้สึกว่าเด็กแต่ละคนเค้ามีลักษณะเฉพาะตัว เรารู้ดีที่สุดว่าลูกเราเป็นยังไง เพราะฉะนั้นการเลี้ยงลูกไม่ใช้แพทเทิร์น ว่าถ้าแพทเทิร์นมาแบบนี้แล้วเราต้องทำตามแบบนี้ ซึ่งบางทีลูกเราเรารู้จักเค้าก็จะเอามาประยุกต์ใช้กับลูกเราดีกว่า การเลี้ยงลูกของเกรซสไตล์ของเกรซก็คือง่ายๆ ดูจากตัวลูกว่านิสัยใจคอเป็นยังไงแล้วก็ค่อยๆ ปรับไปกับตัวของลูกเรา

 

เรื่องที่เน้นสอนลูกทั้งสองคนมากที่สุด : เกรซจะคอยสอนมากเรื่องมารยาท เพราะเกรซมีความรู้สึกว่ามันเป็นเครื่องหมายบวกเลยสำหรับตัวเค้าเอง สำหรับเด็กที่น่ารักแล้วมีมารยาทเวลาผู้ใหญ่คนอื่นเห็นเค้าก็จะเอ็นดูในตัวเด็ก คือเราอาจจะไม่ได้อยู่ด้วย แต่ถ้าเค้ามีมารยาทกับผู้ใหญ่คนอื่นๆ เค้าก็จะให้ความเอ็นดูเด็กได้โดยที่เป็นตัวเค้าเอง ก็เลยเรื่องนี้ค่อนข้างจะซีเรียสหน่อย อยากให้เค้าเป็นเด็กที่มีมารยาทมีกาลเทศะ แล้วน้องจาติมเค้าก็ไม่ได้เรียนแบบโรงเรียนเด็กไทยเค้าเรียนอินเตอร์ก็เลยต้องพร่ำสอนเรื่องนี้เยอะหน่อย

 

วิธีการเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด ในแบบของคุณเกรซ คืออะไร : เกรซก็ไม่รู้ว่าอะไรคือดีที่สุดนะคะ ของเกรซก็อาจจะผิดก็ได้ อาจจะไม่ได้ถูกต้องก็ได้ แต่ว่าเราจะพยายามดูจากตัวเค้า ดูจากนิสัยใจคอของน้องเอง ดูจากลักษณะเด็ก ดูจากวิธีการ เช่นเด็กบางคนเวลาถูกทำโทษต้องจับเข้ามุมแล้วเค้าก็จะกลัว แต่จาติมเค้าไม่กลัว คือตั้งแต่เค้าขวบกว่าเกรซเคยจับเค้าเข้ามุมหลายทีเค้าก็ไม่กลัว มันก็เลยไม่ได้ตามแพทเทิร์นว่า ถ้าเด็กทำผิดแล้วเราต้องสอนแบบนี้ ซึ่งตัวเกรซเองจะไม่มีกฎตายตัว แต่เราต้องดูว่าลักษณะเค้าคือยังไงแค่นั้น

 

มีวิธีสอนให้พี่รักน้องยังไงบ้าง : อันนี้ก็ถือว่ายากนะคะ เพราะว่าด้วยอายุที่เค้าห่างกันเค้ายังเล่นด้วยกันได้ไม่ค่อยเต็มที่ในวัยนี้ เพราะคนพี่นี่ 5 ขวบแล้วอีกคนหนึ่งก็ขวบกว่าเอง เพราะฉะนั้นเวลาที่คน 5 ขวบ กำลังเล่นตัวต่อสร้างเป็นปราสาทขึ้นมา คนขวบกว่ามาถึงทำลายเลย เอามือปัดรวดเดียว คนพี่ก็ร้องขึ้นมาก็โมโห ก็ในวัยนี้ยังยากอยู่ แต่แม่ก็พยายามสอนว่าน้องไม่รู้ แต่คนพี่เค้าก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะยังเด็กทั้งคู่ แม่ก็ได้แค่พยายามบอก เช่นเวลาที่น้องเด็กเล็กเค้าเห็นว่าพี่มีอะไรหรือได้อะไรไป เค้าก็จะมาอยากรู้ ซึ่งความอยากรู้อยากเห็นของน้องบางทีมาแย่งออกจากมือพี่ พี่ก็โกรธ แล้วจะเอาคืน ซึ่งถ้าดึงคืนทันทีน้องร้องแน่นอน แม่ก็จะบอกว่าลูกไปเอาอย่างอื่นมาแลกกับน้องแล้วกัน แล้วก็อธิบายให้เค้าฟังว่า น้องไม่ได้อยากได้ของของพี่จริงๆ แต่น้องแค่อยากจะรู้ว่ามันคืออะไร แต่แค่พี่เอาอะไรมาแลกและน้องเค้าเปลี่ยนไปอยากรู้สิ่งใหม่แล้ว แต่วิธีนี้ก็เวิร์กบ้างไม่เวิร์กบ้าง แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่ได้บอกอะไร

นอกจากนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องแม่เกรซยังได้บอกว่า มักจะให้คนพี่และคนน้องทำกิจวัตรประจำวันไปพร้อมๆ กัน มาร่วมกันโดยให้พี่นำน้อง ทำให้น้องเห็นสอนน้องให้พี่ทำเป็นตัวอย่างไปด้วยกัน

 

ฝากถึงคุณแม่ที่อยากมีลูก แต่มีลูกยาก ทำยังไงก็ไม่สำเร็จ! : สำหรับคุณผู้หญิงทุกคนสมัยนี้ซึ่งก็อยู่ในวัยทำงานแล้วและมีครอบครัวกันช้า แต่งงานช้า เพราะฉะนั้นการแต่งงานช้าก็หมายถึงการเริ่มมีลูกที่ช้าไปด้วย แต่ก็ไม่ต้องกลัวที่จะมีลูกได้หรือเปล่า สิ่งสำคัญก็คือ เราควรทำร่างกายตัวเองให้แข็งแรงไว้ แล้วก็ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่น ก็คืออย่ายอมแพ้หรือท้อถอย คือคนที่ยังไม่แต่งงานก็ยังไม่ต้องรีบก็ให้เป็นไปตามธรรมชาติ ส่วนคนที่แต่งงานแล้ว และอยากมีลูกหรือพยายามอยู่ ก็อย่าย่อท้อให้พยายามต่อไปตามขั้นตอน ซึ่งหากทำเองแล้วถ้าไม่ได้ก็เข้าไปปรึกษาคุณหมอ ก็คืออยากให้กำลังใจตรงที่ว่าไม่ต้องท้อ คือความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เราอย่าไปคิดมาก ต้องปล่อยวาง ซึ่งถ้าเรากังวลมากๆ ร่างกายจะหลั่งสารบางอย่างออกมา แล้วมันจะทำให้เรามีลูกยาก คือต้องดูแลร่างกายตัวเองให้ดีๆ รอไว้ด้วยก็จะดีที่สุด

ชมคลิปความน่ารักของสองแม่ลูก “แม่เกรซ-น้องจาติม”
ในรายการ ABK Mom’s Journey Ep.2 ตอนแม่เกรซ น้องจาติม พาเที่ยวพิพิธบางลำพู

อย่างไรก็ดีนะคะ จากแนวการใช้ชีวิตการเลี้ยงลูกของคุณ เกรซ มหาดํารงค์กุล ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ดีที่ทางทีมแม่ ABK แนะนำ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถนำไปประยุกต์ให้กับครอบครัวกับลูกน้อยของตัวเองได้นะคะ แล้วครั้งหน้าทีมแม่ ABK จะเสนอแนวทาง วิธีเลี้ยงลูกของดารา หรือ สไตล์การเลี้ยงลูกของดารา คนดัง คนไหนอีก ติดตามกันได้ที่เว็บไซต์ www.amarinbabyandkids.com กันได้นะคะ

 

อ่านต่อบทความดีๆ น่าสนใจ คลิก : 


ขอบคุณภาพจาก : IG @gracemahadumrongkul , @jongjet_note

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up