เมื่อหลายปีก่อนเราอาจจะเคยได้ยินเรื่องคนโชคร้ายได้รับเชื้อ HIV จากการรับประทานสับปะรดที่ซื้อจากข้างถนน โดยได้รับเชื้อจากคนขายที่เป็นเอดส์ เมื่อปอกเปลือกแล้วมีดบาด มีเลือดติดไปกับสับปะรดที่ขายไป … ล่าสุดก็มีข่าวลักษณะเช่นเดียวกัน เผยแพร่เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 ผ่านทางเว็บไซต์ hoax-slayer.net เล่าว่ามีคนพยายามสร้างกระแสให้ผู้คนตื่นกลัวในโซเชี่ยลมีเดีย ว่ามีผู้ฉีดเลือดของผู้ป่วย HIV เข้าไปในกล้วย ทำให้กล้วยที่ผ่าออกมานั้นมีรอยเลือดสีแดงๆ อยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องสร้างกระแสที่ทำให้ผู้คนตกใจกันอีกครั้ง
มาฟังคำชี้แจงจากอาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวกันค่ะ
“เรื่องกล้วยฉีดเลือดเอดส์ เป็นเรื่องหลอกลวง (อีกแล้ว)ครับ”
ซีรีส์ “ผลไม้ปนเลือดคนเป็นเอดส์ กินแล้วอันตรายติดเชิ้อเอชไอวีได้” เนี้ย มีมานานแล้ว หลายเวอร์ชั่นมาก ที่เจอบ่อยสุดคือ “สัปปะรดในรถเข็นขายผลไม้” รวมถึง “เข็มเปื้อนเลือดเอดส์ซ่อนในเก้าอี้” …. บอกได้เลยว่า เรื่องหลอกลวงทั้งนั้น
เอดส์ไม่ได้ติดต่อกันทางการกินอาหารร่วมกัน ถึงมีเลือดหยดลงไปในอาหาร หรือแม้แต่น้ำอสุจิ ก็ไม่ได้ทำให้คนที่กินเข้าไปจะติดเชื้อได้ … เชื้อไวรัสเอชไอวีเองก็ตายง่ายเมื่อไม่ได้อยู่ในน้ำคัดหลั่งของร่างกาย แค่เลือดแห้ง โดนอากาศ หรือโดนความร้อน เชื้อก็เสียสภาพแล้ว
ส่วนรูปกล้วยที่ไส้มีสีแดงๆ นี้ อาจจะเป็นความตั้งใจฉีดสีแดงทำหลอกคน … ยังมีอีกหลายรูปคล้ายๆ กัน ที่ผ่าให้เห็นแนวของสีน้ำตาลแดงๆ ตรงกลางกล้วย อันนั้นน่าจะมาจากการที่กล้วยติดเชื้อราครับ
ดูเพิ่มเติมได้ใน http://www.hoax-slayer.net/bananas-injected-with-hiv-hoax-…/ และ http://www.snopes.com/banana-injected-blood-hiv/
ที่มาจากเฟซบุ๊ก : Jessada Denduangboripant