3.ที่สุดของกิจกรรมที่อยากทำกับลูก
จากการวิจัยพบ 3 สุดยอดกิจกรรมที่คุณแม่อยากทำกับลูก โดยพบว่าคุณแม่ที่มีลูกวัย 0-3 ขวบ อยากให้ลูกเรียนเสริมความรู้พัฒนาการต่างๆ พาลูกไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้ต่างๆ และอ่านหนังสือให้ลูกฟัง ส่วนคุณแม่ที่มีลูก 3-6 ขวบ อยากให้ลูกเรียนเสริมความรู้พัฒนาการต่างๆ พาลูกไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้ต่างๆ และพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ เพื่อเปิดโลกกว้าง
4.ที่สุดของทักษะพิเศษของลูก
จากผลวิจัยพบว่า คุณแม่ให้ความสำคัญกับความสามารถพิเศษที่สอดคล้องไปกับทักษะพิเศษ ได้แก่
85% ให้ความสำคัญกับความสามารถพิเศษด้านภาษา หรือทักษะด้านการติดต่อสื่อสาร
56% ให้ความสำคัญกับความสามารถพิเศษด้านกีฬา หรือทักษะด้านการเข้าสังคม
45% ให้ความสำคัญกับความสามารถพิเศษด้านการแสดง หรือทักษะด้านความกล้าแสดงออก
42% ให้ความสำคัญกับ ความสามารถพิเศษด้านดนตรี หรือทักษะด้านการควบคุมอารมณ์
23% ให้ความสำคัญกับความสามารถพิเศษด้านคอมพิวเตอร์ หรือทักษะด้านการคิดอย่างเป็นระบบ
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ลูกน้อยสามารถนำความรู้ ความสามารถ และทักษะต่างๆ ไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเอาตัวรอดในสังคม และรู้จักการคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง
สำหรับเวลาคุณภาพที่คุณแม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูก เพื่อตอบโจทย์ทักษะพิเศษของลูกจากการวิจัยพบว่า วันธรรมดา คุณแม่ที่มีลูกวัย 0-3 ขวบ จะมีเวลาอยู่กับลูกเพียง 5.6 ชั่วโมงต่อวัน และให้ลูกอยู่กับคนอื่น 6.4 ชั่วโมงต่อวัน เพราะคุณแม่ต้องทำงาน โดยเมื่อคุณแม่อยู่กับลูกในวัยนี้จะใช้เวลาพูดคุยกับลูก เล่นกับลูก และอ่านนิทานกับลูก ส่วนคุณแม่ที่มีลูกวัย 3-6 ขวบ จะมีเวลาอยู่กับลูกน้อยลงเพียง 4.7 ชั่วโมงต่อวัน และให้ลูกอยู่กับคนอื่น 7.3 ชั่วโมงต่อวัน เพราะลูกเข้าสู่ช่วงวัยเรียน โดยเมื่อคุณแม่อยู่กับลูกในวัยนี้จะใช้เวลาดูทีวี หรือดูสื่อออนไลน์กับลูก สอนลูกทำการบ้าน และเล่นกับลูก ตามลำดับ สำหรับในวันหยุดพบว่าคุณแม่จะใช้เวลาอยู่กับลูกนอกบ้าน โดยคุณแม่ที่มีลูก 0-3 ขวบ จะพาลูกไปเที่ยวภายในประเทศ และรับประทานอาหารนอกบ้าน ส่วนคุณแม่ที่มีลูก 3-6 ขวบ จะพาลูกไปช็อปปิ้ง และเที่ยวสวนสนุก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่