เตือนแม่ระวัง! ลูกโดนน้ำร้อนลวก จนต้องผ่าตัดถึง 2 รอบ - amarinbabyandkids
ลูกโดนน้ำร้อนลวก

เตือนแม่ระวัง! ลูกโดนน้ำร้อนลวก จนต้องผ่าตัดถึง 2 รอบ

Alternative Textaccount_circle
event
ลูกโดนน้ำร้อนลวก
ลูกโดนน้ำร้อนลวก

 

 

ดูแลแผลน้ำร้อนลวกอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ

วิธีการรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือโดนน้ำมันกระเด็นใส่นั้น คุณแม่จะต้องดูจากอาการที่ลูกหรือสามาชิกในบ้านประสบมาก่อนว่า มีความอันตรายอยู่ที่ระดับใด และโดนตามส่วนบริเวณต่าง ๆ ในร่างกายมาเยอะแค่ไหน แล้วจึงจะสามารถรักษาได้ตามอาการ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้ที่โดนของร้อนลวก หรือไหม้ตามร่างกายมานั้นมีเหมือนกัน คือ อาการปวดแสบปวดร้อนแบบเฉียบพลัน และกินระยะเวลานาน จนบางคนอาจใช้ยาสีฟัน หรือน้ำปลามาทากันการปวดแสบร้อน ตามความเชื่อในสมัยโบราณ ที่ถือว่าผิดมหันต์ และยังส่งผลให้แผลอาจติดเชื้อได้โดยง่ายอีกด้วย

แผลไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก แบ่งได้ 3 ระดับ

1. แผลในระดับแรก เป็นการโดนไหม้ หรือลวกในระดับแค่เล็กน้อย โดนทำลายแค่ผิวหนังกำพร้าชั้นนอกเท่านั้น โดยแผลนั้นจะไม่มีตุ่มพองใส แต่จะแค่ผิวหนังบริเวณนั้นมีสีแดงกว่าปกติ มีความรู้สึกว่าปวดแสบและร้อนไม่มากนัก จะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เมื่อหายปวด โดยทั่วไปแผลระดับแรกนี้จะหายไปในระยะเวลา 7 วัน

วิธีการรักษา แค่ใช้น้ำอุณหภูมิปกติไหลผ่านแผล แล้วจึงใช้น้ำเย็น หรือน้ำแข็งประคบไว้สักครู่หนึ่ง อาการปวดก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ หรือถ้าใครมีคูลฟีเวอร์ ( แปะหน้าผากลดไข้เด็ก ) ก็สามารถนำมาแปะที่แผลไว้ พออาการปวดดีขึ้นก็ให้ทายารักษาอาการ คุณแม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปค่ะ

2. แผลในระดับที่สอง คือแผลที่โดนลึกขึ้น และกินบริเวณกว้างกว่าแผลในระดับแรก เข้าไปถึงชั้นหนังกำพร้า แล้วลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังหลงเหลือเซลล์ที่สามารถเจริญเติบโตมาทดแทนชั้นหนังที่ตายแล้วได้อยู่ แผลนั้นจะมี 2 แบบ คือทั้งแบบเป็นตุ่มพองมีน้ำใส ๆ ข้างใน พอแกะน้ำออกมาผิวบริเวณนั้นจะมีสีชมพู และมีน้ำเหลืองไหลออกมาเล็กน้อย แผลระดับนี้จะเริ่มมีอาการปวดแสบมากขึ้น เพราะเส้นประสาทถูกทำลายไปด้วย แต่ไม่เยอะมากนักค่ะ แผลนั้นจะหายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ และจะไม่เกิดแผลเป็น ส่วนอีกแบบนึงจะเป็นแผลที่ไม่มีตุ่มพองแผลจะแห้ง มีสีเหลืองขาวและไม่ค่อยปวด แต่จะทำให้เกิดแผลเป็นได้

วิธีการรักษา แผลระดับนี้ ยังคงใช้วิธีการรักษาเบื้องต้น แบบแผลระดับแรก เพียงอาจจะต้องมีการสะกิดตุ่มหนองในแผลแบบที่ 1 ออก แล้วจึงทายาเพื่อรักษาอาการต่อไป และต้องมีการใช้ยาปฏิชีวนะร่วมกับแผลแบบที่ 2 เพื่อลดการติดเชื้อ

3. แผลในระดับที่สาม เป็นแผลที่ลึกลงไปทำลายหนังกำพร้า หนังแท้ รูขุมขน ต่อมเหงื่อ และเซลล์ประสาทจนหมด ซึ่งแผลระดับนี้ถือว่ารุนแรงมาก เพราะอาจกินลึกไปถึงชั้นกล้ามเนื้อและกระดูก แต่จะไม่มีอาการปวดจากแผล เพราะเซลล์ประสาทโดนทำลายไปทั้งหมด ทำให้ไม่รับรู้ถึงอาการปวด ลักษณะของแผลจะมีสีซีดออกเหลือง หรืออาจจะมีสีไหม้ออกดำ จะแข็งด้าน ในบางรายอาจมองเห็นได้ถึงเส้นเลือด แผลชนิดนี้จะมีอาการผิวหนังตึง และขยับร่างกายลำบาก เมื่อหายแล้วก็จะเป็นแผลเป็น หรือในบางรายอาจกลายเป็นแผลนูนขึ้นมาแทนก็ได้

วิธีการรักษา แผลชนิดนี้เมื่อเป็นแล้ว ไม่สามารถรักษาอาการเองได้ ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์เท่านั้นนะคะ และมีเพียงแค่การปลูกถ่ายผิวหนังใหม่เท่านั้นที่เป็นวิธีการรักษา แผลระดับสามนี้ต้องดูแลเป็นอย่างดีจากแพทย์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่รุนแรงกว่าแผลระดับอื่นนั่นเอง

เพื่อเป็นการป้องกันและหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกหลานของเรา สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ การไม่ประมาทนั่นเองค่ะ

เครดิต: Honest Docs

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

 

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up