นอกเสียจากนี้ แสงของมือถือหรือที่เราเรียกกันว่า Blue Light นั้น สามารถทำให้ผู้ที่ดูหรือใช้งานมาก ๆ นั้น มีโอกาสเป็นโรคต่าง ๆ ได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น
- จอประสาทตาเสื่อม การวิจัยทางการแพทย์เผยว่า แสงสีน้ำเงินสามารถแทรกผ่านสารสีที่พบในตาและเป็นอันตรายต่อดวงตาบริเวณเซลล์ที่ศูนย์กลางเรตินา โดยจะเข้าไปลดความเข้มข้นของสารสี เกิดเป็นปัจจัยเสี่ยงให้จอประสาทตาเสื่อมเมื่อมีอายุมากขึ้น ที่สำคัญโรคนี้อันตรายถึงขั้นตาบอดได้เลย
- ตาขี้เกียจ คือ ภาวะที่ตานั้นไม่ได้ใช้งานนาน ๆ มันจะหยุดการทำงานแค่นั้น เช่น ถ้ามีตาข้างหนึ่งดี อีกข้างมีสายตาสั้นมาก ๆ ร่างกายจะใช้ตาข้างที่ดี แล้วไม่ใช้ตาข้างสายตาสั้นมาก ๆ ผู้ปกครองท่านใด ที่เลี้ยงลูกด้วย มือถือ หรือ แทบเล็ตควรจะป้องกันไว้ เอาไว้เสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เลยละค่ะ
- ดวงตาล้า หากดวงตาของคนเราต้องทำงานหนักจากการเพ่งมองภาพจากมือถือที่ประกอบขึ้นมาจากพิกเซลเล็ก ๆ ที่สั่นไหวอยู่ตลอดทุกวินาที ส่งผลให้ระบบสายตาทำงานลำบากและโฟกัสภาพบนจอได้ยาก ความคมชัดของภาพจึงลดลงและทำให้ตาอ่อนล้า นอกจากนี้อาจตามมาด้วยอาการปวดไหล่ ปวดหัว ระคายเคืองที่ตา เจ็บตา ตาพร่าหรือเห็นภาพซ้อน ตาอ่อนไหวต่อแสงแดด น้ำตาไหล ตาแห้ง และมองภาพไม่ชัดเจนได้ด้วย
รู้แบบนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ลองถามใจตัวเองดูนะคะว่า การปล่อยให้พี่เลี้ยงจอสี่เหลื่ยมเลี้ยงลูกนั้น จริง ๆ แล้วมันคือข้อดีหรือว่าข้อเสียกันแต่
ขอบคุณที่มา: สสส.
อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่