ด้าน รศ.ดร.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์ ประธานมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้กล่าวว่า “การบริโภคไขมันทรานส์ เป็นประจำหรือเกินกว่า 2.2 กรัมต่อวัน สามารถเพิ่มระดับโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL: low-density lipoprotein) และลดระดับไขมันดี (HDL) ลง ส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้นเหตุของโรคหัวใจและความดัน รวมทั้งสามารถทำให้มีการอักเสบของผนังหลอดเลือด ซึ่งทำให้หลอดเลือดตีบง่ายขึ้นได้ จึงขอแนะนำผู้บริโภคเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันดังกล่าว”
ไขมันทรานส์อันตรายกับร่างกายอย่างไร?
ไขมันทรานส์ (Trans Fat) คือ กรดไขมันที่เกิดจากกระบวนการแปรรูปกรดไขมันไม่อิ่มตัวให้เป็นกรดไขมันอิ่มตัวสูง โดยการเติมไฮโดรเจน กระบวนการแปรรูปไขมันนี้เรียกว่า “ไฮโดรจีเนชั่น” ซึ่งจะทำให้อาหารคงความแข็งตัวที่อุณหภูมิห้อง มีอายุการเก็บนาน ชะลอการเหม็นหืน โดยที่เนื้อสัมผัสของอาหารไม่แห้ง และมีรสชาติดี
จัดเป็นไขมันชนิดที่อันตรายต่อสุขภาพสูงที่สุด เนื่องด้วยตัวไขมันนี้เองสามารถเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-cholesterol) ได้ หากบริโภคไขมันทรานส์ในปริมาณร้อยละ 4 ของพลังงานหรือมากกว่านั้น อีกทั้งหากร่างกายได้รับไขมันทรานส์ปริมาณประมาณร้อยละ 5-6 ของพลังงานทั้งหมด ระดับคอเลสเตอรอลชนิดดีในร่างกายก็จะลดลงด้วย
ฉะนั้นเมื่อคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-cholesterol) ในร่างกายเพิ่มมากขึ้น หากคุณพ่อคุณแม่และลูกรับประทานมากเกินไป ก็ย่อมส่งผลทำให้ร่างกายเสี่ยงต่อการเกิด 5 โรคนี้ค่ะ
- โรคหลอดเลือดแดงตีบ ในที่นี้ หมายถึงหลอดเลือดแดงขนาดกลาง หรือเส้นใหญ่ ซึ่งมีการสะสมของไขมันทรานส์ และแคลเซียมที่ผนังด้านในของหลอดเลือดแดง เมื่อสะสมมีขนาดใหญ่พอ ก็จะทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะน้อยลง
- โรคหลอดเลือดสมอง หมายถึง ภาวะที่สมองขาดออกซิเจนเนื่องมาจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้สมองส่วนดังกล่าวตายภายในไม่กี่นาที อาการที่พบนั้นได้แก่ อาการอ่อนแรงโดยเฉียบพลัน อ่อนแรงหรือชาบริเวณใบหน้า แขน หรือขา พูดลำบาก หรือไม่เข้าใจคำพูด หรือมีปัญหาเรื่องการมองเห็น เป็นต้น
- โรคอัลไซเมอร์ สาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์นั้น ส่วนหนึ่งมาจากการสะสมไขมันในร่างกายมากเกินไป ทำให้มีอาการเริ่มแรกคือ อาการหลงลืมหรือภาวะสับสนที่ค่อย ๆ พัฒนาไปอย่างช้า ๆ
- จอประสาทตาเสื่อม สาเหตุของการจอประสาทตาเสื่อม ไขมันในเลือดจะเกาะเป็นคราบตะกรันไขมันอุดตามหลอดเลือดเลี้ยงจอประสาทตา ทำให้เซลล์ประสาทขาดสารอาหารและเลือดหล่อเลี้ยง จอประสาทจึงเสื่อมด้วยอัตราเร่งกว่าปกติ
- โรคนิ่วในถุงน้ำดี หากร่างกายของลูกเริ่มมีนิ่วเกิดขึ้นแล้ว อาจทำให้ลูกมีอาการตั้งแต่ ท้องอืด อาหารไม่ย่อย บางครั้งนิ่วไปอุดท่อถุงน้ำดี ทำให้มีอาการปวดแบบปวดดิ้น หรือถ้านิ่วตกลงไปอุดท่อน้ำดีใหญ่ จะทำให้มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง ตับอ่อนอักเสบ ซึ่งมีอันตรายรุนแรงถึงชีวิตลูกได้
ดังนั้น หากไม่อยากให้ลูก คนในครอบครัว หรือแม้แต่ตัวของคุณพ่อคุณแม่เองต้องมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่ได้กล่าวนั้น ก่อนที่จะรับประทานอาหาร ควรเช็กให้มั่นใจก่อนนะคะว่า อาหารที่จะเลือกรับประทานจัดอยู่ในประเภทของอาหารที่ปลอดภัยและมีแต่ไขมันดีหรือไม่
ขอบคุณที่มา: Good Life Update, ประชาไท และ Letterplanet
อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ:
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่