ความรักของแม่ คือการทำได้ทุกอย่างเพื่อลูก!
“เรื่องการศึกษาลูก บีมตัดสินใจเองทั้งหมด เลือกโรงเรียน เลือกสังคมให้กับเขาเอง แต่บีมก็ไม่ได้บังคับเขา ขอแค่ลูกบอกว่าลูกอยากเรียนอะไร เราพร้อมสนับสนุน เราจะเป็นคนทำงานหาเงินเอง ลูกมีหน้าที่ตั้งใจเรียนอย่างเดียว เพราะมันคืออนาคตของลูกเอง สิ่งที่บีมให้ลูกในเรื่องการศึกษา เพราะเราไม่ได้มีเงินทองมากมายที่จะให้เขา บีมจึงมองว่าการศึกษาสำคัญที่สุด และเป็นสิ่งที่เราเป็นแม่คนต้องเลือกสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุดที่เราสามารถให้กับชีวิตเขาได้”
สิริกรตัดสินใจส่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ไปเรียนที่ Wakatipu High School เมืองควีนทาวน์ ประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งแต่อายุ 12 ปี ปัจจุบันแจ๊คกี้ กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีปีที่ 2 สาขา สถาปัตยกรรมการออกแบบโครงสร้างและการวางแผน มหาวิทยาลัย Royal Melbourne Institute of Technology ( RMIT ) เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
“ถึงวันนี้บีมภูมิใจในตัวลูกมาก ยังจำได้เลยว่าวันที่ตัดสินใจให้ลูกไปเรียนต่อที่ต่างประเทศไม่มีเงินนะคะ ก็บอกลูกว่า แม่ต้องเอาบ้านไปจำนองกับธนาคาร”
เขาอยู่ที่นั้นพยายามประหยัดใช้เงินที่แม่ส่งให้ และหางานพิเศษทำ วันแรกที่เขาได้เงินมาเป็นความภาคภูมิใจของเขามาก โทรมาคุยและบอกว่ากลับมาเมืองไทยจะเอาเงินให้คุณแม่นะครับ แค่ได้ฟังก็น้ำตาไหล เขาเอามาให้บีม 50 เหรียญ แล้วก็กราบที่อก บอกนี่คือเงินก้อนแรกที่แจ็คกี้หาได้
ทุกวันนี้ทุกครั้งที่ลูกได้เงินจากการทำงาน เขาจะแบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนหนึ่งสำหรับการออมทรัพย์ เพื่ออนาคตของเขา ส่วนหนึ่งเก็บไว้ดูแลคุณแม่และคุณยาย ส่วนหนึ่งเก็บไว้สำหรับค่ารักษาพยาบาล และส่วนหนึ่งเขาเก็บไว้ใช้ส่วนตัว จะได้ไม่ต้องขอบีม เพราะว่าเขาโตและทำงานหาเงินได้เองแล้วค่ะ” เล่าจบน้ำตาแห่งความปีติก็ไหลรินอีกครั้ง
เรื่องราวของแม่บีม ทำให้เราทุกคนเห็นว่า เงินทองอาจจะไม่ใช่มรดกที่แท้จริงเสมอไป หากแต่ความรู้ต่างหากคืิอมรดกที่คนเป็นพ่อเป็นแม่จะให้ลูกได้ เพราะเงินนั้นใช้แล้วก็หมดไป แต่ความรู้มีมากเท่าไรก็สามารถต่อยอดได้มากเท่านั้นเช่นกัน