เตือน!! ผักดิบ 9 ชนิดดังต่อไปนี้ที่หากกินดิบบ่อย ๆ อาจเป็นการสะสมสารอันตรายต่อร่างกายโดยที่ไม่รู้ตัว
“ผัก” ถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะทำไปปรุงอาหารหรือถ้าสามารถกินผักสดได้ด้วยแล้วจะยิ่งได้รับวิตามินและแร่ธาตุ รวมทั้งใยอาหาร สารพฤกเคมี (ประโยชน์ของผักหลากสี) และมีผักบางชนิดที่สามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิดได้อีกด้วย
หากพูดถึงอาหารสุขภาพ แน่นอนว่าจะต้องมีอาหารจำพวกผักอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งคุณประโยชน์ของผัก โดยรวมก็ช่วยเสริมสร้าง ควบคุมการทำงาน และช่วยควบคุมการไหลเวียนของของเหลวในร่างกาย ช่วยป้องกันและบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ แถมยังช่วยบำรุงผิวพรรณ … “ผัก” นั้นมีประโยชน์มากมายจริงๆ แต่หากว่าเรากินผักไม่ถูกวิธี ผักที่ว่าเป็นประโยชน์นั้นก็อาจจะกลายเป็นโทษไปก็ได้
ซึ่งการทานผักสดในบางครั้งก็ไม่ได้ให้ประโยชน์กับร่างกายเสมอไปนะคะ โดยเฉพาะคุณแม่ท้องที่มีอาการท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์ ที่ใครๆ ก็แนะนำว่าให้เน้นทานผักเยอะๆ จะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น หรือเด็กที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย ใยอาหารในผักก็จะช่วยให้เรื่องระบบขับถ่ายของเด็กให้ดีขึ้น >> แต่ก็มีผักอยู่บางชนิด ที่ไม่ควรบริโภคแบบดิบๆ ซึ่งผักที่ห้ามกินดิบ จริง ๆ แล้วอาจไม่ถึงกับเป็นผักต้องห้าม ทว่าควรบริโภคแต่น้อยเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพ หากกินดิบ ๆ ในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ได้
1. กะหล่ำปลีดิบ
กะหล่ำปลีมีวิตามินซีสูง กินแล้วมีประโยชน์แน่ ๆ แต่ต้องปรุงให้สุกก่อนรับประทาน เนื่องจากหากกินกะหล่ำปลีดิบในปริมาณมาก สารออกซาเลต (Oxalate) ในกะหล่ำปลีจะไปจับกับแคลเซียมที่กรวยไต จนกลายเป็นสารแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งหากมีสารตัวนี้ที่กรวยไตมาก ๆ ก็เสี่ยงต่อโรคนิ่วในไตได้ อีกทั้งในกะหล่ำปลีดิบยังมีน้ำตาลชนิดหนึ่ง ซึ่งคนที่มีปัญหาในระบบย่อยอาหารอาจย่อยน้ำตาลชนิดนี้ไม่ได้ และอาจนำไปสู่อาการท้องอืด แน่นท้อง แต่หากนำกะหล่ำปลีไปปรุงสุก น้ำตาลที่ว่าก็จะเปลี่ยนโมเลกุลเป็นสารที่ย่อยได้ง่าย ไร้ปัญหาท้องอืดแน่นอน
นอกจากนี้ในกะหล่ำปลีดิบยังมีสารกอยโตรเจน (Goitrogen) สารที่ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ ทำให้ร่างกายดึงไอโอดีนจากเลือดไปใช้ได้น้อยกว่าปกติ จนอาจก่อให้เกิดโรคคอหอยพอกได้ แต่กอยโตรเจนจะสลายได้อย่างรวดเร็วเมื่อโดนความร้อน ฉะนั้นจึงควรบริโภคกะหล่ำปลีแบบปรุงสุกจะดีกว่า ส่วนคนปกติทานเป็นผักแกล้มกับน้ำพริก หรือลาบก็คงไม่มากเท่าไหร่ ยกเว้นทานเป็นกิโลๆ
2. ดอกกะหล่ำดิบ
พืชชนิดหัวอีกอย่างที่ต้องระวังหากจะกินดิบ ๆ เพราะดอกกะหล่ำก็มีน้ำตาลชนิดเดียวกันกับกะหล่ำปลีด้วย ดังนั้นหากไม่อยากเกิดอาการท้องอืด ก็ควรนำดอกกะหล่ำไปปรุงให้สุกก่อนรับประทานนะคะ
3. บรอกโคลีดิบ
มาตระกูลเดียวกันกับกะหล่ำปลีและดอกกะหล่ำเลย บรอกโคลีมีน้ำตาลที่ควรต้องถูกย่อยด้วยความร้อนก่อนจึงจะไม่ก่อให้เกิดอาการท้องอืด และในบรอกโคลีดิบยังมีฮอร์โมนบางชนิดที่เป็นตัวกระตุ้นความเสี่ยงโรคไทรอยด์ แต่เจ้าฮอร์โมนที่ว่าจะถูกย่อยสลายไปเมื่อโดนความร้อน ดังนั้นบรอกโคลีจึงจัดเป็นผักอีกชนิดที่กินดิบมาก ๆ อาจก่อให้เกิดโทษได้
4. ผักโขมดิบ
ผักใบเขียวขจีอย่างผักโขมดิบ ๆ มีกรดออกซาลิก (Oxalic) ที่มีฤทธิ์ทำให้ลำไส้ระคายเคือง แถมยังเป็นตัวขัดขวางไม่ให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียม ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคนิ่วในไตอีกทางหนึ่งได้ด้วย ทว่าเจ้ากรดออกซาลิกตัวนี้จะหมดฤทธิ์ทันทีเมื่อเจอความร้อน ซึ่งก็หมายความว่าเราควรปรุงผักโขมให้สุกก่อนนำมารับประทานนั่นเองนะคะ
อ่านต่อ >> “ผักที่ไม่ควรกินแบบดิบๆ อีก 5 อย่าง” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่