ไอศกรีม ของโปรดของเด็ก ๆ ที่กินเท่าไหร่ไม่รู้จักเบื่อ แต่พ่อแม่สามารถวางใจให้ลูกกินตามใจได้หรือไม่ เมื่อเบลเยียมสั่งเรียกคืนไอศกรีมเจ้าดังหลังพบสารก่อมะเร็ง
ไอศกรีม เจ้าดังพบสารก่อมะเร็ง! สั่งเรียกคืนหลังอียูเตือน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เบลเยียมสั่งเรียกคืนไอศกรีมฮาเกน-ดาซส์ ไอศกรีมยี่ห้อดังออกจากชั้นวางขายเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม หลังจากสหภาพยุโรป (อียู) แจ้งเตือนว่า พบสารปนเปื้อนก่อมะเร็ง
ภายหลังจากที่ศูนย์เฝ้าระวังความปลอดภัยของอียูได้ตรวจสอบหาสารปนเปื้อนในไอศกรีมยี่ห้อดังที่ผลิตโดยบริษัท เจอเนอรัล มิลส์ ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่จากสหรัฐเมริกา ตามคำขอของประเทศฝรั่งเศส ก็ได้ออกมาประกาศเตือนในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาว่า พบเจอสาร 2-คลอโรเอทานอล ในผลิตภัณฑ์ดังกล่าวชนิดกระปุกใหญ่และถ้วยมินิ ล็อตหมดอายุเดือนมีนาคม-เมษายน 2023 ซึ่งสารนี้ส่งผลเสียต่อร่างกายมนุษย์ และสามารถก่อโรคร้าย เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ด้วยเหตุนี้ เบลเยียม รวมทั้งฝรั่งเศส และสเปน จึงได้ทำการสั่งระงับการวางขายไอศกรีมฮาเกน-ดาซส์ ล็อตดังกล่าว
โดยสำนักงานด้านสุขอนามัยอาหารแห่งชาติของเบลเยียมได้เรียกคืนไอศกรีมเพิ่มขึ้นอีก 7 รายการ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม หลังจากที่ได้เรียกคืนไอศกรีมฮาเกน-ดาซส์ ไปแล้วกว่า 10 รายการ ซึ่งรวมถึงไอศกรีมรสวานิลลา รสช็อกโกแลตเบลเยียม รสถั่วแมคคาเดเมีย บริทเทิล และรสพราลีนส์ แอนด์ ครีม เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมนอกจากนี้ ยังมีการสั่งห้ามไม่ให้ผู้บริโภคที่รับประทานไอศกรีมล็อตที่มีปัญหาจากสารปนเปื้อน หากซื้อมาแล้วให้นำสินค้าไปทำลายทิ้ง และรีบติดต่อเจอเนอรัล มิลส์ เพื่อเรียกร้องเงินคืน
ด้านบริษัทผู้ผลิตอย่างเจอเนอรัล มิลส์ ได้ออกมาแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สารปนเปื้อนซึ่งอาจก่อให้เกิดมะเร็งนี้ น่าจะมีต้นตอมาจากสารสกัดวานิลลาของซัพพลายเออร์เจ้าหนึ่ง สอดคล้องกับรายงานของสำนักงานตรวจสอบอาหารแห่งชาติบราซิลที่ระบุว่า พบสารปนเปื้อนในไอศกรีมวานิลลาของฮาเกน-ดาซส์ และให้หลีกเลี่ยงสินค้าดังกล่าวในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ที่มา : www.matichon.co.th
จากข่าวดังกล่าว คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกมากเกินไป จนทำให้เจ้าตัวเล็กอดกินไอศกรีมของโปรดไปจนตลอดชีวิตกันเชียวล่ะ เพราะใช่ว่าไอศกรีมจะมีแต่โทษเพียงอย่างเดียว อย่างน้อย ๆ มันก็ให้ประโยชน์ทางใจ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่เวลาเราได้กินไอศกรีมแล้วก็รู้สึกสดชื่นกันใช่ไหมล่ะ ดังนั้นทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตส่วนผสมของไอศกรีมถ้วยนั้น ๆ ที่เราจะหยิบให้ลูกเสียดีกว่าการห้ามรับประทานอย่างเด็ดขาด เพราะอย่างไรไอศกรีมกับเด็กก็เป็นของคู่กันที่ขาดกันเสียมิได้
ไอศกรีมมิใช่ตัวร้าย หากไม่มีส่วนผสมเหล่านี้!!
การเลือก ไอศกรีม มารับประทานทางที่ดีเราควรเลือกรับประทานไอศกรีมที่ได้มาตรฐาน ผลิตจากโรงงานที่น่าเชื่อถือ และหากจะให้มั่นใจคุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาถึงส่วนประกอบบางอย่างที่ผู้ผลิตไอศกรีมบางรายใส่ลงมาเพื่อเพิ่มกำไรให้แก่ตน โดยมิได้คำนึงถึงอันตรายต่อผู้บริโภค การนำไขมันที่เหลือจากโรงฆ่าสัตว์มาใช้เป็นส่วนผสมในไอศกรีมนั้น เป็นอันตรายเพราะไขมันจากสัตว์นั้นมีจำนวนของไขมันอิ่มตัวสูง เป็นไขมันชั้นเลวที่หากบริโภคมากไป จะก่อให้เกิดโรคอ้วน และไขมันอุดตัวเส้นเลือดได้ นอกจากนี้ยังควรสังเกตหากมีส่วนผสมของสารสังเคราะห์จากสารเคมีดังต่อไปนี้ในไอศกรีมถ้วยโปรดของเราแล้ว ขอแนะนำให้ควรงดรับประทานทันที
- ไดอิธิลกลูคอล (Diethyl Glucol) สารเคมีราคาถูกที่ใช้ในการตีไขมันให้กระจายแทนการใช้ไข่ สารชนิดนี้เป็นสารกันเยือกแข็งที่ใช้กันน้ำแข็งไม่ให้ละลายเร็ว และใช้ในน้ำยากัดสี
- อัลดีไฮด์ – ซี71 (Aldehyde-C71) เป็นสารที่ใช้ ในการสร้างกลิ่นที่ไม่ค่อยมีในประเทศไทย เช่น เชอร์รี่ และเพื่อให้ไอศกรีมเป็นของเหลวติดไฟง่าย และยังนำไปใช้ทำสีอะนิลีน จำพวกพลาสติก และยาง
- ไปเปอร์โอรัล (Piperoral) ใช้แทนกลิ่นวานิลลา เป็นสารเคมีเดียวกับที่ใช้ผสมในยาฆ่าเหา และหมัด
- อิธิลอะซีเตท (Ethyl acetate) ใช้สร้างกลิ่นรสสับปะรด อีกทั้งยังใช้เป็นตัวทำความสะอาดหนังและผ้าทอ กลิ่นของสารเคมีตัวนี้ก่อให้เกิดโรคปอดเรื้อรัง ตับ และหัวใจที่ผิดปกติ
- บิวธีรัลดีไฮด์(Butyraldehyde) ใช้สร้างกลิ่นรสเมล็ดในผลไม้เปลือกแข็ง เช่น ถั่วต่าง ๆ สารนี้เป็นสารที่ใช้เป็นสารประกอบสำคัญในกาวยาง
- แอนนิล อะซีเตท(Anyle acetate) สารนี้จะให้กลิ่นกล้วยหอม และเป็นสารที่ใช้ทำลายล้างไขมัน
- เบนซิล อะซีเตท(Benzyle acetate) เป็นสารที่ใช้สร้างกลิ่น และรสสตรอเบอร์รี่เป็นสารละลายไนเตรท ทำให้เกิดความอยากอาหาร
- แซคคารินหรือน้ำตาลเทียม เติมเพื่อให้มีสีและกลิ่นที่หอมหวาน ซึ่งสารแซคคารินนั้นได้มีการพิสูจน์แล้วว่า มีส่วนสนับสนุนทำให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน
ไม่ใช่ว่าในไอศกรีมทุกยี่ห้อจะมีสารเหล่านี้ทั้งหมด ที่กล่าวมาเป็นเพียงข้อมูลที่พบในไอศกรีมบางรายเท่านั้น ที่ผู้ผลิตไร้จิตสำนึกใส่ส่วนผสมอันตรายเหล่านี้เข้ามา แต่ในสารบางตัวที่แม้จะไม่ได้มีอันตรายแต่หากเราบริโภคเข้าไปในปริมาณที่มากเกินความต้องการของร่างกายก็ทำให้เกิดโทษได้เช่นกัน ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรจำกัดปริมาณการรับประทานไอศกรีมของลูกด้วย
13 อาหารที่คุณไม่ควรกิน หากไม่อยากเป็นมะเร็ง
นอกจากเรื่องของไอศกรีมแล้ว ยังมีอาหารชนิดอื่นเช่นกันที่หากคุณรับประทานเป็นประจำ มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งได้
1.อาหารแปรรูปสูง
เรารู้มานานแล้วว่าอาหารแปรรูปที่มีน้ำตาล โซเดียม ไขมันอิ่มตัว และส่วนผสมทางเคมีมากเกินไปสามารถส่งผลต่อสภาวะสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคอ้วน เป็นต้น แต่สำหรับโรคมะเร็งนั้น จากการศึกษาของนักวิจัยชาวฝรั่งเศสและบราซิล การบริโภคอาหารแปรรูปพิเศษ เช่น ขนมปัง ขนมอบที่ผลิตเป็นจำนวนมาก น้ำอัดลม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยวรสเค็มและหวาน หรือนักเก็ตไก่ เป็นต้น หากเรารับประทานอาหารเหล่านี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรคมะเร็งโดยรวมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 และมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นร้อยละ 11
2.มันฝรั่งทอด
จากการศึกษาของสำนักงานมาตรฐานอาหารแห่งสหราชอาณาจักร (FSA) ผู้ร้ายคืออะคริลาไมด์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่สร้างขึ้นเมื่ออาหารประเภทแป้งปรุงด้วยอุณหภูมิสูง แม้ว่าความกรอบสีน้ำตาลของมันฝรั่งทอดอาจดูน่ากิน แต่ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง และอาจส่งผลต่อระบบประสาทและระบบสืบพันธุ์
3.แอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์สามารถเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้ 5 เปอร์เซ็นต์ ความเสี่ยงต่อมะเร็งช่องปาก 17 เปอร์เซ็นต์ และความเสี่ยงต่อมะเร็งหลอดอาหาร 30 เปอร์เซ็นต์ ตามรายงานของ American Society of Clinical Oncology (ASCO) ตัวเลขเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญยิ่งคุณดื่มมากขึ้น
4.เบคอน
องค์การอนามัยโลกได้จัดประเภทเนื้อสัตว์ที่ผ่านการหมักเกลือ บ่ม หมัก หรือรมควันเป็นสารก่อมะเร็ง การรับประทานเบคอน 50 กรัมหรือเทียบเท่าเบคอน 4 แผ่นหรือฮอทดอก 1 อัน ทุกวันจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ 18 เปอร์เซ็นต์
5.เนื้อย่าง
ข้อมูลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ การปรุงเนื้อสัตว์ที่อุณหภูมิสูงบนเปลวไฟหรือการทอดในกระทะจะสร้างสารเคมีสองชนิดที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งได้ นั่นคือเฮเทอโรไซคลิกเอมีน (HCAs) และโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่าการรับประทานเนื้อไหม้เกรียมบ่อยๆ ช่วยเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งตับอ่อนได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่อีกการศึกษาพบว่าเกือบสองเท่าของความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมในสตรีวัยหมดประจำเดือน
6.เนื้อแดง
ไม่ว่าคุณจะปรุงด้วยวิธีใด การบริโภคเนื้อแดงอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งได้ การกินเนื้อแดงมีส่วนเกี่ยวข้องกับมะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ และมะเร็งกระเพาะอาหาร
7.ขนมปังขาว และข้าวขาว
แม้ว่าคุณจะไม่เคยสูบบุหรี่ แต่การรับประทานอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลในเลือดสูงบางชนิดสามารถเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งปอดได้ถึง 49 เปอร์เซ็นต์ ตามที่นักวิจัยจาก University of Texas MD Anderson Cancer Center นักวิจัยกล่าวว่าการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลในเลือดสูงจะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดของคุณได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มปัจจัยการเจริญเติบโตที่คล้ายกับอินซูลิน ซึ่งเชื่อมโยงกับความเสี่ยงมะเร็งปอดที่เพิ่มขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องเลิกกินคาร์โบไฮเดรตทั้งหมด เพียงแค่เลือกกินชนิดที่มีดัชนีน้ำตาลในเลือดที่ต่ำกว่า เช่น ขนมปังโฮลวีต และข้าวโอ๊ต เป็นต้น
8.ผลิตภัณฑ์นม
การบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก และถึงแม้นมจะได้รับการศึกษามากที่สุด ไอศกรีม ชีส และผลิตภัณฑ์จากนมอื่นๆ ก็อาจเป็นปัญหาได้เช่นกัน ตามรายงานของ Healthlineนักวิจัยบางคนเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างการบริโภคนมกับมะเร็งต่อมลูกหมากอาจเนื่องมาจากปริมาณไขมัน แคลเซียม และฮอร์โมนของนม ในขณะที่คนอื่นๆ ตั้งทฤษฎีว่าการบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมอาจทำให้ระดับวิตามินดี และฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเปลี่ยนแปลงไป การศึกษาในปี 2016 ถือว่าการเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์นมกับมะเร็งไม่สามารถสรุปผลได้ แต่ถ้าคุณมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือมีอยู่แล้ว ให้ปรึกษาแพทย์ของคุณเกี่ยวกับอาหารของคุณ
7.ข้าวโพดคั่วไมโครเวฟ
ไม่ใช่ป๊อปคอร์นที่เป็นปัญหา แต่เป็นถุง ป๊อปคอร์น ที่ด้านในมีสารเคมีที่ป้องกันไม่ให้เมล็ดเกาะติดอยู่ เมื่อถุงร้อนขึ้น สารเคลือบจะสลายตัว ทำให้เกิด กรด perfluorooctanoicซึ่งเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของมะเร็งตับ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
8.น้ำอัดลม
นักวิจัยชาวออสเตรเลีย ระบุว่า การ ดื่มน้ำอัดลมเพียงวันละ 1 แก้วเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งหลายชนิด เช่น ตับ ต่อมลูกหมาก รังไข่ และถุงน้ำดี
อาหารเป็นส่วนสำคัญของชีวิต ช่วยทำให้ร่างกายได้รับพลังงาน สารอาหารที่จำเป็นที่ร่างกายต้องการ แต่การเลือกรับประทานอาหารให้ห่างไกลโรคภัยไข้เจ็บก็เป็นส่วนสำคัญ เพราะการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ดังนั้นเรามาใส่ใจการเลือกรับประทานอาหารให้ได้ประโยชน์ นอกจากความอร่อยเพียงอย่างเดียวกันเถอะ
ข้อมูลอ้างอิงจาก health.kapook.com/www.thehealthy.com
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
ลูกเป็นมะเร็ง แม่เล่า จากหวัดธรรมดาสุดท้ายกลายเป็นมะเร็งสมอง
รู้ก่อน จองวัคซีนเข็ม3 แนวทางฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นเด็กเล็ก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่