สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงใน การเลือกซื้อคาร์ซีท คือ การได้รับการทดสอบในด้านของความปลอดภัยในระดับสากล โดยทั่วไปการทดสอบจะเริ่มตั้งแต่การทดสอบการชนและการป้องกันแรงกระแทกที่จะส่งผลต่อร่างกายเด็ก
มาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันในโลกแบ่งออกเป็นของ 2 กลุ่มหลักๆ คือ ECE R44 /04 และ ECE R129 หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ i – size ของทวีปยุโรป และ FMVSS 213 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความแตกต่างกันไปในรายละเอียดของการทดสอบขึ้นอยู่กับกฎข้อบังคับของแต่ละประเทศ ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการเลือกคาร์ซีทที่ได้รับมาตรฐานและมีสติกเกอร์แสดงถึงมาตรฐานชัดเจน ดังนั้นก่อนซื้อคาร์ซีทไม่ว่าจะรุ่นหรือแบรนด์ไหนๆ คุณพ่อและคุณแม่อย่าลืมที่จะหาข้อมูลหรือสอบถามเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีทตัวนั้นๆ ด้วยนะคะ
ภาพตัวอย่างสติกเกอร์ที่โชว์มาตรฐานชัดเจน และมักแปะอยู่ที่บริเวณด้านหลัง/ใต้ฐานของคาร์ซีท
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาในเลือกคาร์ซีทให้แก่ลูกรัก
- ปัจจัยในเรื่องของการติดตั้ง
คาร์ซีทส่วนใหญ่ในท้องตลาดการติดตั้งจะมีด้วยกันทั้งหมด 2 แบบ
- เข็มขัดนิรภัย เป็นการติดตั้งด้วยสายเข็มขัดนิรภัยที่มากับรถยนต์
- Isofix คือการติดตั้งด้วยการเสียบแท่น isofix ของคาร์ซีทเข้ากับเบาะรถยนต์ โดยส่วนมากจะมีในรถยนต์ปี 2014 เป็นต้นไป ช่วยในเรื่องความสะดวก และประหยัดเวลาในการติดตั้ง
- ปัจจัยในเรื่องของอายุการใช้งาน
ส่วนมากคาร์ซีทจะแบ่งกลุ่มออกตามอายุการใช้งาน โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงแรกเกิดถึงช่วงอายุต่าง ๆ ซึ่งขึ้นอยู่ในดุลยพินิจของคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากให้ลูกน้อยนั่งคาร์ซีทถึงช่วงอายุเท่าไหร่
** โดยในปัจจุบัน ตามราชกิจจานุเบกษาที่ได้เผยแพร่ประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบกฉบับที่ 13 พ.ศ.2565 เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2565 ให้ผู้โดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องนั่งคาร์ซีท และผู้โดยสารที่มีความสูงไม่เกิน 135 เซ็นติเมตรต้องคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดเวลาที่โดยสาร ทำให้ทุกๆ บ้านที่มีลูกน้อยจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคาร์ซีทเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย และถ้าพ่อแม่คนไหนฝ่าฝืนไม่ใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กทารกแรกเกิด หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กเล็ก มีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท
- ปัจจัยในเรื่องของงบประมาณ
ในส่วนของงบประมาณ ขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ โดยปัจจุบันในตลาดมีคาร์ซีทหลากหลายให้เลือกจำนวนมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกคาร์ซีทที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยสากลที่อยู่ภายในงบประมาณของคุณพ่อคุณแม่นะคะ
Tips:
ควรเลือกคาร์ซีทแบบไหนให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของครอบครัวเรามากที่สุด?
- สำหรับบ้านที่มีลูกน้อยวัยแรกเกิดและมีความจำเป็นต้องเดินทางบ่อย ๆ โดยเฉพาะในช่วงขวบปีแรกที่ต้องพาลูกน้อยไปหาหมอหรือไปฉีดวัคซีน แนะนำ “ตะกร้าคาร์ซีท” ที่ช่วยมอบความคล่องตัวที่เหมาะสำหรับลูกน้อยวัยแรกเกิด ถึง 13 กิโลกรัม เช่น Joie รุ่น Gemm
- สำหรับครอบครัวที่อาจเดินทางไม่บ่อย ไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน แนะนำเลือกซื้อคาร์ซีทแบบติดตั้งอยู่กับรถ ที่สามารถติดตั้งได้ทั้งหันหน้าเข้า และ หันหน้าออก ไม่ว่าจะติดตั้งด้วยเบลล์ หรือ isofix จะคุ้มค่าและตอบโจทย์มากที่สุด เนื่องจากสามารถเลือกแบบการใช้งานในระยะยาวได้
- และสำหรับบ้านที่มีเด็กโตวัย 3 ขวบขึ้นไป คาร์ซีทที่เหมาะสมสำหรับเด็กโต คือ “บูสเตอร์ซีท” ที่ทำหน้าที่เหมือนคาร์ซีท เป็นการเพิ่มความปลอดภัยและความสูงให้กับเด็กๆ ให้มีความสูงที่เพียงพอในการคาดเข็มขัดนิรภัยบนรถยนต์ได้ โดยการเลือก Booster Seat คำนึงถึงปัจจัยในเรื่องของอายุ น้ำหนักและส่วนสูง โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 3 – 12 ปี หรือน้ำหนัก 15-36 kg. และ มีความสูง 100-145 cm.
เคล็ดลับเพิ่มเติมสำหรับการนั่งคาร์ซีทในแต่ละช่วงวัย
- แรกเกิด – 15 เดือน “ต้อง” นั่งหันหน้าเข้าหาเบาะด้านหลังรถ* (Rearward-facing baby seat) เพราะกระดูกคอและหลังยังไม่แข็งแรง หันหน้าเข้าเบาะหลังช่วยลดแรงกระแทก
- แรกเกิด – 6 ปี สามารถนั่งแบบ “ผสม” หันได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ (Combination seat)
- 9 เดือน –11 ปี สามารถเริ่มนั่งแบบหันหน้าไปด้านหน้ารถ (Forward-facing child seat)
- เด็กโต 3 ปี – 12 ปี นั่งแบบมีพนักพิงด้านหลัง (High-backed Booster Seat) หลังจากนั้น น้องจะเข้าสู่ช่วงโตเต็มวัย และสามารถใช้ Belt ที่มากับรถได้แล้ว