<1 พฤษภาคม 2564> การรวบรวมแอนิเมชั่น ไลฟ์แอคชั่น และการเล่าเรื่องราว เพื่อให้สอดคล้องกับจุดประสงค์สำคัญของ SK-II แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลก ที่กลับมาพร้อม SK-II STUDIO ภาคต่อไปอย่าง ‘VS’ ซีรีย์แอนิเมชั่นสุดแหวกแนวที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคน ว่าพวกเธอเหล่านั้นมีพลังในการเปลี่ยนโชคชะตา #CHANGEDESTINY
‘VS’ ซีรี่ย์ โดย SK-II STUDIO นำเสนอแอนิเมชั่น 6 เรื่องราวจากประสบการณ์จริงของ 6 นักกีฬาโอลิมปิก อย่าง
ซิโมน ไบลส์ ยอดนักยิมนาสติกระดับโลก, หลิว เซียง นักว่ายน้ำเจ้าของสถิติโลก, คาซูมิ อิชิคาวะ นักเทเบิลเทนนิสหญิง
ผู้ชนะเหรียญโอลิมปิกถึงสองครั้ง, อายากะ ทาคาฮาชิ และ มิซากิ มัทสึโทโมะ คู่หูแบดมินตันผู้ชนะเหรียญโอลิมปิก, มาฮินะ มาเอดะ นักโต้คลื่น, และ ฮิโนโทริ นิปปอน[1] ทีมนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติญี่ปุ่น พวกเขาได้ออกค้นหาความหมายของการเลือกเส้นทางและกำหนดชะตาชีวิตด้วยตัวเอง รวมถึงการเผชิญหน้าและเอาชนะจากความกดดันทางสังคมที่กำหนดว่าพวกเขาควรมีรูปลักษณ์ ปฏิบัติตัว และการควบคุมความรู้สึกอย่างไรที่จะทำให้พวกเขาดูสมบูรณ์แบบ
[1] “VS ขีดจำกัด” โดย SK-II STUDIO ถูกถ่ายทำในปี 2019 ร่วมกับทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติจากประเทศญี่ปุ่น ฮิโนโทริ นิปปอน ในปี 2019 เหล่านักกีฬาในแอนิเมชั่นนี้ได้ร่วมแชร์ปรัชญา #CHANGEDESTINY ของ SK-II ผ่านเรื่องราวจากชีวิตจริงที่พวกเธอที่บ่อยครั้งที่ต้องพบเจอกับความกดดันและคำวิจารณ์ อีกทั้งต้องเผชิญและประสบการณ์ที่ทำให้โชคชะตาของพวกเธอเปลี่ยนไป เรื่องราวของทีมฮิโนโทริ นิปปอนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือส่งผลต่อการคัดเลือกนักกีฬาใน Olympic Games Tokyo 2020
ในแต่ละตอนของ ‘VS’ ซีรีย์โดย SK-II STUDIO จะบอกเล่าแง่มุมต่างๆ ของแรงกดดันจากสังคมที่ผู้หญิงต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็น การเผชิญหน้ากับคำวิจารณ์จากพวกก่อกวน ความกดดัน การยึดติดกับภาพลักษณ์ การอยู่ใต้กฏเกณฑ์ ข้อจำกัด และวิธีคิดที่จะต้องสมบูรณ์แบบเหมือนเครื่องจักร ซึ่งจะบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้โดยใช้ “ไคจู” หรือที่แปลเป็นภาษาไทยว่าสัปปะหลาดร้าย เป็นตัวแทนเปรียบเสมือนปีศาจที่นักกีฬาทั้ง 6 คน ต้องเผชิญหน้าและต่อสู้กับมันเพื่อไล่ตามความฝันและชะตาชีวิตที่ตนกำหนด
การผสมผสานระหว่างแอนิเมชั่นและไลฟ์แอคชั่นของ ‘VS’ ซีรีย์ ครอบคลุมความหลากหลายประเภทของชนิดภาพยนตร์ อาทิ sci-fi แฟนตาซี แอคชั่น และกีฬา แต่ละตอนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีโลกจักรวาลกับสไตล์ในแบบของตัวเอง ผ่านการนำเสนอผลงานจากสตูดิโอแอนิเมชั่นชื่อดังที่ได้รับรางวัลอย่าง Imaginary Forces, Passion Pictures, Platige Imageและ C3 พร้อมเพลงต้นฉบับจากนักร้อง–นักแต่งเพลง อย่าง จอห์น เลเจนด์ (John Legend) และ เล็กซี่ หลิว (Lexie Liu)
ซึ่ง ‘VS’ ซีรี่ย์จะถูกปล่อยออกมาให้รับชมทั่วโลกพร้อมกันในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 ด้วยการเปิดตัวในรอบปฐมทัศน์ที่มณฑลไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมกับการเปิดตัวพ็อพอัพสตอร์ ในศูนย์การค้าปลอดภาษีไห่ถังของซานย่า (Sanya’s Haitang Bay Duty Free) และไหโข่ว โดยร่วมมือกับไชน่า ดิวตี้ ฟรี กรุ๊ป
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ SK-II ได้หยิบแนวความคิดที่แบบใหม่ที่ยังไม่ได้มีใครนำมาใช้เป็นที่แพร่หลายนักมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างหนังออกมา หลังจากเปิดตัวภาพยนตร์สั้นเรื่อง “The Center Lane” ที่ได้ผู้กำกับมากฝีมือเจ้าของหลากหลายรางวัลอย่าง ฮิโรคาสุ โคเรเอดะ มานำเสนอเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมายของนักว่ายน้ำ ริคาโกะ อิเคเอะ ที่กลับคืนสู่การแข่งขันว่ายน้ำอีกครั้งหลังจากรักษาตัวหายจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลกได้เปิดตัวสตูดิโอผลิตภาพยนตร์และเริ่มต้นเส้นทางในด้านอุตสาหกรรมบันเทิงเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ #CHANGEDESTINY ที่มุ่งเน้นในการนำเสนอเรื่องราวผ่านภาพยนตร์และแอนิเมชั่นหลากหลายรูปแบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและไม่เคยคาดถึง
นอกจากนี้ SK-II จะจัดตั้งกองทุน #CHANGEDESTINY โดยบริจาคเงิน 1 เหรียญสหรัฐสำหรับทุกการชมที่ได้รับจากภาพยนตร์แต่ละเรื่องของ SK-II STUDIO เพื่อสนับสนุนผู้หญิงให้กำหนดโชคชะตาของตัวเองสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจุดมุ่งหมายของแบรนด์ในปีนี้ เงินบริจาคทั้งหมดในกองทุน #CHANGEDESTINY จะถูกจำกัดไว้ที่ 500,000 เหรียญสหรัฐ โดยองค์กรที่เข้าร่วมจะได้รับการประกาศชื่อในภายหลัง
“#CHANGEDESTINY คือหัวใจสำคัญของจุดมุ่งหมายของแบรนด์ SK-II ของเรา ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราได้เฉลิมฉลอง
การที่โชคชะตาไม่ใช่เรื่องความบังเอิญแต่มาจากการตัดสินใจเลือก ผ่านเรื่องราวของผู้หญิงที่กล้าหาญทั่วโลก ในปีนี้เราต้องการต่อยอดและเสริมสร้างความมุ่งมั่นที่มีต่อจุดมุ่งหมายของแบรนด์ของเรา” Sandeep Seth หัวหน้าคณะผู้บริหาร SK-II Global กล่าว “เราได้ทราบจากการสนทนากับผู้บริโภคของเราว่า ยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่าเรื่องผิวพรรณและความงามที่พวกเขากังวล นอกจากนี้เรายังทราบว่าจากการแพร่ระบาดของโรคทำให้ผู้บริโภคมีความคาดหวังต่อแบรนด์และธุรกิจสูงขึ้น ด้วยการเปิดตัวภาพยนตร์ SK-II STUDIO เราเฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ #CHANGEDESTINY ของ SK-II เราหวังว่าภาพยนตร์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้หญิงทั่วโลกมีความกล้าที่จะกำหนดโชคชะตาด้วยมือของพวกเธอเองและเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับเราทั้งแบรนด์และธุรกิจ ร่วมกันสร้างพลังแห่งความดีและการเติบโตเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกและมีความหมาย”
เกี่ยวกับ SK-II
เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้วที่เอสเค-ทูได้เข้าถึงชีวิตของผู้หญิงทั่วโลกผ่านการมีผิวกระจ่างใสและชีวิตที่เราเป็นผู้กำหนดได้เอง เรื่องราวเบื้องหลังของเอสเค-ทูเริ่มต้นขึ้นหลังจากการสังเกตเห็นคนงานสูงวัยที่ทำงานในโรงบ่มสาเกในประเทศญี่ปุ่น มีใบหน้าที่มีริ้วรอย แต่กลับมีมือที่ดูอ่อนเยาว์และนุ่มอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาได้ค้นพบสาเหตุว่าเป็นเพราะมือของคนงานเหล่านั้นสัมผัสโดยตรงกับการหมักบ่มสาเกเป็นเวลาสม่ำเสมอ และได้นำมาศึกษาวิจัยเป็นเวลาหลายปีจนได้ส่วนผสมมหัศจรรย์อย่าง พิเทร่า™ ของเหลวชีวภาพทางธรรมชาติจากกระบวนการหมักบ่มยีสต์ นับแต่นั้นเป็นต้นมา พิเทร่า™ ก็กลายเป็นความลับพิเศษสู่ผิวกระจ่างใสสำหรับดาราทั่วโลกดังเช่น ทัง เหว่ย (Tang Wei), นี นี่ (Ni Ni), ชุน เชีย (Chun Xia), ฮารูกะ อายาเซะ (Haruka Ayase), คาซูมิ อาริมูระ (Kasumi Arimura), นาโอมิ วาตานาเบ้ (Naomi Watanabe) และ โคลอี เกรซ มอเรทซ์ (Chloe Grace Moretz) ติดตามทุก ๆ อัพเดทและข้อมูลของเอสเค-ทูได้ที่ https://www.sk-ii.co.th/
เกี่ยวกับ #CHANGEDESTINY
แคมเปญ #CHANGEDESTINY คือ หัวใจหลักของปรัชญาแห่งความงามของ SK-II ที่ต้องการจะทำให้เห็นว่า โชคชะตาไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่เป็นทางเดินที่เราสามารถเลือกได้เอง แรงบันดาลใจจากเรื่องราวของผู้หญิงทั่วโลกผ่านแคมเปญ #CHANGEDESTINY ได้เผยให้เห็นถึงแรงกดดันและ “กรอบ” ที่ผู้หญิงถูกครอบไว้เพื่อความสมบูรณ์แบบในสายตาของผู้คนในสังคม โดยผลงานจากแคมเปญ #CHANGEDESTINY ที่กวาดรางวัลมาแล้ว ได้แก่ “Marriage Market Takeover” ในปี 2559 ซึ่งได้ประสบความสำเร็จในการถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับกระแส “ผู้หญิงที่เหลืออยู่” หรือ “ผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน” ของประเทศจีน นอกจากนี้ ผลงานชิ้นอื่นที่ได้รับรางวัลยังมี “The Expiry Date” ในปี 2560 “Meet Me Halfway” ในปี 2561 และ “Timelines” ในปี 2562 ซึ่งเป็นซีรีส์เชิงสารคดีที่ได้ร่วมมือกับผู้ประกาศข่าวชื่อดังอย่าง เคธี่ คูริก ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับแรงกดดันจากการแต่งงานและความคาดหวังของสังคมที่ผู้หญิงทั่วโลกต้องเผชิญ