ไหว้พระปี 2565 ให้ดวงเฮง เพิ่มพลังเสริมบุญ เตรียมพร้อมกับดวงใหม่ชะตาชีวิตใหม่ ในปีใหม่ ด้วยการไหว้พระปางประจำวันเกิด วัดไหนพระปางไหนรวมไว้ที่นี่ที่เดียว
ไหว้พระปี 2565 ชวนไหว้พระปางประจำวันเกิดดวงเฮงทั้งปี
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ดังนั้นจึงมีวัฒนธรรม หรือความเชื่อต่าง ๆ ของคนส่วนใหญ่เกี่ยวข้อง เกี่ยวพันไปกับหลักศาสนาพุทธ ประเพณีการทำบุญ ไหว้พระ สวดมนต์ เป็นหลักความเชื่อของชาวพุทธแบบไทย ๆ เรา ซึ่งเป็นกุศโลบายที่ต้องการให้คนเข้าใกล้วัด เข้าใกล้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า การได้ไหว้พระทำบุญก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้จิตใจของเราสงบ มีสมาธิ และก่อให้เกิดปัญญา เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตสืบไป
พระพุทธรูป เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งที่ใช้ในการยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวพุทธ การได้กราบไหว้ ขอพร บูชาพระพุทธรูปทำให้เราได้ระลึกถึงหลักธรรม คำสอนของพระพุทธเจ้า และยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เราจะได้รับจากการไหว้พระ นั่นคือ ความอิ่มเอมใจ รู้สึกได้บุญ ได้รับพรจากสิ่งประเสริฐ ทำให้จิตใจเป็นสุข คิดหวังสิ่งใดก็มั่นใจว่าจะประสบผลสำเร็จ เรียกกันรวม ๆ ว่าได้บุญกลับไปนั่นเอง
ไหว้พระปี 2565 กับการไหว้พระประจำวันเกิด
เวลาเราเข้าวัดกราบพระประธาน เคยสังเกตกันไหมว่าจะมีพระพุทธรูปในลักษณะท่าทางต่าง ๆ ประดิษฐานอยู่ให้เราได้กราบไหว้เช่นกัน เรียกว่า “พระประจำวันเกิด” ซึ่งเป็นปางที่มีลักษณะต่างกันไปในแต่ละวัน พระปางประจำวันเกิดมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ควรบูชาแบบไหนถึงจะเฮง ดวงดีรับปีใหม่ เรามาทำความรู้จักกัน
ปางถวายเนตร พระประจำวันอาทิตย์
ลักษณะพระปางถวายเนตร : พระพุทธรูปที่อยู่ในพระอริยาบถยืน ลืมพระเนตรทั้งสองเพ่งไปข้างหน้า พระหัตถ์ทั้งสองห้อยลงมาประสานกันอยู่ระหว่างพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาซ้อนเหลื่อมพระหัตถ์ซ้าย อยู่ในพระอาการสังวรทอดพระเนตรดูต้นพระศรีมหาโพธิ์
ความเป็นมา : เมื่อครั้งพระบรมศาสดาได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ก็ได้ประทับเสวยวิมุตติสุข (สุขอันเกิดจากความสงบ) อยู่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์เป็นระยะเวลา 7 วัน จากนั้นได้เสด็จไปประทับยืน ณ ที่กลางแจ้งทางทิศอีสานของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ทอดพระเนตรต้นพระศรีมหาโพธิ์โดยไม่กระพริบพระเนตรเลยตลอดระยะเวลา 7 วัน ซึ่งสถานที่ประทับยืนนี้ได้มีนามปรากฏว่า “อนิมิสเจดีย์” มาจนปัจจุบัน เป็นเหตุแห่งการสร้างพระพุทธรูปปางนี้เรียกว่า ปางถวายเนตร ความหมายที่แท้จริงของการกราบไหว้พระพุทธรูปปางนี้ หมายถึงสัจธรรมอันบริสุทธิ์ คือพระอริยสัจ 4 นิยมสร้างเป็นพระพุทธรูปเพื่อสักการะบูชาประจำของคนเกิดวันอาทิตย์
ที่ปางนี้เป็นปางประจำวันอาทิตย์ น่าจะเป็นเพราะการยืนเพ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั้นเป็นทิศเดียวกับดวงอาทิตย์ในภูมิทักษา (การพยากรณ์ทางโหราศาสตร์ที่ใช้ดาวพระเคราะห์ ๙ ดวงเป็นเกณฑ์) และดวงอาทิตย์ยังมีความหมายถึงดวงตาด้วย
บทสวดมนต์บูชาพระประจำวันอาทิตย์
อุเทตะยัญจักขุมา เอกะราชา หะริสสะวัณโณ ปะฐะวิปปะภาโส ตัง ตัง นะมัสสามิ หะริสสะวัณณัง ปะฐะวิปปะภาสัง ตะยัชชะคุตตา วิหะเรมุ ทิวะสัง เย พราหมะณา เวทะคุ สัพพะ ธัมเม, เต เม นะโม เต จะ มัง ปาละยันตุ นะมัตถุ พึทธานัง นะมัตถุ โพธิยา, นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา อิมังโส ปะริตตัง กัตวา โมโร จะระติ เอสะนา
สวดวันละ 6 จบ จะมีความรุ่งเรืองและความสุขสวัสดีตลอดกาล และผู้ที่เกิดวันอาทิตย์พึงใช้สีที่เป็นมงคล สำหรับเครื่องนุ่งห่ม ประจำบ้านเรือน หรือเครื่องประดับควรเป็นของที่มีสีแดง จะเป็นสิริมงคลลาภผล ดียิ่งนัก ส่วนสีรองๆ ลงไป มีสีม่วง สีเขียว สีเทา สีเมฆหมอก สีดอกรัก พึงเว้น สีน้ำเงิน
วัดที่แนะนำสำหรับคนวันอาทิตย์
วัดราษฎร์อุปถัมภ์ (วัดบางเหรียง)
ที่ตั้ง หมู่ 4 ถนนโคกเจริญ-บางเหรียง ทับปุด พังงา
เป็นวัดที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางถวายเนตร พระพุทธรูปประจำพระชนมวารของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยเชื่อกันว่าหากคนที่เกิดวันอาทิตย์ได้มาไหว้พระปางถวายเนตรที่วัดนี้ จะทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง เสริมบารมี และสามารถฟันฝ่าทุกอุปสรรคปัญหาได้อย่างราบรื่น
ปางห้ามญาติ หรือปางห้ามสมุทร พระประจำวันจันทร์
ลักษณะปางห้ามญาติ : พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถยืน ยกพระหัตถ์ทั้งสองยกขึ้นเสมอพระอุระ (อก) ตั้งฝ่าพระหัตถ์ยื่นออกไปข้างหน้าเป็นกิริยาห้าม เป็นปางเดียวกันกับปางห้ามสมุทร ต่างกันตรงที่ปางห้ามญาติจะยกมือขวาขึ้นห้ามเพียงมือเดียว ส่วนปางห้ามสมุทร จะยกมือทั้งสองขึ้นห้าม แต่ส่วนใหญ่มักจะนิยมสร้างเป็นปางห้ามญาติ และนิยมทำเป็นแบบพระทรงเครื่อง
ความเป็นมา : ปางห้ามญาติเกิดขึ้นเนื่องจากพระญาติฝ่ายพุทธบิดาคือกรุงกบิลพัสดุ์ และพระญาติฝ่ายพุทธมารดา คือ กรุงเทวทหะ ซึ่งอาศัยอยู่บนคนละฝั่งของแม่น้ำโรหิณี เกิดทะเลาะวิวาทแย่งน้ำเพื่อไปเพาะปลูกกันขึ้น ถึงขนาดจะยกทัพทำสงครามกันเลยทีเดียว พระพุทธองค์จึงต้องเสด็จไปเจรจาห้ามทัพ คือ ห้ามพระญาติมิให้ฆ่าฟันกัน
ปางห้ามสมุทรเป็นพุทธประวัติ ตอนเสด็จไปโปรดพวกชฎิล (นักบวชประเภทหนึ่งที่นุ่งห่มหนังเสือ และนิยมบูชาไฟ) 3 พี่น้องได้แก่ อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ และคยากัสสปะ ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราพร้อมบริวาร 1,000 คน โดยได้แสดงพุทธปาฏิหารย์หลายอย่างเพื่อทำลายทิฎฐิมานะของชฎิลทั้งหลาย เช่น ห้ามลม ห้ามฝน ห้ามพายุ และห้ามน้ำท่วมที่เจิ่งนองตลิ่งมิให้มาต้องพระวรกายได้ อีกทั้งยังสามารถเดินจงกรมอยู่ใต้พื้นน้ำได้ ทำให้พวกชฎิลเห็นเป็นที่อัศจรรย์ และยอมบวชเป็นพุทธสาวก
ที่ปางนี้เป็นปางประจำวันจันทร์ น่าจะเป็นเพราะดวงจันทร์เป็นดาวประจำธาตุน้ำ และหมายถึงญาติพี่น้อง ปางนี้จึงเป็นปางที่ช่วยเรื่องการห้ามสิ่งไม่ดีที่จะเข้ามา
บทสวดมนต์บูชาพระประจำวันจันทร์
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะโย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง พุทธานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะโย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง ธัมมานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ
ยันทุนนิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะโย จามะนาโป สะกุณัสสะ สัทโท ปาปัคคะโห ทุสสุปินัง อะกันตัง สังฆานุภาเวนะ วินาสะเมนตุ
สวดวันละ 15 จบ จะมีความสุข ความเจริญปราศจากโรคาพยาธิทั้งปวง และผู้ที่เกิดวันจันทร์ควรใช้ของประดับตัว และบ้านเรือนเป็นสีขาว เหลืองอ่อน ๆ เป็นดีที่สุด ส่วนสีรอง ๆ ลงมา คือสีเขียว สีดำ สีกรมท่า สีน้ำเงิน พึงเว้นสีแดง
วัดที่แนะนำสำหรับคนวันจันทร์
วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร
ที่ตั้ง ถนนพระปกเกล้า ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200
เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านนา และเป็นที่ประดิษฐานของเจดีย์ขนาดใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ด้วย เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะพระปางห้ามญาติที่วัดเจดีย์หลวงแห่งนี้ก็จะพบกับความเจริญรุ่งเรือง ไร้ทุกข์ ไร้โศก และไร้โรคภัยต่าง ๆ
ปางไสยาสน์ พระประจำวันอังคาร
ลักษณะปางไสยาสน์ : พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถนอนตะแคงขวา พระบาททั้งสองข้างซ้อนทับเสมอกัน พระหัตถ์ซ้ายทาบไปตามพระวรกาย พระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นรับพระเศียรและมีพระเขนย (หมอน) รองรับ บางแบบพระเขนยวางอยู่ใต้พระกัจฉะ (รักแร้)
ความเป็นมา : ปางไสยาสน์ หรือบางทีก็เรียก ปางปรินิพพาน เป็นพุทธประวัติตอนที่พระพุทธองค์ได้รับสั่งให้พระจุนทะเถระปูอาสนะลงที่ระหว่างต้นรังคู่หนึ่ง แล้วทรงประทับบรรมทมแบบสีหไสยา ตั้งพระทัยไม่เสด็จลุกขึ้นอีก แต่ก็ยังได้โปรดสุภัททะปริพาชกเป็นอรหันต์องค์สุดท้ายก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายพากันเศร้าโศก ร่ำไห้ คร่ำครวญถึงพระองค์ พระอานนท์และพระอนุรุทธเถระได้แสดงธรรมเพื่อปลอบโยนมหาชน พุทธศาสนิกชนเมื่อรำลึกถึงการเสด็จปรินิพพานของพระองค์ จึงได้สร้างพระพุทธรูปปางนี้ขึ้น
ที่ปางนี้เป็นปางประจำวันอังคาร น่าจะเป็นเพราะดาวอังคารถือเป็นดาวมรณะ และพระพุทธเจ้าก็เสด็จดับขันธปรินิพพานในวันอังคารด้วย จึงเป็นปางที่ต้องการให้ระลึกถึงการใช้ชีวิตอย่างมีสติ อยู่อย่างสงบสุข
บทสวดมนต์บูชาพระประจำวันอังคาร
ยัสสานุสสะระเณนาปิ อันตะลิก เขปิ ปาณิโน ปะติฏฐะมะธิ คัจฉันติ ภูมิยัง วิยะ สัพพะทา สัพพูปัททะวะชาลัมหา ยักขะโจราทิ สัมภะวา คะณะนานะ จะ มุตตานัง ปะริตตันตัมภะณามะ เห
สวดวันละ 8 จบ จะเกิดผลดี และผู้ที่เกิดวันอังคาร ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรือนเป็นสีชมพู หรือ สีแดงหลัว ส่วนสีรอง ๆ ลงมาคือ สีดำ สีกรมท่า สีน้ำเงินแก่ สีเหลือง สีแดง พึงเว้นสีขาวนวล
วัดที่แนะนำสำหรับคนวันอังคาร
วัดโลกยสุธาราม
ที่ตั้ง : 199/29 ถนนอู่ทอง ประตูชัย พระนครศรีอยุธยา พระนครศรีอยุธยา 13000
เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ โดยมีความยาว 42 เมตร สูง 8 เมตร และเป็นพระนอนองค์ใหญ่ที่สุดในพระนครศรีอยุธยาด้วย เชื่อกันว่าพระพุทธไสยาสน์เป็นพระที่เต็มไปด้วยเมตตาบารมี หากผู้ที่เกิดวันอังคารได้มาสักการะจะได้รับพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม และขจัดซึ่งความลุ่มหลงมัวเมา
ปางอุ้มบาตร พระประจำวันพุธ
ลักษณะปางอุ้มบาตร : พระพุทธรูปจะอยู่ในอิริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองประคองบาตรราวสะเอว
ความเป็นมา : พระพุทธเจ้าได้สำแดงอิทธิปาฎิหารย์ เพื่อให้พระญาติผู้ใหญ่ได้เห็น และละทิฐิ จึงได้ตรัสเทศนาเรื่องพระมหาเวสสันดรชาดกครั้นแล้วพระญาติทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับโดยไม่มีใครทูลอาราธนาฉันพระกระยาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น ด้วยเข้าใจผิดคิดว่าพระองค์เป็นราชโอรสและพระสงฆ์ก็เป็นศิษย์ คงต้องฉันภัตตาหารที่จัดเตรียมไว้ในพระราชนิเวศน์เอง แต่พระพุทธองค์กลับพาพระภิกษุสงฆ์สาวกเสด็จจาริกไปตามถนนหลวงในเมือง เพื่อโปรดเวไนยสัตว์ (ผู้ที่พึงสั่งสอนได้)อันเป็นกิจของสงฆ์ และนับเป็นครั้งแรกที่ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ได้มีโอกาสชมพระพุทธจริยาวัตรขณะทรงอุ้มบาตรโปรดสัตว์ ประชาชนจึงต่างแซ่ซ้องอภิวาทอย่างสุดซึ้ง แต่ปรากฏว่าพระเจ้าสุทโธทนะ พุทธบิดาทรงทราบเข้า ก็เข้าใจผิดและโกรธพระพุทธองค์ หาว่าออกไปขอทานชาวบ้าน ไม่ฉันภัตตาหารที่เตรียมไว้ พระพุทธเจ้าจึงต้องทรงอธิบายว่า การออกบิณฑบาตรเป็นการไปโปรดสัตว์ มิใช่การขอทาน จึงเป็นที่เข้าใจกันในที่สุด
ที่ปางนี้เป็นปางประจำวันพุทธ น่าจะเป็นเพราะดาวพุธ เป็นดาวที่เกี่ยวกับการเดินทางและอาหารต่าง ๆ จึงทำให้เมื่อบูชาปางนี้จะพบแต่ความอุดมสมบูรณ์
บทสวดมนต์บูชาพระประจำวันพุธ
สัพพาสีวิสะชาตีนัง ทิพพะมันตาคะทัง วิยะ ยันนาเสติ วิสังโฆรัง เสสัญจาปิ ปะริสสะยัง อาณักเขตตัมหิ สัพพัตถะ สัพพะทา สัพพะปาณินัง สัพพะโสปิ นิวาเรติ ปะริตตันตัมภะณามะเห
สวดวันละ 17 จบ จะมีความสุขสวัสดียิ่ง ๆ ขึ้นไป และผู้ที่เกิดวันพุธ ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรืออนเป็นสีเขียว หรือสีเขียวใบไม้ ส่วนสีรอง ๆ ลงมา คือ สีเหลือง สีเทา สีดอกรัก สีเมฆหมอก สีขาวนวล พึงเว้น สีม่วง
วัดที่แนะนำสำหรับคนวันพุธ
วัดอินทรวิหาร
ที่ตั้ง : บางขุนพรหม พระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
เดิมชื่อวัดบางขุนพรหมนอก แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะเรียกว่า วัดหลวงพ่อโต เนื่องจากภายในเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อโต หรือพระพุทธศรีอริยเมตไตรย สำหรับคนที่เกิดวันพุธ หากได้มาสักการะหลวงพ่อโตปางอุ้มบาตรก็จะนำมาซึ่งความอุดมสมบูรณ์ เกิดเสน่ห์เมตตามหานิยม และประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
ปางสมาธิ พระประจำวัพฤหัสบดี
ลักษณะปางสมาธิ : พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ พระหัตถ์ทั้งสองวางหงายซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้าย พระชงฆ์ (แข้ง) ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย
ความเป็นมา : ปางที่เจ้าชายสิทธัตถะ หรือพระโพธิสัตว์ทรงประทับขัดสมาธิบนบัลลังก์หญ้าคาใต้ต้นมหาโพธิ์ ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา และได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 45 ปี ซึ่งก็ตรงกับวันวิสาขบูชา
ที่ปางนี้เป็นปางประจำวันพฤหัส น่าจะเป็นเพราะ ดาวพฤหัสเป็นดาวที่หมายถึงความสำเร็จ และสติปัญญา ซึ่งเปรียบเสมือนพระพุทธเจ้าที่ตรัสรู้และทรงสั่งสอนพุทธบริษัทและเหล่าเวไนยสัตว์ ทำให้มีความสอดคล้องกับดาวพฤหัสนั้นเอง
บทสวดมนต์บูชาพระประจำวันพฤหัสบดี
อัตถิโลเก สีละคุโณ สัจจังโสเจยยะ นุททะยา เตนะ สัจเจนะ กาหามิ สัจจะกิริยะมะนุตตะรัง อาวัชชิตวา ธัมมัพะลัง สะริตวา ปุพพะเก ชิเน สัจจะพะละมะสายะ สัจจะกิริยะมะกาสะหัง สันติ ปักขา อะปัตตะนา สันติ ปาทา อะวัญจะนา มาตาปิตา จะนิกขันตา ชาตะเวทะ ปฏิกกะมะ สะหะ สัจเจกะเต มัยหัง มะหาปัชชะลิโต สิขี วัชเชสิ โสฬะสะ กะรีสานิ อุทะกัง ปัตวา ยะถา สิขี สัจเจนะ เม สะโม นัตถิ เอสา เม สัจจะปาระมีติ
สวดวันละ 19 จบ จะมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป และผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี พึงใช้เครื่องประดับและบ้านเรือนเป็นสีเหลืองหรือสีไพล ส่วนสีรองลงมาคือ สีน้ำเงิน สีแดง สีเขียว พึงเว้น สีดำ สีกรมท่า และสีน้ำเงินแก่
วัดที่แนะนำสำหรับคนวันพฤหัสบดี
วัดพระหยก จังหวัดเชียงราย
ที่ตั้ง : บางคูเวียง เมืองเชียงราย เชียงราย 11130
เป็นวัดที่ค้นพบ “พระแก้วมรกต” หรือ “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” ซึ่งซ่อนอยู่ในพระเจดีย์ ซึ่งปัจจุบันได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในกรุงเทพฯ ชาวเชียงรายจึงได้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหม่ขึ้นมาแทน เรียกกันว่า “พระหยกเชียงราย” ซึ่งเชื่อกันว่าใครที่ได้มาสักการะพระหยกเชียงราย จะทำให้ประสบความสำเร็จและมีสติปัญญาหลักแหลม
ปางรำพึง พระประจำวันศุกร์
ลักษณะปางรำพึง : พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถยืน พระหัตถ์ทั้งสองประสานกันยกขึ้นประทับที่พระอุระ (อก) พระหัตถืขวาทับพระหัตถ์ซ้าย
ความเป็๋นมา : ภายหลังจากที่ตรัสรู้ได้ไม่นาน พระพุทธเจ้าซึ่งประทับอยู่ภายใต้ต้นไทร (อชปาลนโครธ) ก็ได้ทรงรำพึงพิจารณาถึงธรรมที่ตรัสรู้ว่าเป็นธรรมที่มีความละเอียดลึกซึ้ง ยากที่มนุษย์ปุถุชนจะรู้ตามได้จึงเกิดความท้อพระทัย ท้าวสหัมบดีพรหมได้มากราบทูลอาราธนาเพื่อทรงแสดงธรรมว่าในโลกนี้บุคคลที่มีกิเลสเบาบางพอฟังธรรมได้ยังมีอยู่ พระพุทธองค์ได้ทรงพิจารณาแล้วก็เห็นชอบด้วย ตั้งพุทธปณิธานจะใคร่ดำรงพระชนม์อยู่จนกว่าจะได้ประกาศพระพุทธศาสนา ให้แพร่หลาย เป็นเหตุให้สร้างพระพุทธรูปที่เรียกว่า ปางรำพึง
ที่ปางนี้เป็นปางประจำวันศุกร์ น่าจะเป็นเพราะดาวศุกร์เป็นตัวแทนเกี่ยวกับโลกีย์ ที่ต้องใช้อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด เปรียบเสมือนพระพุทธเจ้าที่ต้องคิดถึงเรื่องธรรมะที่ต้องเผยแพร่เป็นเรื่องที่สวนทางกับจิตใจมนุษย์ แต่นั้นจะทำให้มนุษย์ตระหนักคิดได้ว่าให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติ อย่าลุ่มหลงไปกับกิเลส
บทสวดมนต์บูชาพระประจำวันศุกร์
อัปปะสันเนติ นาถัสสะ สาสะเน สาธุสัมมะเต อะมะนุสเสหิ สะทา กิพพิสะการิภิ ปะริสานัญจะตัสสันนะ มะหิงสายะจะคุตติยา ยันเทเสสิ มะหาวีโร ปะริตตันตัมภะณามะ เห
สวดวันละ 21 จบ จะมีความสุขสวัสดีตลอดกาลนาน และผู้ที่เกิดวันศุกร์ พึงใช้เครื่องประดับและบ้านเรือนเป็นสีฟ้าหรือสีน้ำเงินแก่ ส่วนสีรองลงมาคือ สขาวนวล สีม่วง สีเหลือง พึงเว้นสีเทา สีเมฆหมอก สีดอกรัก
วัดที่แนะนำสำหรับคนวันศุกร์
วัดป่าแสงอรุณ
ที่ตั้ง : 449 หมู่ 9 บ้านเลิงเปือย ในเมือง เมืองขอนแก่น ขอนแก่น 17000
วัดป่าแสงอรุณ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า สิมอีสาน เป็นวัดที่มีความงดงามด้านสถาปัตยกรรม อีกทั้งจิตรกรรมฝาผนังลายผ้าไหมมัดหมี่ซึ่งบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของจังหวัดขอนแก่นได้เป็นอย่างดี และหากใครที่ได้มาสักการะพระพุทธรูปปางรำพึง ก็จะนำมาซึ่งความสุขความเจริญ ป้องกันสิ่งชั่วร้าย และเป็นสิริมงคล
ปางนาคปรก พระประจำวันเสาร์
ลักษณะปางนาคปรก : พระพุทธรูปอยู่ในพระอริยาบถประทับ (นั่ง) ขัดสมาธิ หงายพระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบนพระเพลา (ตัก) พระหัตถ์ขวาซ้อนทับพระหัตถ์ซ้ายเหมือนปางสมาธิ แต่มีพญานาคขนดร่างเป็นวงกลมเป็นพุทธบัลลังก์และแผ่พังพานปกคลุมอยู่เหนือพระเศียร
ความเป็นมา : พญานาคตนหนึ่งชื่อ “มุจลินท์นาคราช” ได้ขึ้นมาแสดงอิทธิฤทธิ์เข้าไปวงขนด 7 รอบ แล้วแผ่พังพานปกพระพุทธเจ้าไว้ป้องกันมิให้ฝนตกต้องพระวรกาย เหมือนกั้นเศวตฉัตรถวายพระผู้มีพระภาคเจ้า ทั้งป้องกันเหลือบ ยุง บุ้ง ร่าน ริ้น และสัตว์เลื้อยคลานทั้งมวลอีกด้วย เพื่อเป็นการถวายความเคารพ
ที่ปางนี้เป็นปางประจำวันเสาร์ น่าจะเป็นเพราะ วันเสาร์เป็นวันแข็งและดาวเสาร์ก็เป็นดาวบาปเคราะห์ใหญ่ คนที่เกิดวันนี้จึงมีลักษณะดวงอาภัพ จึงให้ปางนาคปรกเป็นปางประจำวัน เพื่อที่จะได้เหมือนให้พญานาคปรก คุ้มครองปกป้องให้พ้นทุกข์ภัยต่าง ๆ
บทสวดมนต์บูชาพระประจำวันเสาร์
ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต, นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตาฯ เตนะ สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะ
สวดวันละ 10 จบ จะมีความสุขความเจริญและเกิดความสวัสดีมีมงคลตลอดกาลนาน และผู้ที่เกิดวันเสาร์ พึงใช้เครื่องประดับและบ้านเรือนเป็นสีดำหลัว หรือสีม่วง ส่วนสีรอง ๆ ลงมา คือ สีเทา สีเมฆหมอก สีดอกรัก สีน้ำเงิน พึงเว้นสีเขียว
วัดที่แนะนำสำหรับคนเกิดวันเสาร์
วัดทุ่งเสลี่ยม
ที่ตั้ง : ทุ่งเสลี่ยม ทุ่งเสลี่ยม สุโขทัย 64150
เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อศิลาปางนาคปรก ซึ่งเป็นพระพุทธรูปได้ที่รับอิทธิพลมาจากเขมรและมีความเก่าแก่ โดยคาดว่าถูกสร้างในศตวรรษที่ 18-19 และยังเลื่องชื่อพุทธคุณด้านเมตตาอีกด้วย และใครที่ได้มาสักการะก็จะนำมาซึ่งการบรรเทาทุกข์ให้เบาบางลง และเป็นการเตือนให้ลดการถือตนเป็นใหญ่ และมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วย
ได้ ไหว้พระประจำปี 2565 กันตั้งแต่ต้นปีใหม่แบบนี้ หวังว่าคงจะทำให้สุขใจ สบายใจกันไม่น้อย ได้เพิ่มบุญ เสริมบารมีกันแล้วก็อย่าลืมทำบุญ ทำทาน ทำจิตใจให้ผ่องใสกันตลอดทั้งปีอย่าได้ขาด บุญกุศลจะได้นำพาความสุขความเจริญมาสู่ตัวเรา และครอบครัว
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิง และรูปภาพจาก www.kapook.com/thai.tourismthailand.org
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่