เล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน นิทานเจ้าหญิง นิทานเล่าให้ลูกสาวฟัง ช่วยเสริมสร้างจินตนาการให้ลูกน้อย สร้างความเพลิดเพลิน หลับอย่างอารมณ์ดี มีความสุข
นิทานเจ้าหญิง นิทานเสริมสร้างจินตนาการสำหรับลูกสาว
การอ่านนิทานโดยไม่มีภาพ เป็นการช่วยเสริมสร้างจินตนาการอีกทางหนึ่ง เด็กจะเกิดภาพในความคิดของตัวเอง หรือจะมีคำถามต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ช่างสังเกต ช่วยพัฒนาการทางด้านสมอง เช่น ลูกอาจถามพ่อแม่ว่า เจ้าหญิงใส่ชุดสีอะไร ผมสั้นหรือยาว เป็นต้น ทีมกองบรรณาธิการ ABK จึงนำ นิทานเจ้าหญิง ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก มาฝากคุณพ่อคุณแม่ เพื่อนำไปเล่าให้ลูกฟังก่อนนอนกันค่ะ
นิทานเจ้าหญิง นิทานเสริมสร้างจินตนาการสำหรับลูกสาว
เรื่อง ซินเดอเรลล่า Cinderella
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว …มีสาวน้อยคนหนึ่งเธอชื่อ”ซินเดอเรลล่า” เดิมเธอมีชื่อว่า “เอลล่า” (Ella) เป็นบุตรสาวของเศรษฐีผู้มั่งมี มารดาของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเล็ก เป็นเหตุให้บิดาของเอลล่าจำใจแต่งงานใหม่กับมาดามผู้หนึ่งซึ่งเป็นหม้ายและมีลูกสาวติดมาสองคนเพราะอยากให้เอลล่ามีแม่ ไม่นานนักหลังจากนั้น เศรษฐีผู้เป็นบิดาก็เสียชีวิต ทำให้ธาตุแท้ของแม่เลี้ยงปรากฏขึ้น นางกับลูกสาวใช้งานเอลล่าราวกับเป็นสาวใช้ และใช้จ่ายทรัพย์ที่เป็นของเอลล่าอย่างฟุ่มเฟือย ที่ร้ายกว่านั้น ทั้งสามยังเปลี่ยนชื่อของเอลล่า เป็น ซินเดอเรลล่า ที่แปลว่า สาวน้อยในเถ้าถ่านเพราะพวกนางใช้งานเอลล่าจนเสื้อผ้าขาดปุปะมอมแมมไปทั้งตัวนั่นเอง
ซินเดอเรลล่ายอมทนลำบากทำงานเรื่อยมาจนกระทั่งวันหนึ่ง มีจดหมายเรียนเชิญหญิงสาวทั่วอาณาจักรให้มาที่พระราชวังเพื่อร่วมงานเต้นรำ แต่ความหมายที่แท้จริงก็คือ พระราชา ต้องการหาคู่ครองให้กับเจ้าชายซึ่งเป็นพระโอรสองค์เดียว จึงใช้งานเต้นรำบังหน้า เมื่อรู้ข่าว ลูกสาวทั้งสองต่างพากันดีใจที่บางทีตนอาจมีโอกาสได้เต้นรำและได้แต่งงานกับเจ้าชายก็เป็นไปได้ เช่นกันกับซินเดอเรลล่า เพราะเธอใฝ่ฝันมาตลอดเวลาว่าจะได้เต้นรำในฟลอร์ที่งดงามและเป็นอิสระจากงานบ้านอันล้นมือเหล่านี้ แต่แน่นอน เมื่อเด็กสาวขอไป แม่เลี้ยงใจร้ายจึงกลั่นแกล้งต่างๆ นานาจนซินเดอเรลล่าไม่มีชุดใส่ไปงานเต้นรำ
ซินเดอเรลล่าเสียใจมาก จึงหนีไปร้องไห้อยู่คนเดียว ทันใดนั้นนางฟ้าแม่ทูนหัวของซินเดอเรลล่าก็ปรากฏตัวขึ้นและบันดาลชุดที่สวยงามที่สุดให้ซินเดอเรลลา พร้อมกับบอกให้เด็กสาวไปงานเต้นรำ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องกลับมาก่อนเที่ยงคืน ไม่เช่นนั้นเวทมนตร์จะเสื่อมลงไปในทันที
ซินเดอเรลล่าได้ทำตามความฝัน แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือ คู่เต้นรำที่เธอก็ไม่ทราบว่าเป็นใครนั้นคือเจ้าชายนั่นเอง ทั้งสองตกหลุมรักกันทั้งที่ยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย แต่เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ซินเดอเรลล่าก็รีบหนีไปโดยลืมรองเท้าแก้วเอาไว้ เจ้าชายเก็บรองเท้าไว้ได้จึงประกาศว่าจะทรงแต่งงานกับหญิงสาวที่สวมรองเท้าแก้วนี้ได้เท่านั้น
เสนาบดีได้นำรองเท้าแก้วไปตามบ้านต่างๆ เพื่อให้หญิงสาวทั่วอาณาจักรได้ลอง จนมาถึงบ้านแม่เลี้ยง เมื่อลูกสาวทั้งสองลองครบแล้ว นางก็โกหกว่าไม่มีหญิงสาวในบ้านอีก พร้อมทำลายรองเท้าแก้วจนแตกละเอียด ทุกคนต่างหมดหวังว่าจะไม่สามารถหาหญิงปริศนาของเจ้าชายพบ แต่สุดท้าย ซินเดอเรลล่าก็หยิบรองเท้าแก้วอีกข้างที่เก็บไว้ขึ้นมาและสวมให้กับเหล่าเสนาได้ดู ทำให้ซินเดอเรลล่าได้แต่งงานกับเจ้าชาย และมีความสุขตราบนานเท่านาน
เรื่อง โฉมงามกับเจ้าชายอสูร Beauty and the Beast
พ่อค้าผู้ร่ำรวยผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองกับลูกสาวสามคน ลูกสาวคนสุดท้องได้รับการตั้งชื่อว่า เบลล์ (แปลว่าสวยงาม ในภาษาฝรั่งเศส: Belle) เพราะว่าเธอเป็นเด็กที่มีจิตใจดีและบริสุทธิ์ พ่อค้าผู้มั่งมีผู้นั้นในที่สุดก็ได้สูญเสียทรัพย์หลวงใหญ่ที่เขามี ความโชคร้ายของเขานั้น ทำให้เขากับลูกทั้งสาม ต้องย้ายที่พักอาศัยไปอยู่แถบชนบท หลังจากการอาศัยอยู่กับความลำบากผ่านมาเป็นปีๆ นี้แล้ว พ่อค้าเขาได้รับข่าวว่าเรือสรรพสินค้าที่เขาเคยส่งออกขายในอดีต ได้กลับเข้ามาสู่ท่าเรือ ซึ่งเป็นเรือที่หนีเจ้าหนี้มาได้ ดังนั้นพ่อค้าผู้นั้นได้ตัดสินใจว่า เขาจะไปดูในเมืองว่าเรือนี้ยังมีอะไรเหลือให้เขาและลูกอยู่
ก่อนที่เขาจะจากลูกๆ ในชนบทไปในเมือง เขาได้ถามลูกๆ ว่าอยากได้ของขวัญอะไร ลูกคนโตทั้งสองได้บอกพ่อของพวกเธอว่าพวกเธอประสงค์เครื่องเพชร และชุดสวยงาม โดยคิดว่าพ่อจะต้องกลับมาพร้อมกับความร่ำรวย เบลล์ลูกสาวสุดท้อง อยากได้แค่เพียงดอกกุหลาบเพียงดอกเดียว เพราะไม่มีกุหลาบโตแถวชนบท พอพ่อค้าได้ถึงท่าเรือ เขาก็ได้เจอกับความผิดหวัง เพราะเรือสรรพสินค้านั้น ได้ถูกเจ้าหนี้ยึดไปเสียแล้ว ซึ่งทำได้เขาไม่มีเงินที่จะซื้ออะไรให้ลูกของเขาเลย
ระหว่างการเดินทางกลับของเขา พ่อค้าได้หลงทางในป่า เขาเข้าไปในปราสาท โดยการที่ต้องการหาที่พักอาศัย พอเดินเข้าไปข้างใน เขาได้พบว่าในข้างใน ได้มีโต๊ะที่มีอาหารและเครื่องดืมมากมาย ซึ่งพ่อค้ารู้ทันทีเลยว่าเจ้าของปราสาทต้องจัดไว้ให้ พ่อค้าจึงรับของเหล่านี้โดยการรับประทาน ระหว่างที่เขากำลังจะเดินกลับจากปราสาท พ่อค้าก็ได้เจอ สวนดอกกุหลาบ และเขาจำได้ทันทีเลยว่า กุหลาบเป็นสิ่งที่เบลล์ต้องการ ในขณะที่เขากำลังเด็ดดอกกุหลาบ เขาก็ได้พบเจอกับอสูร ซึ่งทำให้พ่อค้ารู้เลยว่า ดอกกุหลาบคือสิ่งที่อสูรรักและหวงมาก อสูรตัดสินใจว่าจะลงโทษการกระทำของพ่อค้า ด้วยการขังพ่อค้าโดยไม่มีวันปล่อย พ่อค้าขอร้องอสูรอิสรภาพ โดยบอกอสูรว่าที่เขาทำลงไป ก็เพราะเขาต้องการทำให้ลูกสาวของเขา เขาอยากได้ดอกกุหลาบเป็นของขวัญให้ลูกคนเล็ก เมือฟังแล้ว อสูรก็ปล่อยพ่อค้า โดยมีข้อแม้ว่าพ่อค้าจะต้องนำตัวลูกสาวเขามาแทนที่ตน
พ่อค้าโศกเศร้ามาก แต่เขายอมทำสิ่งที่อสูรต้องการ เมื่อกลับมาถึงบ้าน พ่อค้าพยายามปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นจากเบลล์ แต่เบลล์เธอก็จับได้ และยินยอมที่จะไปเป็นนักโทษในปราสาทของอสูร เพราะเธอรู้ผิดที่ว่าเธอเป็นผู้ที่ต้องการกุหลาบนั้นตั้งแต่ทีแรก ในปราสาท เบลล์ได้รับการเลี้ยงดูและการเอาใจใส่อย่างดีงามมาก โดยได้รับเป็นแขกชั้นสูง อสูรได้มอบชุดสวยงามและอาหารอย่างดีให้เธอ อสูรได้สนทนากับเบลล์ทุกๆ คืน และทุกๆ คืน อสูรได้ขอเบลล์สมรส แต่ถูกปฏิเสธทุกครั้ง และทุกครั้งที่เธอปฏิเสธการสมรส เธอก็ได้ฝันเห็นถึงเจ้าชายโฉมงาม ผู้ที่ต้องการอยากรู้ว่าด้วยเหตุใดเธอถึงทำเช่นนี้กับเขา เบลล์ไม่คิดว่าเจ้าชายโฉมงามจะมีการเกี่ยวข้องกับอสูร (เธอไม่คิดว่าเป็นคนเดียวกัน) เธอกลับคิดว่าอสูรได้กักขังเจ้าชายโฉมงามไว้ในปราสาท เพราะฉะนั้น เบลล์จึงค้นหาทุกซอกทุกมุมในปราสาท แต่ไม่เคยเจอเจ้าชายโฉมงามในฝันของเธอเลย
ในที่สุด เบลล์ก็เกิดอาการคิดถึงบ้าน และอ้อนวอนให้อสูรปลดปล่อยเธอไปหาครอบครัวเธอ อสูรทำตามใจเบลล์ แต่ต้องสัญญาว่าจะกลับมาภายในหนึ่งสัปดาห์ เบลล์ให้คำสัญญา และกลับบ้านพร้อมกับกระจกวิเศษและแหวนวิเศษ กระจกวิเศษนี้สามารถทำให้เธอมองเห็นผ่านความเงา และเห็นความเป็นอยู่ของปราสาท ส่วนแหวนวิเศษมีเวทมนตร์ที่ทำให้เธอกลับมาปราสาทได้ โดยต้องหมุนแหวนในนิ้วนางสามรอบ พอถึงบ้านพี่สาวทั้งสองได้เห็นเบลล์อยู่สุขสบายกว่าพวกเธอ และมีเสื้อผ้าที่หรูหราใส่ พวกเธอจึงริษยาน้องสาวขึ้นมาทันที ด้วยไฟริษยาและรู้ว่าเบลล์ต้องกลับภายในหนึ่งสัปดาห์ พี่สาวทั้งสองจึงเล่นละครแกล้งร้องไห้ร่ำไรไม่ให้เบลล์กลับไปปราสาท ด้วยสัญชาตญาณที่ดีของเบลล์ เธอจึงตัดสินใจไม่กลับ
เบลล์เกิดรู้สึกไม่ดีที่ผิดสัญญากับอสูร และใช้กระจกวิเศษมองดูว่าอสูรเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อมองในกระจก เธอได้เห็นว่าอสูรกำลังนอนใกล้จะตายด้วยความอกหัก อยู่ที่สวนกุหลาบตรงที่พ่อเธอเคยแอบเด็ดไว้ เมื่อเห็นภาพที่อนาถตาแล้ว เธอจึงใช้แหวนวิเศษกลับไปหาอสูรที่ปราสาททันที
เมื่อเบลล์ถึงสวนดอกกุหลาบ อสูรก็ได้สิ้นชีวิตแล้ว เธอร้องไห้เศร้าโศกเสียใจ และพูดเสียงแผ่วเบาหลายๆ รอบ ว่าเธอรักอสูร แต่เมื่อน้ำตาเธอหยดลงบนอสูร อสูรก็ได้ฟื้นคืนชีพกลับมา และร่างกายเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงกายเป็นเจ้าชายโฉมงาม (เจ้าชายผู้เดียวกันที่เคยมาเยือนในฝันเบลล์) เจ้าชายผู้นี้เลยเล่าเรื่องให้เบลล์ฟังว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นางฟ้าสาปให้เขากลายเป็นอสูรที่อัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว หลังจากที่ปฏิเสธให้ความช่วยเหลือเธอ ซึ่งหนีฝนมา นางฟ้าบอกเจ้าชายว่า วิธีเดียวที่จะทำให้คำสาปหายคือการหารักแท้ โดยที่ไม่ใช่รูปโฉม
เรื่อง เงือกน้อยผจญภัย The Little Mermaid
ราชาแห่งท้องทะเลอาศัยอยู่ในทะเล ปราสาทของเขาทำจากเปลือกหอยและหินที่เปล่งประกายแวววับ แม่และลูกสาวของเขาก็อาศัยอยู่ด้วยกันกับเขา ลูกสาวทุกคนของเขาสวย แต่ลูกสาวคนเล็กสวยที่สุด เธอไม่เหมือนคนอื่น พี่ๆของเธอชอบเล่น แต่เธอชอบฟังนิทาน
ย่าของเธอพูดว่า จริงๆ แล้ว หลานจะสามารถท่องโลกกว้างได้เมื่ออายุ 15 ปี โดยเมื่อเธออายุ 15 ปี ย่าของเธอจะตกแต่งเธอด้วยดอกลิลลี่ ต่อมาย่าก็ได้สั่งเปลือกหอยนางรมเพื่อติดประดับที่หางของเธอ พวกเธอได้ว่ายขึ้นไปยังผิวน้ำ ในขณะที่พวกเธอไปถึงผิวน้ำ เงือกน้อยเห็นเรือขนาดใหญ่ ซึ่งมีกะลาสีกำลังร้องเพลงและเต้นรำ เธอยังคงเฝ้ามองดูพวกเขาอย่างเงียบๆ
ในตอนค่ำ มีการเฉลิมฉลองบนเรือเพราะว่าเป็นวันเกิดของเจ้าชาย เงือกน้อยหลงใหลในตัวเจ้าชาย แต่แล้วก็มีพายุหนัก พัดผ่านทะเลคืนนั้น เงือกน้อยเห็นเรือกำลังจม กะลาสีทุกคนจมน้ำ และเธอดำลงทะเลอย่างรวดเร็ว และช่วยชีวิตเจ้าชาย เจ้าชายสลบไม่ได้สติ
ในตอนเช้า เงือกน้อย นำเจ้าชายขึ้นฝั่ง เธอวางเจ้าชายบนทราย เธอกลับไปยังทะเล เพราะเธอไม่ต้องการให้ใครเห็นเธอ ไม่นานต่อมา สาวสวยคนหนึ่งเดินผ่านมาเห็นเจ้าชายนอนอยู่ที่นั่น หล่อนนำเขาไปยังบ้านที่อยู่ใกล้ๆ โดยความช่วยเหลือจากชาวประมง
ขณะเดียวกัน เงือกน้อยยังคงคิดถึงเจ้าชาย เธอพยายามที่จะมองหาเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ (ไม่เจอ) เมื่อเธอบอกบรรดาพี่สาวเกี่ยวกับเจ้าชาย พี่สาวของเธอได้ค้นหาปราสาทของเจ้าชายจนเจอ ตอนนี้ เธอรอคอยใกล้ๆ ปราสาทของเขาเพื่อจะได้เห็นเขาเสมอ ย่าของเธอบอกว่า เรามีชีวิตที่ยืนยาวกว่ามนุษย์ แต่วิญญาณของเขาจะคงอยู่ตลอดไป ตอนนี้ เงือกน้อยต้องการที่จะได้วิญญาณของมนุษย์
ด้วยเหตนี้ เธอจึงไปหาพ่อมดทะเลผู้ที่มีเวทมนต์ พ่อมดพูดว่า ฉันจะให้ขามนุษย์แก่เธอสองข้าง โดยแลกเปลี่ยนกับหางของเธอ แต่เธอจะต้องให้เสียงแก่ฉัน และถ้าเจ้าชายรักคนอื่น เธอจะต้องกลายเป็นฟองน้ำทะเลสีขาว เงือกน้อยผงกหัวเพื่อตอบว่า ตกลง ต่อมา พ่อมดเอาน้ำอมฤตให้เธอดื่ม เมื่อเธอดื่มน้ำอมฤตที่ขม เธอก็สลบไสล
เมื่อเธอได้สติ เธอก็พบว่าเธออยู่ในอ้อมแขนของเจ้าชาย เธอมีสองขา แทนที่หาง
เจ้าชายพาเธอไปยังปราสาท ที่นั่นเธอสนุกสนานและเพลิดเพลินตลอดวัน แต่เธอไม่สามารถแม้แต่จะพูดหรือร้องเพลงได้ เธอและเจ้าชายมีความสุข
วันหนึ่ง ราชาได้รับสั่งให้เจ้าชายแต่งงานกับลูกสาวของกษัตริย์ที่อยู่เมืองติดกัน
เมื่อเจ้าชายได้เห็นเจ้าหญิง เจ้าชายพบว่าเธอเป็นคนเดียวกันที่ช่วยชีวิตของเขาไว้บนชายหาด เจ้าชายตกหลุมรักเธอ และในบัดนั้น ที่นั่นก็ได้ตัดสินใจแต่งงานกับเธอ
เหตุการณ์นี้ ทำให้เงือกน้อยเสียใจ เธอรู้ว่าเวลาตายของเธอใกล้เข้ามาแล้ว และเธอพยายามที่จะใช้เวลาอยู่กับเจ้าชายให้ได้มากที่สุด แต่เธอก็ไม่อาจบอกรักเจ้าชายได้ เพราะเธอไม่สามารถพูดได้
ขณะเดียวกัน พี่สาวของเธอก็รู้เรื่องนี้ด้วย พวกหล่อนได้นำมีดคาถาจากพ่อมดมาให้เธอ
พวกหล่อนพูดว่า เงือกน้อย เงือกน้อย ตอนนี้เธอต้องฆ่าเจ้าชายขณะที่เจ้าชายหลับ เป็นทางเดียว ที่เธอจะสามารถกลับสู่ทะเลในสภาพเงือกได้
เงือกน้อยเข้าไปยังห้องเจ้าชายตอนกลางคืนอย่างเงียบๆ เธอจูบเขา แต่ไม่สามารถทำร้ายเขาด้วยมีด เพราะเธอรักเขา ดังนั้น หลังจากที่มองเจ้าชายเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว เธอก็กระโดดลงสู่ทะเล เธอพบว่าตัวเองอยู่บนท้องฟ้ากับเหล่าดาวระยิบระยับ และตอนนี้ เธอได้อยู่บนฟ้าอย่างมีความสุข
พาลูกเข้านอนด้วยการเล่านิทานให้ลูกฟัง นิทานเจ้าหญิง ที่ ทีมกองบรรณาธิการ ABK นำมาฝากนี้ เป็นเทพนิยายคลาสสิก ได้รับความนิยมทั่วโลก เป็นกิจกรรมในครอบครัวก่อนนอน สร้างความอบอุ่นและจินตนาการให้กับลูก
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
20 นิทานอีสปสั้นๆ เน้นคติเตือนใจ เหมาะกับทุกวัย จบแบบยิ้มได้ไม่รุนแรง
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://nitanstory.com
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่