เลี้ยงลูกกับสุนัขด้วยกัน – คุณอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “สุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์” แต่สำหรับประเด็นที่จะพูดถึงในวันนี้ เราอาจพูดได้ว่า “สุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเด็ก” ด้วยค่ะ สำหรับบ้านที่มีลูกๆ วัยเตาะแตะ อาจเคยมีคำถามว่า เราจะเลี้ยงสุนัขร่วมให้อยู่ร่วมกับเด็กได้ไหม? เลี้ยงสุนัขในบ้านที่มีเด็กจะทำให้เด็กป่วยหรือเปล่า? อาจจะด้วยความที่บ้านเราเป็นเมืองร้อน การรักษาความสะอาดเนื้อตัวของสุนัขอาจทำได้ยากกว่าในต่างประเทศที่การเลี้ยงลูกๆ ไปพร้อมกับมีสุนัขรายล้อมดูจะเป็นเรื่องปกติธรรมดามากๆ วันนี้เรามาลองดูข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้กันก่อนค่ะ ว่าทำไมในต่างประเทศถึงได้นิยมเลี้ยงลูกเล็กๆ ไปพร้อมกับการที่มีสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัขอยู่ในบ้าน พวกเขาไม่กลัวลูกๆ จะป่วยหรือได้รับอันตรายจากเจ้าตูบกันบ้างเหรอ?
วิจัยเผย! เลี้ยงลูกกับสุนัขด้วยกัน ได้ประโยชน์กว่าที่คิด
ประโยชน์ของการเลี้ยงลูกกับน้องหมาให้อยู่ด้วยกัน
1. ทารกที่อยู่ร่วมกับสุนัขเจ็บป่วยน้อยลง
ผลการศึกษาล่าสุดโดย Kuopio University Hospital ในฟินแลนด์ พบว่า ทารกที่อาศัยอยู่กับสุนัขในช่วงขวบปีแรกของชีวิต มีโอกาสเจ็บป่วยทางระบบทางเดินหายใจน้อยกว่าเด็กที่ไม่ได้เป็นเจ้าของสุนัข ผลการวิจัยพบว่าสุนัขทำให้เด็กๆ สัมผัสกับเชื้อโรคในปริมาณเล็กน้อย ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันของทารกเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยเมื่อเด็กๆ โตขึ้น
2. สุนัขช่วยให้ผู้อ่านรุ่นเยาว์มีความมั่นใจ
เด็กที่เพิ่งหัดอ่านมักจะรู้สึกประหม่าเกี่ยวกับการอ่านออกเสียงกับคนอื่น ๆ การมีสุนัขอยู่รอบๆ ทำให้พวกเขาไม่มีปัญหาวิตกกังวลใดๆ เพราะพวกเขากำลัง “อ่านหนังสือให้สุนัขฟัง” เนื่องจากสุนัขจะมีความสุขเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ๆ เด็ก ทั้งยังไม่มีคำติ หรือการวิจารณ์ใดๆ เด็กๆ จึงมั่นใจที่จะออกเสียงอ่านให้เจ้าตูบฟัง ซึ่งความรู้สึกมั่นใจที่เกิดขึ้น จะสร้างความมหัศจรรย์ต่อความสามารถในการอ่านของเด็กๆ ได้
3. สุนัขคือกำลังใจในการหัดพูดของเด็ก
สุนัขมอบโอกาสเด็ก ๆ ได้ฝึกพูด ไม่ว่าจะเป็นการเรียกชื่อสุนัข หรือขอให้สุนัขทำตามคำสั่งง่ายๆ เช่น นั่งลง ด้วยความที่เด็ก ๆ มักจะกระตือรือร้นที่จะพูดคุยกับเพื่อนใหม่ สุนัขยังสามารถช่วยเด็กที่มีปัญหาในการพูดได้โดยทำให้พวกเขาผ่อนคลายและเพลิดเพลิน
4. เด็กที่ใกล้ชิดสุนัขเป็นโรคภูมิแพ้และหอบหืดน้อยกว่า
นักวิทยาศาสตร์พบว่าเด็กที่โตมาพร้อมสุนัขมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดได้น้อยกว่าเด็กที่โตมาโดยไม่มีสุนัขถึง 50% ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พบข้อเท็จจริงว่าเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับสุนัขจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกว่ามาก เนื่องจากร่างกายของเด็กมีโอกาสสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคภูมิแพ้ได้ดีกว่าเด็กที่ไม่ได้มีสัตว์เลี้ยงอยู่ภายในบ้าน
5. เด็กที่เลี้ยงสุนัขได้ออกกำลังกายมากขึ้น
ในยุคดิจิทัล ที่เด็กๆ บางคนอาจไม่ค่อยชอบออกจากบ้านไปวิ่งเล่น เอาแต่เฝ้ารอดูหน้าจอ หรือเล่นเกมส์มือถือ แต่การเลี้ยงสุนัขเป็นวิธีที่ดีในการจัดการกับปัญหาเหล่านี้ สุนัขส่วนใหญ่เป็นเพื่อนที่ดีในการทำกิจกรรมสนุกๆร่วมกับเด็กๆ โดยเด็กๆ สามารถพาสุนัขเดินเล่นรอบบ้าน หรือสนุกกับการเล่นลูกบอลและเชือกในสวนหลังบ้าน สิ่งเหล่านี้ช่วยส่งเสริมให้เด็กๆ มีสุขภาพที่ดีและคุ้นเคยกับวิถีชีวิตที่กระตือรือร้นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นรอบบ้านในทุกๆ วัน หรือพาสุนัขออกไปเที่ยวเล่นที่สวนสาธารณะ การมีเพื่อนเล่นเป็นสุนัขจึงเป็นเหตุผลที่ดีที่ทั้งครอบครัวจะได้ออกจากบ้าน และอยู่ห่างจากหน้าจอได้
6. สุนัขเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเด็กออทิสติก
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมอนทรีออลพบว่าระดับฮอร์โมนความเครียดของเด็กที่เป็นออทิสติกจะลดลงอย่างมากเมื่ออยู่กับสุนัขที่ได้รับการฝึกฝน นักวิทยาศาสตร์หลายคนทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และในขณะที่ยังมีอะไรให้ค้นหาอีกมาก แต่ก็ไม่มีใครสามารถโต้แย้งเกี่ยวกับความจริงที่ว่า “การบำบัดด้วยสัตว์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเจ้าของสุนัขสามารถช่วยเด็ก ๆ เหล่านี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
7. ช่วยส่งเสริมความสามัคคีของพี่น้อง
การมีสุนัขอยู่รอบ ๆ บ้านก็เหมือนกับการมีลูกอีกคน วิธีนี้ช่วยให้บ้านที่มีลูกเล็กๆ สองสามคนใกล้ชิดกันมากขึ้น ด้วยการดูแลสัตว์เลี้ยงร่วมกัน ช่วยลดปัญหาต่างๆ เช่น พี่น้องชิงดีชิงเด่น หรืออิจฉากัน เพราะสุนัขจะทำให้พี่น้องได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น นี่จึงเป็นโอกาสทองให้ผู้ปกครองสามารถส่งเสริมในเรื่องความสามัคคีระหว่างพี่น้องได้ เช่น ให้ลูกๆ ช่วยกันพาสุนัขเดินเล่น หรือให้อาหารสุนัข จนเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน และเมื่อถึงเวลาเล่นสนุก การมีสุนัขวิ่งไปมาในสวนจะทำให้พวกเขาใกล้ชิดสนิทสนมรักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้นได้
8. เด็กที่อยู่ร่วมกับสุนัขมีโอกาสเป็นโรคสะเก็ดเงินได้น้อย
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยซินซินนาติ (วิทยาลัยแพทยศาสตร์) ของสหรัฐอเมริกา พบว่าเด็กที่อาศัยอยู่กับสุนัขตั้งแต่ยังเล็กและมีอาการแพ้ต่างๆ จากสุนัข มีโอกาสเป็นโรคสะเก็ดเงินน้อยกว่าเด็กทั่วไปถึง 4 เท่า เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ คืออาการแพ้เล็กน้อยดังกล่าวจะไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก แต่การรับมือกับมันจะทำให้ภูมิคุ้มกันของเด็กๆ ทนทานต่อการเกิดโรคสะเก็ดเงินได้เป็อย่างดี
9. สุนัขช่วยให้เด็กเรียนรู้ทักษะทางสังคม
การเติบโตมาพร้อมกับสุนัขช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้ทักษะทางสังคม รวมทั้งการควบคุมแรงกระตุ้น และเพิ่มความนับถือในตนเอง นอกจากนี้ยังทำให้พวกเขาเป็นมิตรกับผู้คนมากขึ้น เมื่อพวกเขาเดินเล่นไปรอบ ๆ บ้านกับสุนัข มีโอกาสที่เพื่อบ้าน หรือคนทั่วไปจะเข้ามาเล่นกับเด็กๆ และสุนัข การแบ่งปันสุนัขให้เพื่อนบ้านได้เล่นและแวะทักทายสักครู่ จะช่วยสอนเรื่องความมีน้ำใจและความอดทนรอให้กับเด็กได้
10. เด็ก ๆ ได้เติบโตมาพร้อมกับเพื่อนรัก
สุนัขมักจะมีความสุขที่ได้พบคุณเมื่อคุณกลับถึงบ้านพวกมันจะรักคุณเสมอและความรักของพวกมันไม่มีเงื่อนไข เป็นเพื่อนสนิทในอุดมคติ และเป็นเพื่อนเล่นที่เต็มใจเสมอ ซึ่งหมายความว่าไม่มีเพื่อนที่ดีสำหรับเด็กไปกว่าสุนัข นอกจากนี้การมีสุนัขจะช่วยปลูกฝังเรื่องความรักสัตว์ให้เด็ก ทั้งยังทำให้เด็กมีจิตใจที่อ่อนโยนขึ้นค่ะ
11. เด็กที่ดูแลสัตว์เลี้ยงจะได้เรียนรู้เรื่องความรับผิดชอบ
การดูแลสุนัขเป็นวิธีที่ดีในการสอนเด็ก ๆ ถึงความสำคัญของความรับผิดชอบ สิ่งสำคัญคืออย่าปล่อยให้เด็กลืมว่าเขาต้องรับผิดชอบในบางสิ่งที่สุนัขของเขาทำ เช่นเดียวกับการดูแลความต้องการของสุนัข เพราะอย่างไรก็ตาม สุนัขก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่สามารถหาอาหาร หรืออาบน้ำเองได้ หากบุตรหลานของคุณแสดงการต่อต้านหรือเกียจคร้านในการทำสิ่งต่างๆ ให้น้องหมาของเขา ให้เตือนพวกเขาว่าการเป็นผู้คอยดูแลสุนัข ถือเป็นงานที่มีเกียรติ ซึ่งต้องใช้ความอดทน และหากพวกเขาละเลยสิ่งนี้ ก็ไม่คู่ควรกับเพื่อนที่แสนดีอย่างสุนัข
12. สุนัขทำให้เด็กๆ มีความสุข
บางทีประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของการเลี้ยงสุนัขไว้กับลูกวัยเด็ก คือ การทำให้เด็ก ๆ มีความสุข! การมีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์ ได้รับการพิสูจน์ ยืนยันแล้ว ว่าสามารถเพิ่มระดับของเซโรโทนิน และโดปามีนซึ่งเป็นส่วนประกอบทางเคมีของความรู้สึกเชิงบวก นอกเหนือจากวิทยาศาสตร์แล้ว การเล่นและโต้ตอบทักทายกับสุนัขแบบง่ายๆ จะทำให้วันของเด็ก ๆ สดใสขึ้น การเติบโตมาพร้อมกับสุนัขสามารถทำให้เด็ก ๆ มีชีวิตชีวาได้หลายวิธี การเลี้ยงสุนัขในครอบครัวของคุณอาจเป็นเสมือนของขวัญที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่เราสามารถมอบให้กับลูก ๆ ของเราได้เช่นกันค่ะ
อย่างไรก็ตาม ด้วยสไตล์ไทยๆ อย่างบ้านเรา หากมีสุนัขอยู่ในบ้านที่มีเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่อาจคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยของลูกน้อยก่อนเป็นอันดับแรก เพราะยังไงก็แล้วแต่ สุนัขก็เป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณดุร้าย หรือมีพฤติกรรมก้าวร้าวที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกได้โดยที่เราไม่คาดคิด ตามคำกล่าวที่เราอาจคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ว่า “อย่าไว้ใจสัตว์หน้าขน”
ด้วยเหตุนี้ทำให้เราต้องเพิ่มความระมัดระวังความปลอดภัยของเด็กๆ ก่อน ดังนั้น สำหรับบ้านไหนที่สนใจจะลองเลี้ยงสุนัขไว้ในบ้านให้ใกล้ชิดกับเด็กๆ เพื่อให้เด็กๆ ได้รับประโยชน์จากขอเท็จจริงที่อ้างถึงในงานวิจัยของต่างประเทศ หรือ ในกรณีที่เราเลี้ยงสุนัขในบ้านอยู่แล้วแต่เพิ่งมีเจ้าตัวเล็กมาเพิ่มเป็นสมาชิกใหม่ ลองติดตามเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ลูกๆ กับสุนัขอยู่ร่วมกันได้อย่างปลอดภัยก่อนดีกว่าค่ะ
7 เคล็ดลับให้เด็กๆ อยู่กับสุนัขได้อย่างปลอดภัย
1. เมื่อสุนัขอยู่บนพื้นอย่าอุ้มทารกวางไว้โดยละสายตา
สำหรับบ้านที่มีลูกวัยแบเบาะและเลี้ยงสุนัขไว้นอกบ้าน อาจไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ลูกน้อยของคุณจะได้ฝึกคลานไปมาบนพื้นได้อย่างสะดวก แต่ในกรณีที่เลี้ยงสุนัขไว้ในบ้าน การให้ทารกฝึกคลานบนพื้นก็อาจเป็นอันตรายต่อลูกได้หากสุนัขของคุณมีนิสัยดุร้ายเป็นทุนเดิม คุณอาจไม่มีทางรู้หรือทันระวัง หากเมื่อใดที่สุนัขหรือลูกน้อยจะตกใจกลัวกันและกัน จนนำไปสู่ปฏิกิริยาในลักษณะที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่างๆ ต่อตัวลูกได้
2. อย่าปล่อยสุนัขและลูก ๆ ของคุณไว้ด้วยกันโดยไม่มีใครดูแล
นี่ไม่ใช่ความคิดที่ดี หากคุณยุ่งอยู่กับสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ และละสายตาจากสิ่งที่ลูก ๆ และสัตว์เลี้ยงของเรากำลังทำ การกอดง่ายๆ จากเด็ก อาจถือเป็นการแสดงความก้าวร้าวต่อสุนัขได้ ทางที่ดีควรให้บุตรหลานของคุณอยู่ในระยะเอื้อมถึงแม้ว่าจะไม่มีสุนัขอยู่ใกล้ ๆ ก็ตาม
3. อย่าปล่อยให้ลูกน้อยคลานเข้าไปในห้องอื่นที่คุณมองไม่เห็น
หากลูกน้อยของคุณเริ่มคลานคุณต้องปฏิบัติตาม อย่าปล่อยให้ลูกหรือลูกน้อยของคุณเดินไปมาในห้องที่คุณมองไม่เห็น ใช้ประตูนิรภัยสำหรับเด็กและล็อคเพื่อให้เด็กเล็กอยู่ห่างจากสัตว์เลี้ยงของคุณหรืออันตรายและอันตรายอื่น ๆ
4.อย่าปล่อยให้ลูกของคุณเข้าใกล้สุนัขของคุณในขณะที่สุนัขกำลังหลับ
สุนัขสามารถสะดุ้งตื่นพร้อมกับหงุดหงิดได้เช่นเดียวกับมนุษย์ ควรให้สุนัขของคุณมีที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบายในการนอนหลับโดยที่เด็ก ๆ จะได้ไม่รบกวนพวกมันอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์จนนำมาสู่อันตรายที่ไม่คาดคิด
5. อย่าให้ลูกตี โยนของหรือตะโกนใส่สุนัข
เด็กๆ ควรได้รับการสอนว่าต้องปฏิบัติต่อสัตว์ด้วยความเมตตาและความเคารพ การมีท่าทีก้าวร้าวต่อสุนัข อาจทำให้สุนัขแสดงสัญชาตญาณดุร้ายใส่ลูกคุณได้
6.อย่าปล่อยให้ลูกกอดสุนัขสุ่มสี่สุ่มห้า
บางทีการกอดสุนัขอาจเป็นเรื่องปกติที่พวกเราทำกันได้ เพราะเราสามารถรับรู้ถึงอารมณ์ของสุนัขได้ดีกว่าลูกๆ ที่อาจยังไม่รู้ประสีประสา สำหรับเด็กๆ การกอดสุนัขอาจทำให้สุนัขอารมณ์เสียได้เพราะพวกเขาอาจยังไม่รู้เท่าทันท่าทีและอารมณ์ของสุนัข ว่าเวลาไหนที่จะสามารถเล่นกับพวกมันได้หรือเล่นไม่ได้ ควรสอนลูก ๆ ว่าพวกเขาต้องขออนุญาตที่จะสัมผัส หรือดูอารมณ์ของสุนัขและพูดคุยกับสุนัขก่อนเสมอที่จะไปใกล้ชิดคลุกคลี
7. สอนลูก ๆ ของคุณว่าอย่าหยิบอะไรออกจากปากสุนัข
ไม่ว่าจะเป็นขนมหรือของเล่น เด็ก ๆ ควรเรียนรู้ว่าพวกเขาไม่ควรพยายามแย่งมันมาจากสุนัข หากสุนัขแย่งของเล่นไป สอนลูกๆ ว่าให้หาผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ที่สุดจัดการเรื่องนี้ให้จะดีที่สุด เพราะโดยสัญชาตญาณสุนัขอาจตอบโต้ด้วยท่าทีดุร้ายได้หากโดนแย่งของ
จะเห็นได้ว่าการมีสัตว์เลี้ยงอยู่ร่วมกับลูกๆ สามารถปลูกฝังทักษะด้านความฉลาดในการใช้ชีวิตที่ดีให้ลูกได้ อาทิ ความรับผิดชอบและความมีเมตตาต่อสัตว์เลี้ยง การได้เข้าสังคมจากการพาสุนัขเดินเล่นนอกบ้าน ความสามัคคีของพี่น้องที่ต้องช่วยกันดูแลสุนัข หรือการได้ออกกำลังกายเป็นประจำพร้อมหน้ากับคุณพ่อคุณแม่พี่ๆ น้องๆ และสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าที่กล่าวมาทั้งหมด สามารถส่งเสริมทักษะความฉลาดที่รอบด้านให้แก่ลูกๆ ได้หลายแบบเลยค่ะ ทั้ง ความฉลาดทางคุณธรรม (MQ) , ความฉลาดในการเข้าสังคม (SQ) , และ ความฉลาดต่อการมีสุขภาพที่ดี (HQ) เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : ba-bamail.com,purina.co.uk
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
ระวัง! เชื้อพิษสุนัขบ้า ติดมากับลูกหมาที่เพิ่งซื้อ
แม่ใจสลาย เมื่อลูกน้อยถูกสุนัขที่มีเจ้าของกัด
ุเตือน! อย่าปล่อยสุนัขพันธุ์พิตบูลไว้กับเด็กเพียงลำพัง
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่