เมืองยอดนิยมของประเทศไทยอย่างจังหวัดเชียงใหม่ไม่เคยเลยที่จะทำให้เราผิดหวัง สิ่งโดดเด่นที่สุดอย่างวัฒนธรรมเก่าแก่ก็ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะชนิดหาคู่แข่งได้ยาก ขณะเดียวกันก็ไม่เคยหยุดยั้งที่จะเปิดรับสิ่งใหม่แล้วนำมาปรับรูปแบบให้เข้ากันกับของเดิมที่มีอยู่
ถ้านึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวของเชียงใหม่ในอันดับต้นๆ เชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารี คงเข้ามาเป็นชื่อแรกๆอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยรูปแบบ Nature Theme Park คือเน้นความใกล้ชิดกับธรรมชาติให้มากที่สุดนั้นทำออกมาได้น่าทึ่ง บวกกับการเป็นสวนสัตว์กลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ใหญ่เป็นสองเท่าของไนท์ ซาฟารีที่สิงคโปร์ ) อีกทั้งไม่หลงลืมที่จะจัดกิจกรรมช่วงกลางวันให้เต็มอิ่ม เราจึงอยากจะหยิบยกมาเล่าให้ผู้อ่านฟัง อ่านแล้วก็เตรียมตัวพาที่บ้านไปกันได้เลย
ภัตตาคารยีราฟ
ใหม่ล่าสุดจากไนท์ ซาฟารี กับภัตตาคารสองชั้นที่ให้เราได้ใกล้ชิดกับสัตว์มากที่สุด เป็นมหัศจรรย์ของคนรักสัตว์ที่สมบูรณ์แบบ บริการอาหารทั้งแบบบุฟเฟ่ต์ มุมกาแฟกับเบเกอรี่บริเวณห้องปรับอากาศชั้น 1 ที่โดยรอบเป็นกระจก 360 องศา มองไปทางซ้ายก็เจอยีราฟกับม้าลายอวดขาสวยๆ มองไปทางขวาก็เจอสิงโตตัวใหญ่ๆ โชว์แผงคอนุ่มๆ ให้ตื่นเต้นตลอดมื้อ และอาหารหลากประเภทในยามเย็นย่ำถึงค่ำมืดพร้อมวงดนตรีสร้างบรรยากาศบริเวณชั้น 2 ที่เปิดโล่งรับลม ชั้นนี้ทุกคนจะได้ให้อาหารยีราฟอย่างใกล้ชิด เพราะความสูงของห้องอาหารที่ได้ขนาดพอดีกับลำคอยาวๆ ของยีราฟ ได้ความรู้สึกเหมือนมีสัตว์ซาฟารีเลี้ยงไว้หลังบ้านไม่ผิดเพี้ยน
สวนสัตว์หลากอารมณ์
ผ่านปราการแรกของสวนสัตว์อย่างร้านยีราฟมาไม่ไกล แหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนขนาดใหญ่โอ่โถงก็รอต้อนรับเราอยู่ ระหว่างทางมีสัตว์หลายชนิดให้เราชมเป็นออเดิร์ฟ ทั้งได้ให้อาหารนกซันคอนัวร์ถึงในกรง ( แต่ก็ต้องใจกล้ากันสักหน่อย ) จะให้อาหารลาหรือขี่ม้า เด็กๆ ก็ชอบทั้งนั้น
ส่วนของการนั่งรถชมสัตว์ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สุดนั้นแบ่งออกเป็น 2 รอบคือ นั่งชมสัตว์กลางวันและสัตว์กลางคืน รวมทั้งแบ่งสัตว์เป็น 2 โซนคือทิศเหนือและทิศใต้ โซนทิศเหนือจะเป็นสัตว์นักล่า เช่น เสือโคร่งขาว สิงโต ไฮยีน่าลายจุด เป็นต้น ส่วนโซนทิศใต้เน้นการสัมผัสกับสัตว์อย่างชิดใกล้ ไม่ว่าจะเป็นกวางหลากชนิด ยีราฟ หรือกระทั่งจิงโจ้ เราก็ได้ป้อนอาหารเองกับมือ
ที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือส่วนวอล์กกิ้งโซน ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรกับสัตว์จำนวนมากมายหลายชนิด เป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นดีที่จะศึกษาพฤติกรรม ชีวิตความเป็นอยู่หรือแม้แต่เพียงไปเดินดูก็เพลินไม่ใช่น้อย เพราะสัตว์แต่ละตัวแปลกตา บ้างก็หาชมได้ยากและไม่เคยเห็น จะเดินชมกลางวันก็ไม่กลัวร้อนเพราะส่วนทางเดินนี้ติดกับทะเลสาบใหญ่กลางสวนสัตว์ หรือจะเดินชมกลางคืนก็น่าสนใจ ได้อารมณ์ผจญภัย ถูกใจนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่สุด
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น ที่นี่ยังมีกิจกรรมอีกมากมายรอต้อนรับ ไม่ว่าจะเป็น Behind the Zoo เรียนรู้การดูแลสัตว์ มุมถ่ายรูปกับสัตว์นานาชนิด สนาม Scenario Paintball ที่พักในรูปแบบรีสอร์ทใกล้ชิดธรรมชาติ ( เช้าไหนโชคดีก็ได้ให้อาหารกวางตัวน้อยในระยะห่างเพียง 1 เมตร ) การแสดงน้ำพุดนตรีครบสมบูรณ์ทั้งแสงสีเสียงขนาดยักษ์ เป็นต้น
Children World
มาถึงส่วนที่พ่อแม่และเด็กๆ ทุกคนรอคอย Children World คือส่วนขยายใหม่ล่าสุดจากไนท์ ซาฟารี เพื่อตอบวัตถุประสงค์ของการเป็นแหล่งเรียนรู้ชีวิตสัตว์ป่าและธรรมชาติแก่เยาวชน ประกอบด้วยพื้นที่หลัก 2 ส่วนคือ สนามเด็กเล่นกลางแจ้งที่ประกอบไปด้วยเครื่องเล่นเสริมทักษะทางร่างกายในรูปแบบใหม่ๆ และภายในอาคารที่นอกจากบ้านบอลที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่แล้ว ยังมี Digital Zoo ความรู้ในรูปแบบทันสมัย เน้นให้เด็กมีส่วนร่วมและได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยกตัวอย่าง Piano Step บริเวณขั้นบันไดที่ชวนให้เด็กๆ มีส่วนร่วมทุกก้าวที่เดินขึ้น เพราะจะมีเสียงดนตรีออกมาเป็นคีย์ต่างๆ ในทุกขั้นบันได หรือ Interactive Laser Gun สื่อรองรับระบบการตรวจจับของเลเซอร์ ให้มีปฏิกิริยาโต้ตอบกันกับผู้ชม โดยเนื้อหาจะสอดคล้องกันทั้งหมด ได้แก่ การช่วยเหลือสัตว์หรือช่วยนกที่ติดในลูกโป่ง เป็นต้น
สุดท้ายอาณาจักรเสือ เป็นการรวมเสือ 10 ชนิด 40 ตัวมาไว้ในบริเวณเดียวกัน จุดเริ่มมาจากการมีเสือเกิดใหม่เป็นจำนวนมาก ฉะนั้นเมื่อต้องสร้างคอกเพิ่มอยู่แล้ว จึงนำมาอยู่ใกล้กันเพื่อให้กลายเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งเสียเลย
กว่าจะเที่ยวได้ทั่ว คงต้องใช้เวลาไม่ใช่น้อย เพื่อให้เต็มอิ่มคุณพ่อคุณแม่จะจองที่พักภายในสวนสัตว์เลยก็เข้าท่า เพราะที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวครบวงจรอยู่แล้ว จะวางแผนเที่ยวช่วงไหนของปีก็สนุกไปคนละแบบ แต่น่าจะเป็นบันทึกการเดินทางที่อยู่ในใจคุณและครอบครัวไปอีกนาน
บทความโดย : กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง