อิทธิพลของ ครอบครัว และกลุ่มเเพื่อน ที่ส่งผลกับพฤติกรรมของเด็กโดยตรง

[Blogger พ่อเอก-59] คุณพ่อนักเล่ากับเจ้าปูนปั้นนักฝัน

ผมคิดไว้ตั้งแต่สมัยยังไม่มีแฟนเสียด้วยซ้ำ ว่าอยากเป็นคุณพ่อที่แต่งนิทานของตัวเองมาเล่าให้ลูกฟังทุกคืน ผมว่าช่วงเวลาที่เราได้เล่าเรื่องราวต่างๆ แล้วเห็นเจ้าตัวเล็กทำตาโต มองมาด้วยความทึ่งและสนุกสนาน มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากทีเดียว แม้ตอนนี้ผมจะเป็นคุณพ่อของเจ้าปูนปั้นที่วัยใกล้ 3 ขวบและมีโอกาสได้เล่านิทานก่อนนอนให้ปูนปั้นฟังเสมอๆ แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังไม่มีนิทานแต่งเองสักเรื่องมาเล่าให้เจ้าตัวป่วนฟัง มีคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนเป็นเหมือนผมมั้ยฮะ ที่อยากเป็นนักเล่านิทาน (แต่งเอง) ให้ลูกฟัง แม้ผมจะยังไม่มีนิทานแต่งเองให้ลูกฟังสักเรื่อง ผมก็มีทางออกให้ตัวเอง (และคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆที่อยากเป็นแบบผม) มานำเสนอฮะ เราไม่ต้องเล่านิทานแต่เราก็เป็นนักเล่าเรื่องได้ คำถามหนึ่งที่ผมมักจะถูกถามอยู่เสมอคือ “คาดหวังอะไรจากลูก เมื่อเขาโตขึ้น” ผมเคยตอบไปว่า “ผมไม่คาดหวังอะไรจากเขาเลย” ในการเสวนาครั้งหนึ่ง ท่านผู้ใหญ่ที่ร่วมเป็นแขกในงานนั้นก็เสริมขึ้นมาว่า “ไม่คาดหวังเลยก็คงไม่ดี เพราะความคาดหวัง ทำให้เราพยายามสอนลูกให้ดี แต่อย่าให้ความคาดหวังไปกดดันลูก อย่าเอาความฝันเราไปยัดเยียดให้ลูก” ผมยอมรับว่าคำแนะนำนั้นถูกต้อง เพราะจริงๆคำว่าไม่คาดหวัง คือ ผม ‘ไม่คาดหวัง’ ว่าเจ้าปูนปั้นจะต้องโตไปเป็นอะไร แต่ ‘ผมคาดหวัง’ให้ปูนปั้นได้ประกอบอาชีพที่เขาอยากทำ เพื่อที่ว่าเขาจะทำมันให้ได้ดี และเขาจะอยู่กับมันอย่างมีความสุข ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะเป็นคุณพ่อที่ทำหน้าที่เป็นผู้แนะแนวทางมากกว่ากำหนดเส้นทาง ซึ่งวิธีที่ดีวิธีหนึ่งก็คือ การเป็นคุณพ่อนักเล่าเรื่องอาชีพต่างๆ ให้ลูกฟัง (เข้าเรื่องจนได้ว่า ทำไมผมจึงได้เป็นนักเล่าอย่างใจหวัง) เวลาปูนปั้นไปพบเจอใครใหม่ๆ แทนที่เราจะเพียงแนะนำว่านั่นคือใคร ทำอาชีพอะไรแล้วจบ ซึ่งแค่นั้นปูนปั้นซึ่งยังตัวกะเปี๊ยกก็คงไม่เข้าใจหรอกว่า อาชีพซึ่งในวัยของปูนปั้นยังไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทำหน้าที่อะไร สถาปนิกคืออะไร ตำรวจคือใคร […]

อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก

การทำอาหารที่รู้ใจลูกที่สุด ไม่ได้แปลว่าต้องตามใจหรือยอมให้ลูกนั้นกลายเป็นคนเลือกกินนะคะ

[Blogger พญ.พิชญา ตันธนวิกรัย] พ่อแม่อย่าหวังแค่ ‘แก้ปัญหาเฉพาะหน้า’!

คำสัญญา ของรางวัล และการติดสินบน พ่อแม่อย่าหวังแค่ ‘แก้ปัญหาเฉพาะหน้า’! วันก่อน หมอตรวจเคสเด็กผู้ชายคนนึงอายุ 4 ปี ค่ะ ตอนที่ตรวจเสร็จและคุณยายกำลังจะชวนเด็กออกนอกห้อง อยู่ๆเด็กคนนั้นก็ลุกขึ้นร้องโวยวายเป็นการใหญ่ว่า “จะเอาตังค์ จะเอาตังค์ที่หมอ!!!” หืมม….แปลกใช่มั้ยคะ หมอเองก็ตกใจมาก ที่อยู่ๆก็ถูกเด็กตัวเล็กๆขู่กรรโชกทรัพย์ (??) เอาแบบนี้ แต่พอถามถึงที่มาที่ไปถึงได้เข้าใจ ว่าที่แท้คุณยายไปให้สัญญากับเด็กไว้ ตอนที่เด็กเริ่มโยเยอยู่หน้าห้อง ไม่ยอมรอคิวตรวจ โดยบอกว่า “ถ้ายอมเป็นเด็กดี เดี๋ยวหมอจะให้เงินไปซื้อไอติม” แหม…สัญญาลอยๆแบบนี้ เด็กๆจำแม่นนักล่ะค่ะ แต่ถ้าเราให้สัญญาที่ไม่ได้ตั้งใจจะรักษากันบ่อยๆ นอกจากจะมีปัญหาเอาตอนที่เด็กทวงแล้ว จะกลายเป็นว่าคำพูดเราจะไม่ศักดิ์สิทธิ์นะคะ หมอเข้าใจค่ะว่าเรื่องแบบนี้มีกันบ่อยๆ และถ้าจะดูกันให้ลึกถึงสาเหตุของปัญหา เราจะเห็นว่า ที่มาของคำสัญญาเหล่านั้นมักมาจากความพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อเด็กๆโยเยหรือทำพฤติกรรมไม่น่ารักนั่นเองค่ะ ซึ่งความร้อนใจที่จะเอาของมาล่อ มา “ติดสินบน” เด็กให้หยุดโยเยตอนที่ปัญหามันเกิดขึ้นแล้วนั้น จะเปิดช่องให้เด็กเอาพฤติกรรมไม่ดีมาต่อรองกับเรา.. กลายเป็นว่าเราจะต้องยอมเสนอโน่นนี่จนกว่าเด็กจะพอใจ เรียกว่าสถานการณ์เป็นรองเด็กไปโดยปริยาย แต่ความจริงเรื่องนี้ป้องกันได้นะคะ แค่ต้องอาศัยการวางแผน และมองให้ไกลกว่าเด็กหนึ่งก้าวเสมอค่ะ เช่น ตื่นเช้ามาเราก็นึกไว้ก่อนเลยว่า เดี๋ยวจะต้องไปทำอะไร แล้วเจ้าตัวเล็กอาจจะก่อเรื่องอะไรได้บ้าง จากนั้นก็นั่งคุยกับเขาก่อนเพื่อสร้างข้อตกลงกันไว้ (“วันนี้แม่จะพาหนูไปซื้อของ แม่อยากให้หนูคอยเดินอยู่ข้างๆ คอยเป็นผู้ช่วย ไม่วิ่งออกห่างจากแม่และไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่น.. […]

[Blogger พญ.พิชญา ตันธนวิกรัย] จะชมลูกทั้งทีต้องมี ‘เทคนิค’ ชมยังไงให้เขามีแรงใจทำเรื่องดีๆ ยิ่งขึ้น!?

  คราวก่อนหมอเล่าถึงการใช้คำชมเพื่อช่วยเสริมพฤติกรรมดีๆให้กับเด็ก มาวันนี้หมอก็คิดว่าจะขอลงรายละเอียดอีกซักหน่อย เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ใช้เทคนิคการชมอย่างถูกวิธีค่ะ เพราะการให้คำชมนี่ก็มีเทคนิคการใช้และข้อควรระวังที่น่าสนใจมากนะคะ หลักการง่ายๆของการให้คำชมก็คือ ชมไปตามพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริงของเด็ก ด้วยความจริงใจของคนชมค่ะ นั่นคือถ้าเรา เห็นเด็กทำเรื่องดีๆอะไร เห็นเด็กมีข้อดีอะไร แล้วเรารู้สึกยังไง เราก็อธิบายไปให้ชัดเจนตามนั้นเลยค่ะ เช่น “น้องดรีมช่วยแม่ถือของด้วย มีน้ำใจจังค่ะ แม่ดีใจจัง” สังเกตดูนะคะ..  เราจะระบุชัดเลยว่า   เราชมเรื่องอะไร — (พฤติกรรมดีๆคือ “ช่วยแม่ถือของ”) เราเห็นเด็กมีข้อดีอะไร – (ข้อดีของเด็กคือ “มีน้ำใจ”) แถมท้ายด้วย         คนชมรู้สึกยังไง – (ความรู้สึกของคนชมคือ “ดีใจ”)   การชมแบบมีรายละเอียดแบบนี้ เราจะเป็นเหมือนกระจก สะท้อนภาพดีๆของเด็กให้เขาเห็น ให้เขารู้ว่าสิ่งดีที่เขาทำมีคนมองเห็นและชื่นชม เพื่อให้เขาเกิดความภูมิใจในตนเองและมีกำลังใจทำเรื่องดีๆต่อไปค่ะ จะเห็นได้ว่าการชมแบบมีรายละเอียดนี้จะต่างกันมากนะคะกับคำชมประเภทที่ชมไปลอยๆ หรือคำชมที่โอเว่อร์เกินจริง อย่าง “เก่งที่สุดเลย ดีที่หนึ่งเลย” เพราะการให้คำชมกว้างๆ นี้ ถ้าใช้บ่อยเกินไป ก็สร้างผลข้างเคียงได้หลายอย่างค่ะ เช่น เด็กเล็กๆก็อาจจะหลงไปกับคำชม เด็กที่โตหน่อยก็อาจจะไม่รู้สึกดี มองว่าเราพูดเกินจริง หรือดีไม่ดีก็อาจจะไปสร้างแรงกดดันให้เด็กโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ค่ะ คำชมแบบมีรายละเอียดที่หมอแนะนำ ถ้าฝึกบ่อยๆจะรู้ว่าใช้ไม่ยากค่ะ […]

10 เรื่องน่ารักๆ ของ ‘บรู๊คลิน เบคแฮม’ ที่จะทำให้อ่านไปยิ้มไป

‘บรู๊คลิน เบคแฮม’ ลูกชายคนโตของอดีตนักบอลสุดหล่อ ‘เดวิด เบคแฮม’ และนางแบบสาวสวย ‘วิคตอเรีย เบคแฮม’ ที่ตอนนี้กำลังโตเป็นหนุ่มฮอต เรียกได้ว่าหน้าตาหล่อเหลาจนสาวๆ ทั่วโลกกรี๊ดลั่นสมัครเป็นแฟนคลับกันเป็นแถวๆ เราจึงขอนำเรื่องราวน่ารักๆ 10 ข้อ ที่เกี่ยวกับชีวิตของบรู๊คลิน มาฝากค่ะ รับรองว่าถ้าได้อ่านพร้อมชมภาพน่ารักๆของหนุ่ม บรู๊คลิน เบคแฮม แล้วต้องตกหลุมรักเขาและครอบครัวของเขาเป็นแน่ 1. ที่มาของชื่อ ‘บรู๊คลิน‘ คือ วิกตอเรียแม่ของเขาได้ไปทัวร์คอนเสิร์ตที่เมืองบรูคลิน และในขณะเดียวกันก็กำลังตั้งท้องบรูคลินด้วย 2. เดทครั้งแรกของบรู๊คลิน คือตอนอายุ 14 ปี ซึ่งได้ไปดินเนอร์ที่ร้านซูชิ ในวันวาเลนไทน์ ในการไปเดทครั้งนั้น ‘วิคตอเรีย’ แม่ของเขา ได้บอกให้คุณพ่อสุดหล่อ ‘เบคแฮม’ ให้ไปส่ง ‘บรูคลิน’ ที่ร้าน และนั่งอยู่ในร้านนั้นเพื่อดูลูกด้วย ถ้าไม่ทำตามที่เธอขอ เธอจะไม่ยอมให้ลูกไป 3. บรู๊คลินเป็นแฟนคลับตัวยงของพ่อ เขาไปเชียร์ ‘เดวิด แบ็คแฮม’ ในทุกแมชการแข่งขัน 4. บรู๊คลินทำงานพาร์ทไทม์ ถึงแม้พ่อและแม่ของเขาจะมีรายได้มากมาย แต่เพราะไม่อยากให้ลูกใช้ชีวิตฟุ่มเฟือย เขาจึงบอกลูกว่า ‘หากลูกอยากได้อะไร ลูกก็ควรจะลองทำงานเพื่อเก็บเงิน และใช้จ่ายด้วยเงินของตัวเองดู” บรู๊คลินจึงไปทำงานพาร์ทไทม์เป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านกาแฟในกรุงลอนดอน […]

น่าสงสาร! หนูน้อยเกิดมามีสมองผิดรูป ต้องพึ่งปาฏิหาริย์ให้มีชีวิตยืนยาว

เว็บไซต์เมโทรของอังกฤษเผยแพร่ภาพของ “เจสัน” เด็กชายตัวน้อยที่เกิดมาพร้อมกับอาการ “ไมโครไฮดราเนนซ์ฟาลีย์” หรือภาวะสมองเจริญเติบโตผิดรูปผิดร่าง … ส่งผลให้ศีรษะของเขามีลักษณะไม่เหมือนคนอื่น มีขนาดเล็กไม่สมดุลกับตัว แต่ถึงกระนั้นแล้วก็ไม่ได้ทำให้เด็กชายคนนี้น่ารักน้อยลงไปกว่าเดิมเลยสักนิด ซึ่งผู้เป็นพ่อแม่ ได้เผยแพร่เรื่องราวของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน โดยกล่าวว่าเจสันต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา จะคลาดสายตาไม่ได้ เนื่องจากมีพัฒนาการที่ช้ามาก แต่อย่างไรก็ตาม เจสันกลับทำในสิ่งที่แม้แต่แพทย์เองยังคาดไม่ถึง นั่นคือมีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันเกิดครบรอบ 1 ปี “ความพยายามและความแข็งแรงของลูกเป็นตัวบ่งชี้ว่าทำไมเราถึงเรียกเรื่องราวของเขาว่าเจสัน สตรอง” ครอบครัวของเจสันกล่าว และว่า “ในท้ายที่สุดแล้ว เจสันจะต้องพึ่งปาฏิหาริย์ในการมีชีวิตยืนยาว เรายังคงพยายามขอทั้งพรและความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์” ทั้งนี้ผู้เป็นแม่ต้องยอมลาออกจากงานเพื่อมาดูแลลูกชายอย่างเต็มเวลา ในขณะที่สมาชิกคนอื่นๆในครอบครัวตั้งกระทู้ขอรับบริจาคเงินบนเว็บไซต์ GoFundMe.comเพื่อนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการดูแลเจสัน “เรื่องของเจสันยังคงแพร่ไปทั่วโลก คือเราไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย เราคงพูดได้แค่ว่าขอบคุณจริงๆ บอกไม่ถูกเลยว่าทุกแรงสนับสนุนมีค่าแค่ไหน” ทางครอบครัวกล่าวทิ้งท้าย ที่มา : Metro ขอบคุณข้อมูข่าวและภาพจาก : www.khaosod.co.th

อันตรายมาก! ปล่อยคนหอมแก้มลูกน้อย เด็กเสี่ยงติดเชื้อถึงชีวิต

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคุณแม่ชาวอังกฤษ ชื่อว่า แคลร์ เฮนเดอร์สัน ได้โพสต์ข้อความและรูปภาพผ่านเฟสบุ๊กเตือนบรรดาคุณแม่มือใหม่ทั้งหลาย อย่าให้ใครมาหอมหรือจูบแก้มลูกน้อยพร่ำเพรื่อ เพราะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตของลูกน้อยได้ เฮนเดอร์สันเล่าว่า บรู๊ค ลูกสาวของเธอลืมตัวดูโลกเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา ท่ามกลางญาติพี่น้องและเพื่อนๆ แวะเวียนมาเยี่ยมและแสดงความยินดีไม่ขาดสาย ในจำนวนแขกที่มาเยี่ยมนั้น ตนก็ไม่ทันระวังเพื่อนคนหนึ่งที่มีเชื้อไวรัส HSV-1 ต้นเหตุของโรคเริม สามารถติดต่อได้จากการจูบปาก หรือแม้แต่จูจุ๊บเบาๆ และหากเด็กทารกติดเชื้อไวรัสตัวนี้เข้าไปแล้วอาจทำอันตรายกับปอด รวมถึงตับและสมองจนถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งนี้ อาการติดเชื้อไม่ได้แสดงออกทันที แต่อยู่มาคืนหนึ่งระหว่างป้อนนมลูก ตนสังเกตเห็นความผิดปกติ บรู๊คมีอาการบวมแดงที่ริมฝีปาก จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที แพทย์ระบุว่า โชคดีที่นำตัวหนูน้อยมาโรงพยาบาลทันเวลาเพราะอาการน่าเป็นห่วง โดยบรู๊คต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลถึง 5 วัน เฮนเดอร์สันจึงโพสต์ข้อความเตือนบรรดาคุณแม่คนอื่นๆให้ระมัดระหว่างอย่าใครจูบหรือหอมทารกแรกเกิด เพราะไม่อาจทราบได้เลยว่า ใครที่มีเชื้อไวรัสชนิดนี้ และหากพบเพื่อนหรือญาติคนใดมีแผลที่ปากให้รู้ไว้เลยว่าเป็นอันตรายต่อลูกน้อย ด้านผู้เชี่ยวชาญเรื่องโรคติดต่อ กล่าวถึงกรณีของหนูน้อยบรู๊คว่า เป็นเคสที่พบได้ยากแต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย อย่างไรก็ตาม ทารกส่วนใหญ่ไม่ได้มีความเสี่ยงเพราะมีภูมิคุ้มกันจากแม่ ที่มา BuzzFeed ขอบคุณข้อมูลข่าวและภาพจาก : www.khaosod.co.th  

คุณแม่ท้องแก่คลอดลูกหน้างานเดี่ยว11 โน๊ต อุดมโพสยินดี

“โน๊ต อุดม”โพสต์เรื่องน่ายินคุณแม่ท้องแก่คลอดลูกสาวหน้างานเดี่ยว11 ทีมงานพาส่งรพ.กันวุ่น จากงาน โชว์เดี่ยว 11 รอบวันที่ 22 กันยายน 2558 ที่ผ่านมาได้เกิดเรื่องที่น่ายินดีขึ้นกลางงาน >> เมื่อคุณแม่ท้องแก่ที่มาดูเดี่ยวไมโครโฟน ของ “โน๊ต อุดม แต้พานิช” แต่ดันเกิดอาการน้ำเดินเจ้าตัวน้อยดันอยากออกมาดูโลกในช่วงเวลานั้นพอดี (หรืออยากดู เดี่ยว 11 กันแน่นะ ^_^) ทางทีมงานต้องช่วยพาส่งไปโรงพยาบาลกันวุ่นสุดท้ายแม่และลูกปลอดภัยทั้งคู่ …เรื่องราวดังกล่าวทำให้เจ้าพ่อเดี่ยวฯ “โน๊ต อุดม” ต้องโพสต์แสดงความยินดีบนเพจเฟซบุ๊คเลยทีเดียว โดยระบุข้อความว่า ขอต้อนรับสู่ดาวโลก…อีกแล้วก่อนเริ่มโชว์เดี่ยว 11 รอบวันที่ 22 กันยายน เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เมื่อปรากฎว่ามีคุณแม่ยังสาวท้องแก่ ซึ่งเดินทางมาชมโชว์ในรอบนั้น แต่ยังไม่ทันได้เข้ามาในฮอลล์ แค่ได้ฟังเพลงสุดสวิงฯ ที่บริเวณหน้างาน ก็เกิดอาการน้ำเดิน คราวนี้ไม่ต้องรอให้ถึงมือหมอ เพราะหัวเด็กหลุดออกมาให้เห็นกันจะจะ…(ไม่รู้จะรีบไปไหน) ทีมงานเดี่ยวและเจ้าหน้าที่พารากอน ช่วยกันพาไปส่งโรงพยาบาลทันที สถานการณ์ล่าสุด ทั้งคุณแม่และคุณลูกปลอดภัยดี คุณแม่มือใหม่ได้ลูกสาวแสนน่ารักมาเชยชม และเพื่อความสิริมงคล คุณแม่จึงได้ตั้งชื่อลูกสาวคนแรกว่า “โน๊ต” ขอให้น้องโน๊ตสุขภาพแข็งแรง โตไวๆนะคะ ป.ล.1 จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดกันสองครั้ง ทางทีมงานได้หารือกันแล้ว […]

11 อันดับ ลูกดารา หล่อ น่ารัก มีแววเกิด!

พ่อ แม่ หน้าตาดี ลูกออกมาหน้าตาดีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ดูอย่างคุณพ่อคุณแม่ดารา ที่มีโซ่ทองคล้องใจออกมา ก็ต้องหน้าตาดีทวีคูณยิ่งขึ้น  ซึ่งเด็กสมัยนี้เกิดมาหน้าตาดีกันแทบทุกคน ขนาดตอนยังละอ่อน ยังหน้าตา หล่อ ฉายแววพระเอกขนาดนี้ โตขึ้นมาหนูน้อยเหล่านี้จะหล่อขั้นเทพ ทำให้สาวๆ ฟินขนาดไหน . . . ว่าแล้วก็ตามไปดู 11 อันดับ “ลูกชายดารา” สุดฮอตกันดีกว่าค่ะ อันดับที่ 1 “บรู๊คลิน” ลูกชายฝาแฝดของคุณแม่ “นานา ไรบีนา” และคุณพ่อ “เวย์ ไทเทเนี่ยม” @nanarybena ยอดฟอลโล่ อินสตาแกรม 683,118 อันดับที่ 2 “น้องโปรด อัษศดิณย์” ลูกชาย คุณแม่ “เป้ย ปานวาด” และคุณพ่อ “ป๊อบ นิธิ” @ppanward ยอดฟอลโล่ อินสตาแกรม 630,235 อันดับที่ 3 “น้องภู ภูดิศ” ลูกชาย คุณแม่ “เอ๋ […]

เด็กวัย 13 ทำเก่งบอกแม่อย่ายุ่งกับชีวิตผม เจอแม่ทวงค่าเช่าบ้าน-อาหาร สิ้นลายเลย

เว็บไซต์เมโทรของอังกฤษ เปิดเผยเรื่องราวไม้เด็ดของคุณแม่ ที่งัดออกมาจัดการกับลูกชายตัวแสบ หลังจากเขาทำเก่งประกาศตัวเป็นอิสระ แม่อย่ามายุ่งกับชีวิตผม! . . .เรื่องนี้เกิดจาก 2 แม่ลูกได้มีปากเสียงกันในวันหนึ่ง และลูกชายตัวแสบก็ได้ลั่นวาจาว่าเขาเป็นอิสระแล้ว ขอให้แม่อย่ามายุ่งกับชีวิตผมอีก >> แต่ใครเลยจะไปคาดคิดว่าเด็กชายตัวแสบจะสิ้นลายเมื่อเจอไม้เด็ดของแม่ ที่ส่งจดหมายระบุเงื่อนไขในการอยู่ในบ้าน หากเขาคิดว่าตัวเองเป็นอิสระแล้ว โดยเธอเขียนจดหมายทวงค่าเช่าบ้าน ค่าไฟ ค่าอินเทอร์เน็ต แถมยังยึดเสื้อผ้าอีก  “ถึง.. อารอน จากการที่ลูกลืมไปแล้วว่าตัวเองอายุ 13 และแม่ก็คือผู้ปกครองของลูก และลูกก็ไม่อยากจะถูกควบคุมใด ๆ แล้ว แม่คิดว่าลูกจะต้องได้รับบทเรียนของการเป็นอิสระ สำหรับเรื่องที่ลูกบอกแม่ว่าตอนนี้ลูกหาเงินเองได้แล้ว ดังนั้นมันก็คงง่ายเลยที่จะซื้อของที่แม่เคยซื้อให้ลูกกลับคืนไป ต่อไปนี้ถ้าลูกอยากจะใช้ไฟหรือเข้าอินเทอร์เน็ต ลูกจะต้องแชร์ค่าใช้จ่ายกับแม่ดังนี้                 – ค่าเช่าบ้าน 430 ดอลลาร์                 – ค่าไฟ  116 ดอลลาร์                 – ค่าอินเทอร์เน็ต  21 ดอลลาร์ […]

“เด็กเห็น เด็กทำตาม” แคมเปญให้ผู้ใหญ่ระมัดระวังพฤติกรรมก้าวร้าวต่อหน้าเด็ก

มูลนิธิ Child Friendly ประเทศออสเตรเลียได้ปล่อยแคมเปญรณรงค์ภายใต้ชื่อ “Children see Children do” หรือแปลเป็นไทยว่า “เด็กเห็น เด็กทำตาม” โดยมีเนื้อหาจะกล่าวถึงพฤติกรรมแย่ๆ ของผู้ใหญ่ที่แสดงออกมาในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ระดับเบาๆ อย่างการตะโกนใส่กัน ไปจนระดับรุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ซึ่งขณะที่ผู้ใหญ่แสดงกิริยาเหล่านี้ เด็กที่เดินตามก็จะเลียนแบบสิ่งที่ผู้ใหญ่ทำด้วย การที่เด็กเรียนแบบพฤติกรรมผู้ใหญ่ หรือ เลียนแบบพฤติกรรมจากพ่อแม่และคนรอบข้าง ก็เปรียบเสมือนเด็กคือกระจกของผู้ใหญ่ พฤติกรรม  การพูด อารมณ์ หลายสิ่งอย่าง เด็กจะซึมซับจากคนรอบข้างและแสดงออกมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว ผู้ใหญ่เองควรรู้จักเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับพวกเขาเสียก่อน ไม่เช่นนั้นลูกหลานของคุณอาจเป็นแบบนี้! ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : NAPCAN  

[Blogger พญ.พิชญา ตันธนวิกรัย] ตำหนินิสัยไม่น่ารักของลูก..ไม่ช่วยอะไร ‘คำชม’ ต่างหาก เปลี่ยนลูกอยู่หมัด!

หลายๆครั้งที่หมอพูดคุยกับคุณผู้ปกครอง หมอจะพบว่าหลายท่านมีความเข้าใจผิดว่า.. การแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็ก คือการคิดหาวิธีลงโทษเพื่อลดพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พอเวลาเด็กเกิดปัญหาพฤติกรรมขึ้น คุณพ่อคุณแม่จึงทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการจับจุดที่เด็กทำผิดเพื่อคอยตักเตือนและลงโทษ แต่ความจริงแล้วการปรับพฤติกรรมเด็กประกอบด้วย 2 องค์ประกอบใหญ่ๆค่ะ นอกจาก การปรับลดพฤติกรรมที่เป็นปัญหา แล้ว อีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญพอๆกัน ก็คือ การส่งเสริมเพื่อเพิ่มพฤติกรรมดีๆของเด็ก เช่นการให้คำชม และให้รางวัลกับพฤติกรรมที่ดีของเด็กค่ะ หมอพูดแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่อาจจะงงนะคะ ว่าการชมจะช่วยแก้ปัญหาพฤติกรรมของเด็กได้อย่างไร.. แต่หมอยืนยันค่ะว่าทำได้จริงๆ เพราะหลายๆครั้ง การให้คำชมเพื่อส่งเสริมให้เด็กมีความสุขกับการทำดี จะไปป้องกันการเกิดพฤติกรรมแย่ๆที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกันได้อัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องไปเสียเวลารบกับเด็กให้มากความค่ะ เช่น เวลาที่เด็กทำท่าหวงของอยู่นานแต่สุดท้ายก็ยอมแบ่งของบางอย่างให้น้อง แทนที่เราจะตำหนิเด็กที่อิดออด แต่เปลี่ยนเป็นให้คำชมความมีน้ำใจของเขาแทน เมื่อเด็กรู้สึกดีที่ได้เป็นคนมีน้ำใจและแบ่งปัน ก็จะลดพฤติกรรมหวงของ (ซึ่งเป็นพฤติกรรมตรงข้ามกับการแบ่งปัน) ไปได้เองค่ะ เพราะข้อสำคัญที่หมออยากฝากก็คือ เด็กทุกคนมีพฤติกรรมดีและไม่ดีปะปนสลับกันไป ฉะนั้นแล้วจากเดิมที่เราอาจจะเผลอมองแต่ส่วนที่เขายังทำไม่ดีเพื่อคอยตักเตือน จากนี้ไป เราอย่าลืมจับจุดพฤติกรรมดีๆของเด็กเพื่อคอยบอกให้เขารู้ว่าเรามองเห็นและอยากส่งเสริมให้เขาทำต่อไปด้วยนะคะ เพราะการปรับพฤติกรรมที่ได้ผลจะต้องอาศัยองค์ประกอบทั้งสองส่วนให้มีความสมดุลกันค่ะ     เรื่องโดย : พญ.พิชญา ตันธนวิกรัย จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น รพ.พหลพลพยุหเสนา ภาพ : ShutterStock    

Kidchen ครัวตัวจิ๋ว โดย คุณแม่อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส (สูตรที่ 3) Oishii Kare Raisu ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแสนอร่อย

ลองถามเด็กญี่ปุ่นว่าชอบอาหารจานไหนมากที่สุด รับรองว่าต้องได้ยินชื่อ “คาเหระ ไรสึ!” มากเป็นอันดับต้นๆ เป็นแน่ค่ะ คงเพราะความเข้มข้นนุ่มนวลของน้ำซอส และรสชาติกลมกล่อมหวานอร่อย ที่ทำให้ข้าวหน้าแกงกะหรี่แบบญี่ปุ่น (Japanese Curry Rice) ถูกใจเด็กๆ นัก และไม่ใช่แต่เฉพาะเด็กญี่ปุ่นเท่านั้นนะคะ เด็กไทยหรือเด็กชาติไหนๆ พอได้ ลองชิมก็เป็นอันต้องติดใจขอหม่ำจนเกลี้ยงจาน ยิ่งถ้าเสิร์ฟกับหมูทอดหรือปลาชุบขนมปังทอด ยิ่งเพิ่มคุณค่าและความ อร่อยให้เจ้าตัวน้อยต้องร้อง “โออิชิ… อร่อยจังเล้ย!” ให้คุณพ่อคุณแม่ได้อมยิ้มกันเป็นแถวเลยล่ะค่ะ ส่วนผสม หอมใหญ่สับละเอียด 1 หัว มันฝรั่งปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นๆ* 2-3 หัว แครอทปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นๆ 2-3 หัว เนื้อหมูหรือไก่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ½-1 กก. น้ำเปล่า 4 ถ้วย แอ๊ปเปิ้ลปอกเปลือก 1 ลูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 2 ช้อนชา ซุปแกงกะหรี่ญี่ปุ่นแบบก้อน 1-2 ก้อน (200 กรัม) ซีอิ๊วญี่ปุ่น […]

[Blogger พ่อเอก-58] เกร็ดดี จากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก

เกร็ดดี จากคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก             ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสขึ้นเวทีเสวนาเรื่องการเลี้ยงลูกคู่กับคุณหมอจิราภรณ์ อรุณากูร (หรือหมอโอ๋เจ้าของเพจเลี้ยงลูกนอกบ้าน) และคุณหมอธีรชัย บุญยะลีพรรณ ส่วนผมไปในฐานะคุณพ่อรุ่นใหม่ที่เลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจ จึงได้มีโอกาสสนทนาเรื่องลูก กับคุณหมอทั้ง 2 ท่าน ซึ่งก็ได้ให้เคล็ดลับดีๆ ที่น่าสนใจในการเลี้ยงลูก ที่น่าสนุก และอยากเอามาแบ่งปันให้อ่านกันฮะ ความสม่ำเสมอ คุณหมอธี แนะนำว่า การสอนอะไรขอให้ทำให้สม่ำเสมอ ไม่ใช่อารมณ์ดีสอนอย่างหนึ่ง อารมณ์เสียสอนอย่างหนึ่ง เด็กจะไม่รู้ว่าที่ถูกคืออะไร นอกจากนั้นต้องตกลงกันให้ดีระหว่างพ่อและแม่ด้วย เช่น การรื้อกระเป๋า หากคุณแม่ดุ แต่คุณพ่อไม่ดุ เด็กจะเรียนรู้ว่าต่อหน้าคุณพ่อรื้อได้ แต่ถ้าคุณแม่อยู่ห้ามรื้อ ดังนั้นเด็กไม่ได้เรียนรู้ว่าการรื้อกระเป๋าไม่ดี ซึ่งหากไปรื้อกระเป๋าคุณครูที่โรงเรียนอาจจะกลายเป็นขโมยไป การให้รางวัลต่างกับการให้สินบน เด็กๆ ต้องการคำชมเมื่อเขาทำในสิ่งที่ดีดังนั้นถ้าเด็กทำดีต้องให้รางวัล ซึ่งก็คือคำชม เช่น ถ้าเจ้าตัวเล็กทานข้าวเอง ก็ให้ชมเชยเขาด้วย ถือเป็นการให้รางวัล แต่ในอีกกรณีถ้าเจ้าตัวลงไปนอนดิ้นกลางห้างสรรพสินค้าแล้วเราบอกว่าหยุดดิ้นเดี๋ยวซื้อของเล่นให้ ในกรณีหลังเข้าข่ายให้สินบนนะฮะ ซึ่งเจ้าตัวเล็กเรียนรู้เร็วซะด้วยนะ ตีลูกได้เฉพาะเวลาฉุกเฉินเท่านั้น เด็กกำลังเล่นปลั๊กไฟอาจจะรีบตีมือจะมามัวพูดดีๆ คงไม่ทัน และคุณหมอไม่ได้มองว่าการตีเป็นสิ่งที่ผิด (ตรงนี้ปะป๊าเอกเสริมคุณหมอว่าผมก็ตีนะฮะ แต่ไม่ได้ตีให้เจ็บ แต่ตีด้วยความเมตตา ตีเชิงสัญลักษณ์ให้รู้ว่าถูกตำหนิ) คุณหมอเสริมว่า เพราะหลายๆ […]

[Blogger – พลอย ชิดจันทร์] ตอนที่ 5 พลอยเลี้ยงลูกให้พี่น้องรักกันก่อนอย่างอื่น

ตอนนี้ “ทาชิโน่” 5 ขวบ “ชิลี่” 3 ขวบ “‘ชีต้าร์'” 2 ขวบ และ “‘ชิลิน'” เพิ่ง 5 เดือน (คนสุดท้องเกิดเดือนมีนาคม 2558) พลอยมีความสุขที่ได้เห็นลูกๆเล่นกันสนุก พี่น้องรักกัน อยากเก็บเวลาแบบนี้ไปนานๆ

10 ลูกสาวดารา ฉายแววนางเอกตั้งแต่เด็ก สวยไม่แพ้คุณแม่

ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกดารา มีคุณพ่อคุณแม่หน้าตาดี ดีกรีเป็นถึงระดับดาราชื่อดัง คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูก ๆ จะออกมามีหน้าตาสวยเป๊ะพิมพ์เดียวกัน เผลอ ๆ คุณลูก ๆ จะหน้าตาดีกว่าคุณพ่อคุณแม่ซะอีกนะเนี่ย …ว่าแต่จะมีซุปตาร์วัยเบบี๋คนไหนที่ยิ่งโตก็ยิ่งสวยน่ารักไม่แพ้คุณแม่กันบ้าง วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปยลโฉมลูก ๆ ดารา 10 คนดัง ที่กำลังฉายแววสวยน่ารักไม่แพ้คุณแม่มาให้ชมกันค่ะ ดูสิจะมีสาวน้อยคนไหนกันบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ ^_^ น้องณดา ลูกสาวคุณแม่ กบ สุวนันท์ ยิ่งโตก็ยิ่งหน้าหวาน ฉายแววนางเอกมาแต่ไกล น้องไลลา ลูกสาวคุณแม่ พอลล่า เทย์เลอร์ สาวน้อยลูกครึ่งคนนี้ สวยได้แม่เลยล่ะ        น้องลียา ลูกสาวคุณแม่ ธัญญ่า ธัญญาเรศ สวยเป๊ะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพิมพ์เดียวกัน ^^ น้องณิริน ลูกสาวคุณแม่ หนิง ปณิตา ยิ่งโตก็ยิ่งน่ารัก อนาคตซุปตาร์แน่นอน น้องบีน่า ลูกสาวคุณแม่ นานา ไรบีนา สาวน้อยคนนี้สวยได้แม่มาแบบเต็ม ๆ น้องเนซซี่ ลูกสาวคุณแม่ แหม่ม […]

ุเตือน! อย่าปล่อยสุนัขพันธุ์พิตบูลไว้กับเด็กเพียงลำพัง

จินตนาการของลูกน้อยนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่พื้นที่ในการรองรับจินตนาการก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ หากคุณพ่อคุณแม่ยังไม่พร้อมที่จะดูแลคุณลูก … ก็ควรเตรียมพื้นที่รองรับฝีมือ!

[Blogger พลอย ชิดจันทร์] ตอนที่ 4 เป็นแม่ลูก 4 ทำไมยังหุ่นดี

ชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้น เพราะจริงๆแล้วผู้หญิงหยุดสวยไม่ได้หรอกค่ะ

keyboard_arrow_up