มูลนิธิเอสซีจี ร่วมกับกองบรรณาธิการผู้ทรงคุณวุฒิและนักประพันธ์หนังสือภาพชื่อดังระดับประเทศ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและเชื่อมั่นในการใช้หนังสือภาพ อาทิ ครูชีวัน วิสาสะ นักประพันธ์และบรรณาธิการหนังสือภาพสำหรับเด็ก
คุณพรอนงค์ นิยมค้า เลขาธิการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก/นักเขียน/นักแปล คุณอัจฉรา ประดิษฐ์ ประธานหลักสูตรศิลปบัณฑิต สาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก ศูนย์การศึกษาระดับปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ คุณวิภาวี ฉกาจทรงศักดิ์ นักประพันธ์และบรรณาธิการหนังสือภาพสำหรับเด็ก มาร่วมคัดสรรหนังสือภาพชั้นนำระดับโลก (World Class Picture Books) มาแปลและจัดจำหน่ายในราคาย่อมเยาเพื่อให้ทุกครอบครัวสามารถเข้าถึง และใช้หนังสือภาพกับลูกได้ ซึ่งหนังสือภาพที่คัดสรรมานั้น ล้วนได้รับการยอมรับจากนักวิชาการด้านการศึกษาและนักสร้างสรรค์หนังสือเด็กจากทั่วโลกว่า มีทั้งความงามในด้านสาระเนื้อหา และมีความงดงามทางศิลปะ เหมาะแก่การอ่านให้ลูกน้อยวัยแรกเกิด – 6 ปี
โดยมูลนิธิเอสซีจี ได้กำหนดเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกหนังสือภาพสำหรับเด็กในโครงการนำหนังสือดีสู่เด็กไทย ว่าต้องเป็นหนังสือที่ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการการศึกษาด้านหนังสือภาพสำหรับเด็ก เป็นหนังสือที่ได้รับการกล่าวขานถึงในเชิงคุณภาพและคุณค่าในแง่ดีอย่างสม่ำเสมอ ต้องเป็นหนังสือที่มอบสุนทรียทางอารมณ์ให้แก่เด็กและเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว และเป็นหนังสือภาพชั้นดีที่สำนักพิมพ์ในประเทศไทยไม่จัดพิมพ์
ปัจจุบัน มูลนิธิเอสซีจี ได้ดำเนินโครงการนำหนังสือดีสู่เด็กไทย มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ในปีนี้ โดยมูลนิธิฯ ได้จัดพิมพ์หนังสือภาพสำหรับเด็ก จำนวน 5 เรื่อง ได้แก่
1. บ้านบนต้นไม้ เรื่องและภาพ : มาไรย์ โทลมัน และ โรนัล โทลมัน
เรื่องย่อ: บ้านบนต้นไม้ น่าอัศจรรย์อยู่กลางทะเล สัตว์สารพัดชนิดเดินทางมาเพื่ออยู่ เพื่อพักพิง มีกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งทำร่วมกัน และต่างตัวต่างทำ แต่ดูเหมือนทุกตัวล้วนมีความสุขเมื่อมาที่บ้านบนต้นไม้ เมื่อเวลาผ่านไป คล้ายกับเวลาแห่งการจากลามาถึง สัตว์ต่าง ๆ จากไป เหลือแต่หมีขาวและหมีสีน้ำตาลสองตัวที่ยังอยู่ในบ้านบนต้นไม้…
จุดเด่น: หนังสือเรื่อง บ้านบนต้นไม้ ไม่มีตัวอักษรสำหรับให้อ่าน แต่มีภาพที่แสนงดงามเล่าเรื่องได้อย่างน่าอัศจรรย์ เรื่องราวที่ผู้อ่านบอกเล่าให้ตนเองฟังขณะไล่เรียงดูตัวละครในเรื่อง เหตุการณ์ต่าง ๆ บนหน้าหนังสือ ไม่ถูกจำกัดด้วยตัวอักษร(ที่มองไม่เห็น) เพราะภาพและเรื่องราวของ บ้านบนต้นไม้ เปิดโลกจินตนาการ โลกแห่งภาษาของผู้อ่านให้บรรเจิดและไม่รู้จบ
2. พระจันทร์ ฝันดี เรื่อง : มาร์กาเร็ต ไวส์ บราวน์ ภาพ : เคลเมนต์ เฮิร์ด แปล : รพินทร ณ ถลาง
เรื่องย่อ: เรื่องราวชี้ชวนให้ดูสิ่งต่างๆ ในห้องสีเขียวสดใสสว่างตา ด้วยลีลาถ้อยคำคล้องจอง ให้ดูให้มอง ตั้งแต่โทรศัพท์ ลูกโป่งสีแดง ภาพวัวกระโดด ภาพลูกหมีสามตัว ถุงมือ ถุงเท้า กองไฟ ลูกแมว ลูกหนูตัวจ้อย…เหล่านี้ ดูเหมือนสิ่งของทั่วไป ซึ่งแท้ที่จริงแล้วล้วนมีความหมายมีความสัมพันธ์กันในเรื่องราว มีความผูกพันกับชีวิตของตัวละครในหนังสือ และจากนั้นก็ชวนเด็ก ๆ กล่าวคำก่อนนอนไล่เรียงตามลำดับกับสิ่งที่ผูกพันเหล่านั้นว่า “ฝันดีนะ…”
จุดเด่น: เรื่องเล่าด้วยคำคล้องจองซึ่งเดิมเป็นภาษาอังกฤษนั้นสวยงามด้วยถ้อยคำและเรื่องราวเป็นเอกลักษณ์ของผู้ประพันธ์ระดับโลก ซึ่งเมื่อแปลเป็นภาษาไทยก็ยังคงลีลาของการเล่าเรื่องได้อรรถรสไม่แพ้ต้นฉบับ ทำให้ผู้อ่านในภาคภาษาไทยสัมผัสถึงความอบอุ่น ละมุนละไมจากการแปลด้วยหัวใจ ของ รพินทร ณ ถลาง จุดเด่นอีกประการที่สำคัญมาก ๆ ของ พระจันทร์ ฝันดี คือการออกแบบ สร้างสรรค์ภาพประกอบเล่าเรื่องที่แฝงความมหัศจรรย์อย่างคาดไม่ถึง คือ เมื่อดูภาพในหน้าหนังสือในตอนที่เริ่มมีเงาดำทาบทา ให้ดูภาพนั้นโดยไม่กระทบแสงไฟโดยตรงจะเห็นความสว่างของ แสงไฟจากบ้านหลังน้อย ความจรัสแสงจากดวงดาว อย่างน่าตื่นตา
3. วันนี้ วันดี เรื่องและภาพ : น็อนนี่ ฮ็อกโกรเกียน แปล : งามพรรณ เวชชาชีวะ
เรื่องย่อ: นิทานพื้นบ้านอาร์เมเนียนเรื่องนี้เล่าเรื่องวันดีวันหนึ่งของหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งที่ไปกินนมในถังของหญิงชรา จนถูกหญิงชราจับตัดหาง หมาจิ้งจอกต้องหาทางให้ได้หางของตนคืนมา ด้วยการทำตามเงื่อนไขต่างๆ เช่น หานมมาคืนให้หญิงชรา หาหญ้าให้แม่วัวเพื่อแลกกับนม หาน้ำมารดหญ้า หาคนโทไปใส่น้ำ หาลูกปัดไปให้หญิงงาม….ท้ายที่สุดหญิงชราก็ได้น้ำนมคืนมาและเย็บหางกลับคืนให้หมาจิ้งจอก
จุดเด่น: วันนี้ วันดี ผู้เขียนใช้วิธีการเล่าเรื่องในรูปแบบของการสะสมถ้อยคำเพิ่มขึ้น กับเหตุการณ์ที่ตัวละครสำคัญไปพบเจอ ทำให้ผู้อ่านและผู้ฟังติดตามการแก้ปัญหาของหมาจิ้งจอกไปตามลำดับของเงื่อนไขและการแก้ปัญหา การอ่านนิทานเรื่องนี้ให้เด็กฟังต้องอ่านออกเสียงชัดๆ ไม่เร่งรีบ พร้อมกับให้เด็กได้ดูภาพไปช้าๆ เพื่อสังเกตรายละเอียดลายเส้น สี พื้นผิวของภาพฝีมือศิลปินชั้นเยี่ยม และสัมผัสถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ความสนุกจากเสียงที่ได้ฟังความคิดเชื่อมโยงเป็นลำดับผ่านการใช้ภาษา และความเยี่ยมยอดของงานศิลปะจะซึมซับอยู่ในตัวตนของเด็กๆ อย่างยากจะลบเลือน
4. บา บา เรื่องและภาพ : กฤษณะ กาญจนภา วชิราวรรณ ทับเสือ
เรื่องย่อ: เพื่อนรักทั้งสี่ตัว เสือดาว หมี ฮิปโป และช้าง ไปหาผลไม้ในป่า(ที่สวยงามอย่างอัศจรรย์) เมื่อได้ผลไม้เต็มตะกร้าก็แวะเล่นกันเสียหน่อย และบังเอิญไปพบตะกร้าปริศนาใบใหญ่ที่ว่างเปล่า เพื่อนรักทั้งสี่ตัวจึงแบ่งผลไม้ใส่ตะกร้าใบใหญ่แต่ว่างเปล่านั้น และเหตุการณ์ระทึกขวัญก็เกิดขึ้นในแทบจะทันทีทันใด เสือดาว หมี ฮิปโปถูก บาบา สัตว์ยักษ์ปริศนาจับไป แล้วจะโดน บาบา ต้มกินไหม หรือกินทั้งดิบๆ ส่วนช้างตัวน้อยที่บังเอิญไม่ถูกจับไป จะทำอย่างไร…
จุดเด่น: จุดเริ่มต้นของความดีงามในหนังสือเล่มนี้ที่ควรกล่าวถึงเป็นลำดับแรก คือ นักประพันธ์หนังสือภาพคู่ขวัญ วชิราวรรณ ทับเสือ และ กฤษณะ กาญจนาภา ที่สร้างสรรค์หนังสือถาพเข้าไปอยู่ในใจเด็กมาแล้วหลายต่อหลายเล่ม บา บา คือการสื่อถึงธรรมชาติของความเป็นเด็กที่เริ่มต้นด้วยการกิน(เพื่อเติบโตแข็งแรง)ตามด้วยความสนุก ความซน ผสานจินตนาการ ที่ลึกลับ ท้าทาย และปลูกฝังสิ่งที่สำคัญของความเป็นมนุษย์ (ถึงแม้ตัวละครอยู่ในรูปสัตว์) คือ ความมีน้ำใจ ความเอื้ออาทร ความกล้าหาญ เพื่อนไม่ทิ้งเพื่อน สิ่งเหล่านี้อยู่ในหนังสือที่มีการใช้ภาษาไม่ฟุ่มเฟือย ภาพประกอบที่งดงามชวนตะลึง
5. กอด เรื่องและภาพ : มากิ ซาซากิ แปล: มารินา โคบายาชิ จัดทำต้นฉบับภาพนูน : ทองย้อย เชืองทอง หนังสือภาพนูนอักษรเบลล์ สำหรับเด็กบพร่องทางการเห็น
เรื่องย่อ: เรื่องราวของตัวละครน่ารักๆ หลายคู่มาพบกันบนชายหาด เช่นคุณอูฐกับคุณม้าลาย
นกเพนกวินกับจระเข้ ปลาหมึกกับคุณลุง ทุกคู่ทักทายกันด้วยถ้อยคำง่ายๆ แต่กินใจ พร้อมกับวิ่งเข้าหากันด้วยความคิดถึงและกอดกันอย่างมีความสุข
จุดเด่น: กอด เป็นเรื่องเรียบง่าย ตรงไปตรงมา แต่สามารถสร้างความรู้สึกอบอุ่น เป็นมิตร และน่าประทับใจ เพราะผู้ประพันธ์หนังสือภาพออกแบบลายเส้น สีสันที่มีชีวิตชีวา มีพลังจนกระทั่งส่งความรู้สึกมายังผู้อ่านให้รู้สึกถึงความสุขของตัวละครได้ด้วย
ผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อหนังสือภาพดังกล่าวได้แล้วตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป โดยรายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายนำเข้า ‘กองทุนนำหนังสือดีสู่เด็กไทย’ เพื่อจัดพิมพ์หนังสือภาพและมอบให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลในชนบทที่ขาดแคลนต่อไป
สำหรับหนังสือภาพเรื่อง “กอด” ไม่มีวางจำหน่าย ทั้งนี้มูลนิธิฯ ได้จัดพิมพ์ทั้งหมดจำนวน 500 เล่ม เพื่อมอบให้โรงเรียนสอนคนตาบอดทั่วประเทศ
นอกจากมูลนิธิฯ จะมุ่งมั่นสร้างสรรค์หนังสือภาพให้ครอบครัวไทยได้นำหนังสือไปใช้พัฒนาลูกแล้ว ช่วงปลายปีลมเย็นๆ อย่างนี้ มูลนิธิฯ ยังจัดกิจกรรมสุดหรรษาสำหรับครอบครัวอีกหนึ่งงานใหญ่ นั้นคือ งานเทศกาลนิทานในสวน งานนี้พ่อแม่ไม่ควรพลาดที่จะอุ้มลูกจูงหลานมาอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ใหญ่ยามเย็น เพลินชมตัวละครในโลกนิทานที่ออกมาโลดแล่นแต่งแต้มความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นจินตนาการของน้องๆ หนูๆ พร้อมฟังคำแนะนำเทคนิคการเล่านิทานจากผู้เชี่ยวชาญ และพูดคุยไขข้อข้องใจเรื่องการเลี้ยงลูกกับนักจิตวิทยาเด็ก พร้อมร่วมกิจกรรมแสนสนุกมากมายในบรรยากาศยามเย็น เริ่มวันเสาร์ที่ 15 และ 22 ธันวาคม 2561 ณ สวนลุมพินี และวันเสาร์ที่ 5 และ 12 มกราคม 2562 ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.scgfoundation.org หรือ Facebook มหัศจรรย์หนังสือภาพ