เทคนิคการ เลี้ยงลูกแบบสวีเดน เป็นที่กล่าวถึงอยู่พอสมควร ด้วยสไตล์การสอนลูก และการปลูกฝังลูก ที่น่าสนใจ ตลอดจน รูปแบบขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม สังคม และกฎหมาย ของประเทศสวีเดน ที่ค่อนข้างเอื้อต่อการสร้างเด็กและครอบครัว ให้มีคุณภาพ วันนี้เรามาติดตามอ่านกันค่ะ ว่าคุณพ่อคุณแม่ชาวไวกิ้ง เขามีสไตล์การเลี้ยงลูกอย่างไร
เปิดเทคนิค เลี้ยงลูกแบบสวีเดน ฝึกลูกให้อยู่เป็นในสังคม
ก่อนจะพูดถึง เทคนิคการ เลี้ยงลูกแบบสวีเดน เรามาดูจุดเด่นบางประการ ในความเป็น ประเทศต้นแบบในการใช้ชีวิต สำหรับผู้ที่มีครอบครัว กันก่อนเลยค่ะ ประเทศสวีเดน ขึ้นชื่อว่ามีกฎหมายที่ให้สิทธิในการลาคลอดที่ดีที่สุดในโลกก็ว่าได้ กล่าวคือ ทั้ง พ่อและแม่ สามารถลางานเพื่อเลี้ยงดูลูกได้นานถึง 480 วัน หรือ 16 เดือน แบ่งเป็น 6 เดือนแรกหลังคลอด โดยพ่อหรือแม่สามารถเลือกใช้สิทธิลางานได้ฝ่ายละ 3 เดือน (หากไม่ใช้ก็เสียสิทธิไป) จากนั้นอีก 10 เดือนที่เหลือ พ่อหรือแม่สามารถแบ่งกันใช้สิทธิได้ตามความพึงพอใจได้เลยค่ะ
ซึ่งการแบ่งวันลาเลี้ยงลูกให้พ่อและแม่เท่าๆ กัน นับว่ามีผลดีหลายอย่าง ที่เห็นได้ชัดเลย คือ นอกจากเป็นการลดภาระการเลี้ยงดู และลดความเครียดของแม่แล้ว เมื่อพ่อมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการเลี้ยงลูกมากขึ้น แม่ก็สามารถออกจากบ้านไปหางานทำ สร้างรายได้ และมีความสุขเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังถือเป็นการมอบโอกาสทองในการสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างพ่อกับลูก โดยเฉพาะประสบการณ์ในช่วงเวลาสำคัญกับลูก ซึ่งในประเทศอื่น ดูเหมือนจะเป็นแม่ ที่ได้ใกล้ชิดลูกอยู่ฝ่ายเดียวช่วงหลังคลอด
และนอกจากเรื่อง สิทธิในการลาคลอดแล้ว มนุษย์เงินเดือนที่มีลูกอายุ 1 – 12 ปี ยังมีสิทธิลางานได้ถึง 120 วัน ต่อปี ในกรณีที่ต้องอยู่บ้านดูแลลูกที่ป่วย โดยยังคงได้รับเงินเดือนตามปกติอีกด้วยค่ะ
ทีนี้เรามาเข้าเรื่อง เทคนิคการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ชาวไวกิ้งกันเลยดีกว่าค่ะ สไตล์การเลี้ยงลูกของคนสวีเดนนั้นค่อนข้างน่าสนใจ และมีบางอย่างที่พ่อแม่ชาวไทยอย่างเราๆ น่าจะนำไปปรับใช้ได้ แต่ก็มีบางอย่างที่น่าจะแปลกใจสำหรับเราๆ ค่ะ
1.ให้ลูกน้อยนอนหลับในรถเข็นนอกบ้าน
ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เราจะเห็นภาพพ่อแม่ชาวไวกิ้ง ปล่อยให้ลูกวัยละอ่อน นอนกลางวันในรถเข็นนอกบ้าน ถึงแม้จะเป็นในช่วงฤดูหนาว ที่อากาศค่อนข้างหนาวเย็น (ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส) เพราะพ่อแม่ชาวไวกิ้ง เชื่อว่า เด็กเล็กจะสามารถหลับได้นานและหลับลึกขึ้น ในสภาพอากาศหนาวเย็น ทั้งนี้มีงานวิจัยที่ยืนยันได้ ว่าเด็กที่สุขภาพไม่แข็งแรงจะมีสุขภาพดีขึ้น หากได้รับอากาศนอกบ้านที่เย็นสดชื่นอย่างเหมาะสม
2.ให้ลูกวัยเตาะแตะ เล่นซนนอกบ้านทุกวัน
พ่อแม่ชาวไวกิ้งมองว่าอากาศบริสุทธิ์ และการให้ลูกได้วิ่งเล่นนอกบ้าน มีความสำคัญต่อพัฒนาการของเด็ก สิ่งที่เสริมสร้างประสบการณ์ การเรียนรู้วัยเด็กของสังคมชาวไวกิ้ง คือ การที่พ่อแม่มักปล่อยให้เด็กๆ ได้ออกไปเล่นซนนอกบ้านจนตัวมอมแมม พวกเขามองว่าแม้เสื้อผ้ารองเท้าจะเลอะโคลน ลูกมีรอยแผลถลอกตามตัว แต่ก็คุ้มค่า ถ้าลูกๆ ได้สนุกกับการผจญภัย เปิดโลกจินตนาการ ด้วยการสำรวจสิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้อยู่แค่ในบ้าน ทั้งนี้มีงานศึกษาวิจัยล่าสุด จากกลุ่มตัวอย่าง(ชาวอเมริกัน) ระบุว่า จุลินทรีย์ที่อยู่ในดิน จะช่วยให้ร่างกายของเด็กสร้างภูมิุคุ้มกัน ส่วนเด็กที่เป็นภูมิแพ้จะสามารถหายจากอาการภูมิแพ้ หรือหอบหืดได้เร็วขึ้น
3.ไม่ลงโทษลูกด้วยการใช้ความรุนแรง
ในบ้านเราการที่พ่อแม่อาจใช้วิธีลงโทษลูกด้วยการตีบ้างเพื่อสร้างวินัยให้กับลูก อาจไม่ใช่เรื่องแปลกนัก แต่ที่สวีเดนเมื่อลูกทำผิดพ่อแม่นิยมสอนลูกด้วย การพูดคุยและให้เหตุผลกับลูกมากกว่า นอกจากนี้สวีเดนยังเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการบัญญัติกฎหมายห้ามลงโทษเด็กด้วยการตี (ตั้งแต่พ.ศ.2522)
4.วันศุกร์ คือ วันพิเศษของครอบครัว
ชาวสวีเดน จะให้ความสำคัญกับวันศุกร์เป็นพิเศษ เพราะถือเป็นช่วงเวลาแห่งการได้ผ่อนคลายกับครอบครัวมากที่สุด ทุกวันศุกร์ ครอบครัวชาวสวีเดนส่วนใหญ่ มักเลือกที่จะสังสรรค์กับครอบครัว ที่พ่อแม่ลูกได้อยู่กันพร้อมหน้า ช่วงเวลาพิเศษของพวกเขา คือการได้นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม จุดเทียน กินขนม และดูหนังฟังเพลงด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่คนในครอบครัวจะได้มีเวลาพูดคุยกันมากขึ้นด้วย
5.ส่งลูกเข้าเดย์แคร์ เมื่อพ่อแม่ต้องกลับไปทำงาน
เมื่อลูกอายุประมาณหนึ่งขวบ พ่อแม่ชาวสวีเดนส่วนใหญ่จะนิยมส่งลูกเข้า Daycare หรือ สถานดูแลเด็ก ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดมีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน
โดยมีอาหารให้เด็กทาน วันละ 2 มื้อ มีพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์คอยดูแลลูกเป็นอย่างดี ทางเลือกนี้นอกจากเป็นการปลูกฝังให้ลูกได้รู้จักการใช้ชีวิตในสังคมร่วมกับผู้อื่นตั้งแต่ยังเล็กแล้ว พ่อแม่ยังสามารถกลับไปทำงาน หาเงินได้อย่างไร้ความกังวล โดยไม่จำเป็นต้องเสียเงินจำนวนมากในการจ้างพี่เลี้ยงมาดูแลลูกอีกด้วย
6.เลี้ยงลูกแบบให้พึ่งตัวเองก่อน เมื่อเจอปัญหา
พ่อแม่ชาวสวีเดนให้ความสำคัญกับ การให้อิสระทางความคิดแก่ลูก และค่อนข้างส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ เพราะเชื่อว่าเด็กจะเติบโตมาเป็นเด็กที่มีจินตนาการที่ดี นอกจากนี้ นิสัยของพ่อแม่สวีเดนมักไม่ยัดเยียด สอนสิ่งต่าง ๆ ให้ลูกเร็ว หรือ มากจนเกินไป แต่พวกเขาเลือกปล่อยให้ลูกได้เล่น ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง และมักจะปลูกฝังลูกตั้งแต่ยังเล็กในเรื่องการพึ่งพาตัวเองก่อนเสมอเมื่อเจอปัญหา
7.ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ
ทั้งใน ระดับครอบครัว และสังคม ชาวสวีเดน ค่อนข้างให้ความสำคัญ กับความเท่าเทียมทางเพศสูงมาก จนบางครั้งก็น่าแปลกใจไม่น้อย เช่น ห้องน้ำบางแห่งในสวีเดน ไม่มีการแยกห้องหญิงชาย หรือ แม้กระทั่งในโรงเรียนหลายแห่ง ก็ไม่มีการ เรียกคำนำหน้าชื่อ เด็กหญิง เด็กชาย แต่จะมีการใช้ สรรพนามแทนทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย ด้วยคำว่า “Hen”แม้ในระดับครอบครัว หน้าที่แม่ ก็ไม่ได้มีกฏตายตัวว่า ต้องทำอาหารเย็น อาบน้ำให้ลูก เล่านิทาน หรือกล่อมลูกนอนเสมอไป เพราะทุกหน้าที่ ทั้งพ่อและแม่ชาวสวีเดนมักทำแทนกันได้ นอกจากนี้ ยังเป็นที่รู้กันดี ว่าสังคมสวีเดน ไม่นิยมนำเรื่อง เพศสภาพ มาเป็นตัวกำหนด หรือจำกัดขอบเขตในการประกอบอาชีพ หรือการทำสิ่งต่างๆ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ พ่อแม่ชาวสวีเดนมักจะไม่ห้าม ถ้าลูกสาวชอบเตะฟุตบอล หรือ ลูกชายชอบเล่นตุ๊กตา เรียกได้ว่า ข้อดีของการไม่นิยมการแบ่งแยกเพศ คือ เด็กๆ ชาวสวีเดน สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อย่างเต็มที่เลยละค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับเทคนิคการเลี้ยงลูกแบบสวีเดนที่เรานำมฝากกันวันนี้ สำหรับสิ่งที่เห็นได้ในการเลี้ยงลูกของคนสวีเดน คือ การไม่นิยมลงโทษลูกด้วยการตี แต่ใช้การสอนด้วยเหตุและผลแทน ตลอดจนการปลูกฝังให้ลูกพึ่งตัวเองเมื่อเจอปัญหา หรือแม้แต่การ ให้อิสระทางความคิด และปล่อยให้ลูกได้ทดลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง ซึ่ง โดยรวมแล้วหากเรานำมาปรับใช้ ลูกก็จะสามารถเป็นเด็กที่มีความฉลาดด้วย (Power BQ) หลายด้านเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นด้านการ ฉลาดคิด (TQ) ฉลาดเข้าสังคม (SQ) ฉลาดเผชิญอุปสรรค (AQ) ทำให้ลูกพร้อมเติบโตและปรับตัวใช้ชีวิตในสังคมนอกบ้านได้อย่างสบายๆ เลยค่ะ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : cupofjo.com,matadornetwork.com,www.purewow.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
7เทคนิคเลี้ยงลูกให้มั่นใจด้วยคำชมและ คำพูดให้กำลังใจ
วิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวก ไม่ดุ ไม่ตี ปูพื้นฐานชีวิตลูกให้ดีใน 3 ปีแรก
เปิดเทคนิค สอนลูกให้ใจแกร่ง ฟันฝ่าอุปสรรคชีวิตได้ราบรื่น
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่