จากกรณีที่ปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนและนักศึกษาก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน รวมทั้งเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและสังคม ศาลเยาวชนจึงมีคำพิพากษาให้จำคุกผู้ปกครองนักเรียนก่อเหตุทะเลาะวิวาทเป็นคดีแรก
ศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีคำพิพากษาจำคุก ผู้ปกครองของเยาวชน อายุ 17 ปี จำนวน 2 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดี ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาไปในที่สาธารณะ ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีตามคำสั่งคสช.ที่ 30/2559 กับผู้ปกครองทั้ง 2 ของผู้ต้องหา เป็นเวลา 6 เดือน ปรับคนละ 60,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้การรับสารภาพศาลลดโทษให้คงจำคุก 3 เดือนปรับ 30,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายบี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปีและนายดี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี ในข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวเข้าไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันยิงปืนในเมืองหรือหมู่บ้านโดยใช่เหตุ ต่อมาวันที่ 13 กรกฎาคม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีตามคำสั่งคสช.ที่ 30/2559 กับผู้ปกครองทั้ง 2 ของผู้ต้องหา คือ มารดาของนายบี และบิดาของนายดี ในข้อหากระทำการบังคับ ขู่เข็ญ ยุยง ส่งเสริม ช่วยเหลือ หรือสนับสนุน ให้นักเรียนหรือนักศึกษาฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 อันเป็นเหตุให้นักเรียนหรือนักศึกษาไปก่อการทะเลาะวิวาท หรือทำร้ายร่างกายผู้อื่น ก่อนจับกุมและดำเนินคดีต่อไป
จากผลการลงโทษของศาลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การอบรมสั่งสอนเลี้ยงดูลูก ถือเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรตระหนักและให้ความสำคัญ เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าลูกจะทำผิดอย่างไร ผลก็ต้องตกมาที่พ่อแม่เช่นนั้นด้วย