อาหาร ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะช่วย บำรุงสมอง และเสริมสร้างพัฒนาการทางร่างกายของลูกน้อยให้เติบโตแข็งแรงสมวัยพร้อมมีสติปัญญาที่ดี ทีมแม่ ABK จึงมีเคล็ดลับในการบำรุงสมองลูกน้อย ด้วยอาหาร มาฝาก ซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกให้กินได้ตั้งแต่แรกเกิด – 3 ขวบ ได้ เพื่อจะได้ลองนำไปปรับใช้กับการเตรียมอาหารให้ลูกๆ ที่บ้านกันค่ะ
เคล็ดลับ! บำรุงสมอง ลูกน้อย
ด้วย “อาหาร” ตั้งแต่แรกเกิด-3 ขวบ
ในสามขวบปีแรกนับเป็นเวลาทองของชีวิตลูกที่พ่อแม่ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ ซึ่งการบำรุงสมองลูกน้อย ด้วยการให้ได้รับอาหารและสารอาหารที่ครบถ้วนเหมาะสมตามช่วงวัยล้วนมีส่วนช่วยให้สมองและร่างกายของลูกได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ เราลองมาดูกันว่ามีอาหารอะไรบ้างที่จะช่วยสร้างสมองดีให้กับลูกตั้งแต่แรกเกิดจนถึงสามขวบ
1. บำรุงสมอง ให้ลูกน้อย วัยแรกเกิด – 6 เดือน
นมแม่ ถือเป็นอาหาร บำรุงสมอง ที่เหมาะกับลูกน้อยมากที่สุดในช่วงแรกเกิดถึง 6 เดือน เพราะสารอาหารต่างๆ ที่ร่างกายคุณแม่มีได้ถ่ายทอดผ่านน้ำนมเพื่อเป็นอาหารของลูก โดยในน้ำนมแม่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรต โปรตีนไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ในปริมาณที่เหมาะสม ร่างกายของลูกสามารถดูดซึมได้โดยไม่ต้องผ่านการย่อย เพราะฉะนั้นจึงผ่านได้โดยสะดวกและดูดซึมได้ดี
และเมื่อลูกอายุ 6 เดือนขึ้นไปถือเป็นช่วงเวลาที่พร้อมจะให้อาหารเสริมได้แล้ว สามารถนับแทนเป็น 1 มื้อได้ แต่นมก็ยังเป็นสิ่งที่ลูกต้องการอยู่ หากคุณแม่ไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ ควรเลือกนมผสมที่มีคุณสมบัติเหมาะกับทารกและเด็กในแต่ละวัย
2 บำรุงสมอง ลูกน้อย ช่วงอายุ 6 – 8 เดือน
สำหรับลูกน้อยในช่วงอายุ 6-8 เดือนนี้ จะกินนมเป็นอาหารหลัก และมีอาหารเสริมเพียง 1 มื้อ ในแต่ละมื้อควรได้รับข้าวอย่างน้อย 2 – 3 ช้อนโต๊ะและเนื้อสัตว์ 1 ช้อนโต๊ะ (จะเป็นเนื้อหมู ไก่ หรือปลาก็ได้ ถ้าเป็นเนื้อปลา คุณแม่ต้องสังเกตด้วยว่าลูกมีอาการแพ้หรือไม่ อาจจะเริ่มด้วยปลาน้ำจืดอย่างปลาช่อน หรือถ้าคุณแม่มั่นใจว่าลูกไม่แพ้ก็สามารถเริ่มด้วยปลาทะเลได้เลย) นอกจากนี้ควรให้กินผักสี ผักใบที่เนื้อนิ่ม ไม่มีกากหรือเสี้ยน รวมทั้งเริ่มเสริมผลไม้ เน้นเป็นผลไม้ชิ้นไม่ใช่น้ำผลไม้ และสามารถเริ่มให้ไข่แดงต้มสุกได้ตอน 7 เดือน
3. บำรุงสมอง ลูกน้อยช่วงอายุ 8 – 10 เดือน
อาหารที่เคยบอกว่าเป็นเพียง 1 มื้อก็สามารถปรับเป็น 2 มื้อได้ หลังจากอายุ 10 เดือนขึ้นไป สามารถปรับเป็น 3 มื้อได้เลย แต่ทั้งหมดตรงนี้ไม่ใช่ว่าตั้งแต่ 6 เดือนเราจะลดนมนะคะ คุณแม่ยังคงต้องให้ลูกกินนมอย่างต่อเนื่อง(ไม่ว่าจะเป็นนมแม่หรือนมผสม)เพราะนมเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีมีแคลเซียม วิตามิน และแร่ธาตุที่เหมาะสม คุณแม่ต้องมีวิธีในการให้อาหารลูกคือ ไม่ใช่ว่าในหนึ่งมื้อให้ทั้งนม 1 แก้วและอาหาร 1 จาน แบบนี้เด็กจะรับไม่ไหว การเสริมนม อาจเป็นช่วงสิบโมงบ่ายสองโมง หรือหลังอาหารเย็น มีการแบ่งเวลาแต่ละมื้อให้แก่ลูก
4. บำรุงสมองลูกน้อย วัย 1-2 ขวบ
จากหนึ่งปีขึ้นไปสามารถให้ลูกกินอาหารเหมือนผู้ใหญ่ได้ เพียงแต่เป็นอาหารอ่อนนุ่ม รสไม่จัด ไม่ปรุงแต่งเครื่องเทศ ควรให้กินอาหารรสธรรมชาติ ที่สำคัญอย่าให้กินขนมหวานหรือขนมขบเคี้ยวที่เต็มไปด้วยแป้ง น้ำตาล และไขมัน เพราะจะทำให้ไม่กินอาหารมื้อหลักและไม่ดื่มนมเสริม คุณแม่อย่าลืมปรับช่วงอาหารเสริมให้มีสารอาหารครบถ้วน อาจเป็นขนมปังกับนมหรือแซนด์วิชง่ายๆ เพื่อเป็นการรองท้องก่อนกินอาหารมื้อหลัก
ส่วนเนื้อสัตว์ ควรให้กิน 2 – 3 ช้อนโต๊ะต่อมื้อ อาหารแนะนำในกลุ่มเนื้อสัตว์ควรให้ลูกกินหลากหลาย เช่น หมู ไก่ ปลาทะเล หรือปลาน้ำจืด เพราะแต่ละชนิดมีจุดเด่นที่ต่างกันเนื้อหมูจะเด่นเรื่องวิตามินบี 12 ปลาน้ำจืดอย่างปลาช่อน ปลาทะเลอย่างปลาแซลมอน หรือปลาทู จะมีกรดไขมันที่จำเป็นอย่างโอเมก้า-3 มีไอโอดีนสร้างสมอง และมีสังกะสีช่วยเรื่องภูมิคุ้มกัน ถ้าไม่สะดวกอาจเลือกใช้ปลาทูน่าชนิดน้ำแร่มาใช้ทำอาหารให้ลูกก็ได้
คุณแม่ควรหุงข้าวที่มีส่วนผสมของข้าวกล้องและข้าวซ้อมมือช่วยบำรุงระบบประสาท นอกจากนั้นควรให้ลูกกินผักผลไม้ที่หลากหลายเหมือนกับช่วงก่อน 1 ขวบ แต่เพิ่มปริมาณให้มากขึ้นตามวัย
5. บำรุงสมองลูกน้อย วัย 2-3 ขวบ
ช่วงนี้ยังคงเน้นการกินอาหารให้ครบถ้วนเหมือนเดิม เพียงแต่เพิ่มปริมาณให้มากขึ้น เพราะเด็กวัยนี้มีกิจกรรมและต้องใช้พลังงานมากขึ้นคุณแม่ควรระวังเรื่องการกินขนมและของหวานของลูก ควรจัดอาหารว่างที่มีประโยชน์ เช่นถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดทานตะวัน ปลาตัวเล็กตัวน้อย ข้าวตัง ขนมปังโฮลวีท หรือแครกเกอร์โฮลวีทเป็นต้น นมยังคงเป็นอาหารเสริมที่เป็นประโยชน์สำหรับเด็กวัยนี้ คุณแม่อาจเลือกสลับให้ได้ระหว่างนมวัวและนมถั่วเหลือง เลือกใช้วิธีกินให้หลากหลายและสมดุล
ควรกินเนื้อสัตว์มื้อละ 3 ช้อนโต๊ะขึ้นไป ไข่วันละ 1 ฟอง การปรุงเนื้อปลาควรหลีกเลี่ยงการทอด ให้ใช้วิธีนึ่งอบ ต้ม ลวกแทน เพราะน้ำมันในปลาจะไม่หายไป แต่ถ้าเอาไปทอด น้ำมันปลาที่บอกว่ามีโอเมก้า-3 ก็จะหายปนไปกับน้ำมัน
ความฉลาดของเด็กแต่ละคน นอกจากจะกำหนดด้วยปัจจัยทางพันธุกรรมแล้ว อาหาร สิ่งแวดล้อม และการเลี้ยงดูก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
เด็กที่ได้กินอาหารครบและหลากหลายจะได้สารอาหารครบถ้วนเพื่อ บำรุงสมองลูก แถมห่างไกลจากสารพิษตัวเดิมๆ ที่เกิดจากการกินอาหารซ้ำๆ หากรวมกับการได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และมีการเลี้ยงดูที่เหมาะสม รับรองว่าจะเป็นเด็กแข็งแรง ฉลาดและสมองดีอย่างแน่นอน …ด้วยความใส่ใจและห่วงใยค่ะ
บทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจ