ลูกอึไม่ออก ลูกถ่ายยาก ปัญหาใหญ่กวนใจพ่อแม่ ที่เราทำได้เพียงแค่นั่งเอาใจช่วยลูกเท่านั้นหรือ วันนี้เรามีสูตรเด็ดเคล็ดลับมาช่วยคลายปัญหาให้คุณ และลูกน้อยได้
“ลูกอึไม่ออก”บอกสูตรเด็ด…ลูกถ่ายยาก แค่ไหนก็แก้ได้!!
ท้องผูกในเด็ก ไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง เป็นเพียงอาการหนึ่งซึ่งเกิดจากพฤติกรรมเป็นส่วนใหญ่ พบว่า 95% ของอาการท้องผูกในเด็ก เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารและนิสัยในการขับถ่าย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีอาหารฟาสต์ฟู้ดมากมาย ทำให้เด็กรับประทานผักและผลไม้น้อยลง ร่วมกับดื่มน้ำน้อย ทำให้อุจจาระแข็ง ถ่ายแล้วเจ็บ เมื่อเจ็บก็ทำให้เด็กกลัวการขับถ่าย จึงกลั้นอุจจาระ ซึ่งถ้ากลั้นอุจจาระจนเป็นนิสัย อุจจาระอยู่ในร่างกายนาน ๆ ก็จะแข็งขึ้น ก้อนใหญ่ขึ้น ทำให้ลูกถ่ายยาก ซึ่งเป็นการเกิดอาการท้องผูกตามมาในที่สุด
เวลาลูกท้องผูก เขาอาจจะไม่รู้อาการของตัวเอง พ่อแม่ต้องคอยหมั่นสังเกตลูก ถ้าลูกถ่ายอุจจาระได้ไม่ถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วแต่ละครั้งก็ต้องเบ่งจนหน้าดำหน้าแดง อุจจาระที่ออกมาเป็นก้อนแข็ง ๆ แสดงว่าลูกอาจจะมีอาการท้องผูกแล้ว
ปวดท้อง…อึ เป็นแบบไหนกันนะ
- ผลต่อพัฒนาการของร่างกาย เมื่อเด็กท้องผูกมากจะรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ อาจส่งผลให้เด็กมีน้ำหนักตัวน้อย ตัวเล็ก และขาดสารอาหารได้
- ผลทางด้านจิตใจและอารมณ์ ในเด็กบางรายที่ท้องผูกมานาน อาจมีอุจจาระเล็ดออกมาภายนอก ทำให้เปื้อนติดกางเกงและมีกลิ่นเหม็น ซึ่งอาจทำให้เด็กรู้สึกอายเพื่อน และรู้สึกมีปมด้อย หรือในกรณีของเด็กบางรายที่มีอาการปวดท้องแต่ไม่สามารถอธิบายอาการที่เป็นได้ และคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่เข้าใจ ก็อาจทำให้เด็กเกิดปัญหาทางอารมณ์ กลายเป็นเด็กหงุดหงิด ก้าวร้าวได้
ดังนั้น หากเด็กมีอาการท้องผูกมานานหรือปวดท้องไม่หาย คุณพ่อคุณแม่ควรพามาพบแพทย์ ซึ่งแพทย์จะทำการซักประวัติการรับประทานอาหาร ในกรณีที่จำเป็นอาจต้องทำการเอกซเรย์หรืออัลตราซาวนด์ร่วมด้วย เมื่อวินิจฉัยได้แน่ชัดแล้วว่าเป็นท้องผูก ก็อาจทำการสวนอุจจาระและแนะนำการปรับเปลี่ยนอาหารที่รับประทาน สำหรับรายที่มีอาการรุนแรงจนถึงจุดที่การปรับเปลี่ยนอาหารไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้ แพทย์อาจต้องให้ยาเพื่อทำให้อุจจาระนิ่มลง ซึ่งจะช่วยให้เด็กไม่มีความเจ็บปวดเวลาถ่าย หายกลัว และสามารถถ่ายแบบธรรมชาติได้ เมื่ออาการดีขึ้นแล้วจึงค่อยลดยาลง ทั้งนี้การรับประทานยาจำเป็นต้องทำร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งการรับประทานอาหาร และการฝึกขับถ่ายให้ตรงเวลาด้วย
ข้อมูลอ้างอิงจาก www.bumrungrad.com
8 วิธีแก้ท้องผูก เมื่อ ลูกถ่ายยาก
- อาหารเช้าสำคัญ ตอนเช้าลำไส้ใหญ่ทำงานมากที่สุด ดังนั้นการรับประทานอาหารเช้าจะช่วยกระตุ้นกระเพาะอาหาร และลำไส้ให้บีบตัวจนรู้สึกอยากถ่าย
- หลังอาหารเช้าประมาณ 30 นาที โดยส่วนใหญ่จะเริ่มรู้สึกปวดอยากถ่าย ซึ่งในระหว่างรออาจชวนลูกเดินย่อยหลังทาน เพื่อช่วยให้ลำไส้ได้ขยับตัว และเมื่อลูกบ่นปวดอยากถ่ายให้รีบพาลูกไปทันที เพราะความรู้สึกดังกล่าวจะอยู่เพียงแค่สองนาที
- ให้ลูกดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะน้ำจะช่วยให้อุจจาระนิ่ม ขับถ่ายง่ายขึ้น
- เพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหารทุกมื้อ และควรกินพร้อมกากไม่ใช่แบบคั้นน้ำ เพื่อให้ได้รับกากใยอาหารเพียงพอต่อการขับถ่าย ใยอาหารหรือไฟเบอร์ ช่วยให้ลำไส้กลับมาทำงานเป็นปกติได้ไว โดยทั่วไปปริมาณเส้นใย (Fiber) ที่เพียงพอสำหรับเด็ก 1-3 ปี คือ 19 กรัมต่อวัน สำหรับเด็กอายุ 4-8 ปี คือ 25 กรัมต่อวัน ซึ่งจะพบได้มากในอาหารประเภทผัก ผลไม้สดหรือแห้ง ธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวกล้อง ลูกพรุน แครอท หน่อไม้ฝรั่ง ลูกเกด
- พยายามเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน เพราะไขมันทำให้การบีบตัวของกระเพาะอาหาร และลำไส้ลดลง ซึ่งอาหารในปัจจุบัน โดยเฉพาะอาหารฟาสต์ฟู้ดนั้น มักมีไขมันสูง เมื่อการทำงานของกระเพาะอาหาร และลำไส้ทำได้ไม่เต็มที่ ก็จะทำให้เกิดอาการท้องอืด และท้องผูกได้
- ให้ลูกได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายได้ขยับตัว เป็นการช่วยเพิ่มการบีบตัวของลำไส้มากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อและระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติมากขึ้น
- ให้ลูกทานอาหารที่มีโปรไบโอติก โปรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ภายในลำไส้ของคนเราและไม่ก่อโรคให้ร่างกาย เช่น Lactobacillus Bifidobacterium หรือ Sacchromyces Boulardi และยังพบอยู่ในอาหารบางประเภท โดยเฉพาะโยเกิร์ต นมเปรี้ยว ซึ่งมีการศึกษาพบว่าแบคทีเรียเหล่านี้ช่วยสร้างความสมดุลของสภาวะในระบบการย่อยอาหาร โดยไปลดแบคทีเรียชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกายไม่ให้มีมากเกินไป และช่วยปรับการทำงานของลำไส้ให้เป็นปกติ
- ฝึกการขับถ่ายของลูกให้เป็นเวลา โดยสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ในช่วง 2 ขวบปีแรก แต่การฝึกควรทำเมื่อลูกพร้อม ให้ลองสังเกตว่าลูกมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายหรือไม่ เช่น อุจจาระแข็ง ชอบกลั้นอุจจาระ ชอบหนีไปซ่อนหรือร้องไห้ หากมีปัญหาเหล่านี้ ให้คุณพ่อคุณแม่ลองปรับเปลี่ยนอาหารที่ให้ลูกรับประทานก่อน โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้อุจจาระแข็ง เช่น ข้าวกล้อง ช็อกโกแลต ชีส เมื่อลูกถ่ายได้ดีแล้วและไม่ต่อต้าน จึงค่อยเริ่มฝึกการขับถ่ายให้กับลูกต่อไป
สูตรเด็ด…เมื่อ”ลูกอึไม่ออก”
- สูตรที่ 1 น้ำอุ่น + กล้วยหอม
กล้วยหอมสุก 1 ลูก ให้ลูกทานหลังมื้ออาหาร ตามด้วยน้ำอุ่น 1 แก้ว
ประโยชน์ของกล้วย โดยกล้วยจะมีวิตามิน B1 และ B2 คอยช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน มีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีต่อร่างกาย มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ซึ่งการรับประทานกล้วยจะได้ไฟเบอร์มาช่วยระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายแล้ว เรายังได้รับสารวิตามิน และสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นแก่ร่างกายอีกด้วย
- สูตรที่ 2 น้ำมะเขือเทศ + โยเกิร์ต
น้ำมะเขือเทศ 1 แก้ว ตามด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติ (หรืออาจจะเป็นรสอื่นตามแต่ที่ลูกชอบก็ได้ แต่ให้ระวังเรื่องปริมาณน้ำตาล) 1 ถ้วย
- สูตรที่ 3 น้ำอุ่น + มะขาม
นำมะขามเปียกมาสัก 1 ปั้น คั้นในน้ำอุ่น ๆ กรองกากใหญ่ออก เสร็จแล้วตั้งไฟให้เดือด ใส่น้ำตาล เกลือ เพิ่มรสชาติ ให้ลูกรับประทาน นอกจากน้ำมะขามจะมีรสชาติอร่อย ยังเป็นตัวช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี จากวิตามินซีที่มีอยู่สูง
- สูตรที่ 4 นมจืด
รับประทานนมจืดตอนท้องว่าง อาจเป็นช่วงเช้าก่อนอาหารก็ได้ จะช่วยให้ถ่ายท้องได้ดีขึ้น แถมยังได้ประโยชน์จากแคลเซียมในนมอีกด้วย
สูตรเด็ดเคล็ดลับที่เรานำมาบอกต่อกันวันนี้ หวังว่าจะมีประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังประสบปัญหาลูกถ่ายยาก ปัญหาเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนจะไม่เล็กเมื่อเห็นลูกทรมานจากการเบ่งถ่ายกัน ยังไงลองไปปรับใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละคนกันดู รับรองว่าช่วยได้ไม่มากก็น้อยนะจ๊ะ หรือถ้าบ้านไหนยังคงมีอาการอยู่ อันนี้คงต้องแนะนำว่าควรพาลูกไปปรึกษาคุณหมอจะดีที่สุด เพราะแม้อาการท้องผูกจะไม่ใช่โรคร้าย แต่อาจเป็นบ่อเกิด หรือสัญญาณเตือนอะไรบางอย่างที่ผิดปกติในร่างกายลูกได้ ไม่ควรชะล่าใจเชียว
อ่านต่อ 10 สุดยอดอาหาร ผลไม้ สำหรับเด็กท้องผูก
ข้อมูลอ้างอิงจาก www.pobpad.com/ minme_official
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
ตารางวัคซีน 2564 ปีนี้มีปรับรายละเอียด? ลูกต้องฉีดอะไร ตอนไหนบ้าง เช็กเลย!
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่